อดีตผู้กำกับโจ้ สารภาพกลางศาล รับผิดเพียง3ข้อหา-ปฏิเสธ1
ล่าสุดวันนี้ (19 พ.ย.64) ศาลศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดสอบคำให้การ โดยศาลอนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามการพิจารณาผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร้นซ์เท่านั้น ทั้งนี้อดีตผกก.โจ้ และจำเลยทั้ง 5 ถูกเบิกตัวมาศาล โดยทั้ง 7 คน มีสีหน้าเรียบเฉย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดี ของพ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ พร้อมพวกรวม 7 คน ทั้งหมดมีสีหน้าท่าทางเรียบเฉย ไม่ได้อยู่ในอาการเครียด ภายในห้องศาลอนุญาตให้มีเพียง จำเลย ทนายความ ฝ่ายจำเลย อัยการโจทก์ และเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์อยู่ภายในห้องเท่านั้น โดยแบ่งห้องให้สื่อมวลชนติดตามการพิจารณาคดีอยู่อีกห้องหนึ่ง ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร้นซ์
ในการสอบคำให้การครั้งนี้ พ.ต.อ ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ใน 3 ข้อหา
ข้อหาที่ 1 - ป.อาญา ม.157 เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ข้อหาที่ 2 - ป.อาญา ม.172 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ข้อหาที่ 4 - ป.อาญา ม.309 ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
และปฏิเสธ ข้อหาที่ 3 - ความผิดตามป.อาญา มาตรา 289(5) ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
ส่วนจำเลยที่เหลือต่างให้การ รับและปฏิเสธข้อหาแตกต่างกันไป โดยต่างอ้างว่า กระทำการไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยไม่มีเจตนาที่จะประสงค์ต่อชีวิตของผู้ตาย
ทั้งนี้จำเลยทั้ง 7 โดนแจ้งข้อหา 4 ข้อหาเช่นเดียวกับอดีตผู้กำกับโจ้
พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง รับสารภาพ 3 ข้อหา ปฏิเสธ ข้อหาฆ่าฯโดยแถลงต่อศาลว่าไม่มีเจตนาฆ่าเป็นการกระทำเพื่อขยายผล และร่วมกันทำร้ายแต่ไม่มีเจตนาให้ถึงแก่ความตาย
ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค ให้การปฏิเสธทุกข้อหา โดยแถลงต่อศาลว่าเข้ามาภายในห้องที่เกิดเหตุภายหลัง และทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาร่วมกันทำร้ายแต่ไม่มีเจตนาฆ่าและยังช่วยปั๊มหัวใจผู้เสียชีวิตด้วย
ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา ให้การปฏิเสธ 3 ข้อหา แต่รับภาคเสธ ข้อหาฆ่าทรมานโดยแถลงต่อศาลว่า การกระทำ ไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่มีเจตนาให้ถึงแก่ชีวิต
ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น ให้การปฎิเสธทุกข้อหา โดยแถลงต่อศาลว่าเข้ามาภายในห้องที่เกิดเหตุแล้วเดินออกไปทันที ซึ่งใช้เวลาอยู่ภายในห้องประมาณ 1 นาที ขณะที่เข้าห้องไปนั้นเห็น ผู้เสียชีวิต อยู่บนพื้นแล้ว
ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว ให้การปฎิเสธทุกข้อหาโดยแถลงต่อศาลว่า โดยในขณะนั้น ตนเองมีหน้าที่ขับรถให้ผู้บังคับบัญชา ไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้ติดตามผู้บังคับบัญชาเข้าไปภายในห้อง และอยู่ในที่เกิดเหตุ ร่วมจับตัวผู้ต้องหาตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายหรือฆ่า
ด้าน เรืออากาศตรี จักรกฤษ จั่นดี บิดาของ "มาวิน" ผู้เสียชีวิต เผยว่า ทางอัยการที่ จ.นครสวรรค์ แนะนำให้ตนตั้งทนายขึ้นมาเป็นโจทก์ร่วม เพื่อจะได้รับทราบข้อมูล วันนี้ฟังคำให้การของจำเลย ทั้ง 7 ก็พูดสมเหตุสมผลถึงการทำงานของตัวเองว่าเพื่อขยายผล พวกเขาก็ทำงานดี แต่ตนสงสารลูก ทุกวันนี้ยังนอนหลับตาเห็นภาพลูกที่ถูกกระทำ มันรับไม่ได้จริงๆ วันนี้ตนจึงมาฟังที่เขาพูด ว่าพูดอย่างไรก็มาขอความยุติธรรมจากศาลว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ในวันที่ 19 ม.ค.65 ศาลนัดสอบพยานอีกครั้ง
คดีนี้เราคงเรียกร้องอะไรไม่ได้มากกว่านี้ มาขอความเมตตาจากศาลซึ่งหลังเกิดคดียังไม่มีการติดต่อชดเชยเยียวยาความเสียหาย