เปิดพฤติการณ์ ผกก.โจ้-6 ตร. ก่อนคลุมถุงดำจนผู้ต้องหาดับ

หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอาชญากรรม เปิดพฤติการณ์ ผกก.โจ้-6 ตร. ก่อนคลุมถุงดำจนผู้ต้องหาดับ

จากเรื่องราวสุดฉาวโฉ่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ รวมกับตำรวจอีก 6 นาย เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ต้องคดียาเสพติด 2 ล้านบาทแต่ได้เพียง 1 ล้าน ทำเกิดความไม่พอใจ ถึงขั้นลงไม้ลงมือถุงคลุมหัวจนขาดอากาศหายใจ พาไปรพ.แต่บอกรพ.ว่าเสพยาเกินขนาด จนกระทั่งมีคลิปออกมา ทั้งหมดถูกเด้งออกจากราชการ และตกเป็นผู้ต้องหาทันที

จากที่ทราบกันว่าวานนี้ควบคุมตัวได้แล้ว 5 ราย ล่าสุดวันนี้ช่วงบ่าย ผกก.โจ้ แจ้งพิกัดตัวเองแล้ว โดยเจ้าตัวได้หลบหนีไปที่ เมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นเมืองชายแดนด้านตะวันออกของประเทศพม่า ติดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ของประเทศไทย พร้อมกันนั้นได้นำตัวไปยังเซฟเฮ้าส์ และรายงานให้ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงรับทราบ

วันที่ 26 ส.ค.64 ที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง อายุ 38 ปี ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค อายุ 41 ปี ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น อายุ 46 ปี ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว อายุ 28 ปี ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว อายุ 51 ปีผู้ต้องหาที่ 1- 5 คดีถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนขาดอากาศเสียชีวิต ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

ตามคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า กล่าวคือ ต้องหากับพวกรวม 7 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ รับราชการอยู่ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ และได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ที่สั่งการโดยชอบด้วยกฎหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดให้โทษอีกหน้าที่หนึ่ง

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ส.ค.64 เวลากลางคืน ผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันจับกุมตัว นายจิระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ และ น.ส.กนกวรรณ ที่ร่วมกันนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) มาจำหน่ายให้กับสายลับของผู้ต้องหากับพวกที่ไปทำการล่อซื้อ โดยจับกุมตัวได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ตลาดนัดหน้าค่ายจิระประวัติ ต.นครสวรรค์ออก อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ได้พร้อมของกลาง คือ รถกระบะสี่ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโว้ สีขาว ทะเบียน กฉ 2905 ชัยนาท จำนวน 1 คัน, ไอซ์ น้ำหนักถุงละ 1 ขีด (100 กรัม) จำนวน 3 ถุง

ต่อมาขณะที่ นายจิระพงศ์ หรือมาวิน อยู่ในความควบคุมของผู้ต้องหากับพวก ผู้ต้องหากับพวกทราบว่า นายจิระพงศ์ ได้ซุกซ่อนยาเสพติดให้โทษประเภทยาบ้าไว้เป็นจำนวนมาก ต่อมาวันที่ 5 ส.ค.64 เวลากลางวัน ผู้ต้องหากับพวกประกอบด้วย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ตำแหน่ง ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์, พ.ต.ต.รวิโรจน์ ดิษทอง, ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศีวรรณา, ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว, ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น และ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว ได้ร่วมกันสอบเค้นหาที่ซ่อนของยาเสพติดให้โทษดังกล่าวจากนายจิระพงศ์หรือมาวิน โดยใช้ถุงพลาสติกซึ่งไม่มีช่องอากาศครอบศีรษะของ นายจิระพงศ์ หรือมาวินฯ แล้วม้วนปิดปากถุงเพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปในถุง

จากนั้นขณะที่ นายจิระพงศ์ ดิ้นเนื่องจากหายใจไม่ออก ผู้ต้องหากับพวกดังกล่าวได้ร่วมจับลำตัว แขน ของ นายจิระพงศ์ เพื่อไม่ให้ชัดขืนจนเป็นเหตุให้ นายจิระพงศ์ ขาดอากาศหายใจ และถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา หลังจากที่ นายจิระพงศ์ เสียชีวิตแล้ว ผู้ต้องหากับพวกไม่ได้ตรวจยึดยาเสพติดให้โทษและรถยนต์ฯ ที่ตรวจยึดได้นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับ นายจิระพงศ์ และ น.ส.กนกวรรณ

พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลจังหวัดนครสวรรค์ออกหมายจับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ,พ.ต.ต.รวิโรจน์ ดิษทอง, ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค ,ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา, ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ,
ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น และส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว พ.ต.ต.รวิโรจน์ ดิษทอง ตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 188/2564 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2564, ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค ตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 189/2564 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2564, ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น ตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 192/2564 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2564 , และ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว ตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 197/2564 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิด ห้องทำงานชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครสวรรค์ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาและพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดให้ผู้ต้องหาทราบ

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-4 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 289(5), 309 วรรคสอง โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหามาจะครบ 48 ชั่วโมง ในวันนี้แล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องทำการสอบสวนพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหา ด้วยความจำเป็นดังกล่าว จึงขออนุญาตฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนมีกำหนด 12 วัน ไปจนถึงวันที่ 6 กันยายนนี้

เนื่องจากเป็นคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ซึ่งนี้มีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้รักษากฎหมายกระทำผิดเสียเอง หากปล่อยตัวไปเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุร้ายประการอื่น จึงขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหานี้ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมาทนายความของ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว ผู้ต้องหาที่ 4 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลจังหวัดนครสวรรค์ พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง ลักษณะการกระทำเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว หากให้ปล่อยชั่วคราวเชื่อว่าจะหลบหนี กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง ส่วน พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง, ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค, ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น และ ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกหมายจับและการพิจารณาคำร้องขอฝากขังนี้ เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานตำรวจ ขอออกหมายจับเพื่อที่จะทำการจับในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นจังหวัดอื่นนอกจังหวัดพิษณุโลก อันเป็นที่ตั้งของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จึงยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้ ตามข้อบังคับประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกคำสั่งหรือหมายอาญา (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560