เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่บก.สส.ภ.4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีฆ่าหั่นศพว่า ได้ประสานงานฑูตตำรวจไทยประจำเมียนมา ให้ช่วยเร่งติดตามผู้ต้องหา 3 คนที่ยังหลบหนี เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญและได้รับความสนใจจากประชาชน รวมถึงประสานไปยังหัวหน้ากลุ่มว้า กลุ่มมูเซอและกลุ่มไทใหญ่ เพราะมีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าหลังจากทั้ง 3 คนข้ามไปเมียนมาแล้ว ได้เข้าทำงานที่ร้านคาราโอเกะ จนกระทั่งวันอนุมัติหมายจับคือวันที่ 28 พ.ค. ได้มีคนมาพาตัวหลบหนีไป แต่ล่าสุดยังไม่พบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จึงทำให้เชื่อว่ามีผู้ให้ที่พักพิงและช่วยเหลือโดยตลอด เพราะขณะนี้ผู้ต้องหามีโทษตามกฎหมายของเมียนมาแล้ว ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพราะทั้งหมดเดินทางเข้าเมียนมาในวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยบัตรผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งกฎกหมายของเมียนมาสามารถพำนักอยู่ในพื้นที่ได้ 7 วัน ขณะนี้ได้เลยกำหนดระยะเวลาแล้ว
ผบก.สส.ภ.4 กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนหากถูกทางการเมียนมาจับกุมจะถูกดำเนินคดี ในข้อหาเป็นบุคคลหลบหนีเข้าเมืองของทางการเมียนมา และต้องถูกดำเนินคดีที่เมียนมาให้แล้วเสร็จ จึงจะส่งมอบตัวผู้ร้ายข้ามแดนมายังประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งประสานงานในรายละเอียดต่างๆทั้งหมด โดยพล.ต.ท.จตุพล ปานรักษา ผบช.ภ.4 ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ชุด เพื่อร่วมกันดำเนินคดี และสอบสวนว่านอกจากผู้ต้องหาทั้ง 5 คนยังมีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับคดีอีกหรือไม่ ทั้งการหาข้อมูลเชื่อมโยงเกี่ยวกับการกระทำความผิด ทั้งตัวบุคคล สถานที่พักหรือบ้านพักอาศัย เพื่อตรวจค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งหากพบว่ามีบุคคลเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวก็จะถูกนำตัวมาสอบสวนทั้งหมด
ขณะที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของน้องแอ๋มแล้วรวมกว่า 50 ราย โดยเฉพาะการสอบสวนครอบครัวของผู้ตาย รวมไปถึงบุคคลอื่นทั้งหมดที่ถูกกล่าวอ้าง โดยเฉพาะกับกบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นมาม่า ทั้งหมดถูกนำตัวมาสอบสวน เพื่อหาหลักฐานและข้อมูลการเชื่อมโยงคดี โดยกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงมือก่อเหตุฆาตกรรมน้องแอ๋ม และทุกคนให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี