อดีตผู้กำกับโจ้ ขอความเป็นธรรม รับเอาถุงคลุมหัวหลายใบ แต่คลิปมีการตัดต่อ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม อดีตผู้กำกับโจ้ ขอความเป็นธรรม รับเอาถุงคลุมหัวหลายใบ แต่คลิปมีการตัดต่อ
ความคืบหน้าคดีอดีต ผู้กำกับโจ้ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง วันนี้มีนัดตรวจพยานหลักฐาน และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลย มาศาลฯ ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.180/2564 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้อง พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผู้กำกับโจ้ และพวก รวม 7 คน
กรณีที่ร่วมกันใช้ถุงดำคลุมศีรษะนายจิระพงษ์ หรือ มาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต โดยจำเลยถูกฟ้องรวม 4 ข้อหา คือ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ / เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ / ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย
คดีนี้ ศาลฯสอบคำให้การจำเลยไปเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 โดยครั้งนั้น พันตำรวจเอกธิติสรรค์ แถลงต่อศาลฯ รับสารภาพทั้งหมด 3 ข้อหา คือ ความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ / เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติฯ และรับสารภาพในข้อหา ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น แต่ปฏิเสธข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย โดยให้เหตุผลว่า ตัวเองเองและลูกน้องไม่มีเจตนาฆ่า เเค่ต้องการขยายผลเพื่อจับกุมยาเสพติด และยืนยันไม่มีเจตนากระทำการทุจริตใดๆต่อหน้าที่ หรือเรียกรับผลเงินจากผู้เสียชีวิต / ส่วนจำเลยที่เหลือให้การรับและปฏิเสธข้อหาแตกต่างกันไป อ้างว่าทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิต
ขณะที่ในวันนี้ เรืออากาศตรีจักรกฤษ จั่นดี และนางจันจิรา ธนะพัฒน์ พ่อแม่ของนายจิระพงศ์ เดินทางมาศาล โดย เรืออากาศตรีจักรกฤษ ยอมรับว่า ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และจะขอยื่นศาลฯ เพื่อให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน หนึ่งล้านห้าแสนบาท กับครอบครัว / ส่วนเรื่องการดำเนินคดีในชั้นศาลทางอัยการ รับทำคดีไปตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัด ศาล สอบจำเลยทั้ง 7 คน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสำนวนคดีเบื้องต้น โดยย้ำว่า ข้อเท็จจริงนี้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนไม่ใช่การชี้ว่าใครถูกหรือผิด แต่กระบวนการนั้นจะอยู่ในการไต่สวนคดีนัดถัดไป
ซึ่งจำเลยทั้ง 7 คน รับว่า เป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยศาล ยังถามจำเลยทั้งหมดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า ในวันที่ 4 สิงหาคม 2564 จำเลยทำหน้าที่ชุดตำรวจปราบปรามยาเสพติดและจับ ผู้เสียชีวิตและภรรยาพร้อมไอซ์ มาควบคุมตัวที่ห้องปฏิบัติการพิเศษยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ เพื่อสอบสวนขยายผลคดียาเสพติด
โดยปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 นำถุงพลาสติกสีดำหลายใบ มาคลุมศีรษะของผู้เสียชีวิตและมีจำเลยที่เหลืออยู่ร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งในประเด็นนี้จำเลยที่ 1 แถลงยอมรับว่านำถุงพลาสติกหลายใบมาคลุมศีรษะจริงแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รัดแน่น หรือมีเจตนาให้เสียชีวิต
ส่วนประเด็นคลิปและภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุการณ์ทั้งหมด จำเลยที่ 1 แถลงต่อศาล ขอให้ศาลพิจารณาโดยอ้างว่ามีเหตุการณ์ช่วงที่พยายามช่วยชีวิตถูกตัดหายไป และมีตำรวจบางนายไม่ปรากฏในคลิปเหตุการณ์ที่อยู่ในสำนวนคดีชั้นศาล อีกทั้งมีคำให้การเท็จ ซึ่งในประเด็นนี้ ศาลรับว่าในชั้นไต่สวน สามารถนำพยานหลักฐานมายืนยันในชั้นต่อไปได้
สำหรับกระบวนการนัดตรวจพยานหลักฐาน เมื่อแล้วเสร็จขั้นตอนนี้ ศาลจะนัดวัน เพื่อไต่สวนคดี ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินวันที่ 16 มีนาคม 2565
ภายหลังศาลนัดตรวจพยานหลักฐานนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ เปิดเผยสั้นๆว่า คดีนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว ดังนั้น รายละเอียดคงไม่สามารถเปิดเผยได้มากนัก แต่ในส่วนของพยานหลักฐาน เนื่องจากระบบของศาลทุจริตฯ เป็นการพิจารณาแบบแสวงหาพยานหลักฐาน ซึ่งหากศาล ต้องการพยานหลักฐานใดเพิ่มเติมสามารถเรียกเข้ามา ประกอบสำนวนการพิจารณาคดีนี้ได้อยู่แล้ว
โดยศาลนัดไต่สวนพยาน คดีนี้รวม 7 นัด และนัดแรกเริ่มวันที่ 19 กุมภาพันธ์ จากนั้น นัดอีกในวันที่ 20 และ 21 กุมภาพันธ์ แล้วไปนัดอีกครั้งในเดือนมีนาคม ในวันที่ 5 วันที่ 6 วันที่ 12 และวันที่ 13 มีนาคม
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น