ตร.เค้นสอบผัวสาวโอเกะ กับทอมคนสนิท คลี่คลายคดีฆ่าหั่นศพแต่ยังไม่พบพิรุธ เผยโผล่อีกรายสาวหล่ออดีตแฟน อยู่ที่ชัยนาท ชี้เคยทำร้ายผู้ตายจนเข้าร.พ. ขณะที่แม่พร้อมญาติ ให้การลูกสาวชอบทอม แต่แต่งงานกับผู้ชายตามที่แม่ต้องการ ตร.สั่งไล่ตรวจสอบภาพวงจรปิด ทั้งจุดเกิดเหตุและหอพักผู้ตาย รวมทั้งร้านขายถังใส่น้ำ ว่ามีใครมาซื้อในช่วงก่อนพบศพหรือไม่ ล่าสุดพบภาพผู้ตายยืนโทรศัพท์ใกล้หอพักก่อนหายตัวไป รวมทั้งภาพรถต้องสงสัย ที่คาดว่าจะรับ ผู้ตายไป ยันคดีคืบหน้า 90% มีผู้ต้องสงสัยแล้ว รอผลนิติเวชยืนยัน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 26 พ.ค. พ.ต.อ.จรัสพัฒน์ สุตยสรณคม รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เปิดเผยความคืบหน้าคดีพบศพน.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม อายุ 22 ปี ชาวชัยนาท สาวโอเกะเมืองขอนแก่น ถูกฆ่าหั่นศพยัดใส่ถุงดำและใส่ในถังพลาสติกอีกชั้น ก่อนนำมาขุดหลุมฝังทิ้งไว้ภายในป่าสาธารณะข้างทาง ในเขต อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยมีผู้มาพบศพเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ว่า จากการประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.พงษ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย ผกก.สภ.เขาสวนกวาง รวมทั้งชุดสืบสวนสอบสวน ยืนยันได้ว่าผู้ตายคือ น.ส.วาริสรา หรือน้องแอ๋ม ขณะที่แนวทางการสืบสวนได้เชิญตัวคนใกล้ชิดของน้องแอ๋ม ทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วยสาวทอมที่อยู่ในภาพกับผู้ตาย 1 คน และวัยรุ่นชายอีก 3 คนมาสอบสวน
พ.ต.อ.จรัสพัฒน์กล่าวว่า การสอบปากคำนั้นทุกคนให้การเป็นประโยชน์โดยยังไม่พบพิรุธ ส่วนชายวัยรุ่นอีกสามคนนั้น ยังเป็นเยาวชน โดยจะสืบสวนครบทุกประเด็น โดยคาดว่าไม่เกิน 7 วันน่าจะปิดคดีได้
ขณะเดียวกัน นางสายรุ้ง กลิ่นจุ้ย อายุ 42 ปี มารดาของผู้ตาย พร้อมญาติ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อดูภาพศพและทรัพย์สินของผู้ตาย โดยใช้เวลานานกว่า 5 นาที ก่อนยืนยันว่าเป็นบุตรสาวจริงๆ ครอบครัวต่างพากันกอดคอร้องไห้ด้วยความเสียใจ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด นางสายรุ้งบอกเพียงสั้นๆ ว่า ทั้งรอยสัก ทรงผม เสื้อผ้า เป็นของลูกสาว และศพดังกล่าวคือน้องแอ๋ม
พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.เขาสวนกวาง กล่าวว่า แม่ของผู้ตายให้การว่าน้องแอ๋มไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนในครอบครัวฟัง จึงไม่มีใครทราบรายละเอียดต่างๆ ที่ผ่านมาน้องแอ๋มชอบทอม และคบหากันมาแล้วหลายคน ครอบครัวจึงขอให้น้องแอ๋มแต่งงานกับผู้ชาย ซึ่งเจ้าตัวก็ทำตามโดยยอมแต่งงานกับนายศักดิ์ชัย บาทเต็มดี อายุ 35 ปี ชาว จ.หนองคาย โดยมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากการแต่งงานแล้วประมาณ 3 เดือนผู้ตายก็ขอกลับมาอยู่กับญาติและทำงานที่ขอนแก่น และก็กลับไปคบกับสาวทอมอีก จนกระทั่งมีผู้มาพบเป็นศพถูกฆ่าเสียชีวิต
พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าวต่ออีกว่า ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในเส้นทางใกล้กันกับจุดเกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสคนร้าย ขณะที่กำลังอีกชุดเข้าตรวจสอบที่หอพักของผู้ตายที่ ถ.เหล่านาดี เขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้หลักฐานสำคัญคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพของผู้ตายขณะอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อใกล้กับที่พัก โดยมีลักษณะที่กำลังโทรศัพท์คุยกับใครบางคนจากนั้นก็หายตัวไปจนกระทั่งมาพบศพดังกล่าว นอกจากนี้กำลังไล่ตรวจสอบร้านค้าที่จำหน่ายถุงพลาสติกและถังดำ ในเขต อ.เขาสวนกวาง ว่ามีบุคคลต้องสงสัยเข้ามาซื้อสิ่งของดังกล่าวในช่วงวันก่อนเกิดเหตุหรือไม่ เพื่อหาข้อมูลและเบาะแสต่างๆ เชื่อมโยงคดีในภาพรวม อย่างไรก็ตามยืนยันว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุน่าจะมีประมาณ 2-3 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนสอบสวนต่อไป
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ กก.3 บก.สส.ภาค 4 พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4 เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีและแนวทางการสืบสวนสอบสวนว่า ข้อมูลที่ญาติของผู้เสียชีวิตได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นที่ผู้ตายยอมแต่งงานด้วยความเต็มใจเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และยังคงมีการคบหากับสาวทอมทั้งก่อนและหลังแต่งงาน การสืบสวนหาตัวคนร้ายนั้น คืบหน้าแล้ว 90%
"ขณะนี้แนวทางการสืบสวนเน้นที่ประเด็นชู้สาว ที่มีบุคคลเข้ามาพัวพันกับผู้ตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำทั้งสาวทอมและสามีผู้ตาย ซึ่งการสอบสวนยังคงไม่พบพิรุธ แต่รายละเอียดอื่นๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้" รอง ผบช.ภ.4 กล่าว
รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า สำหรับประเด็นชิงทรัพย์นั้นจากการตรวจสอบที่กิดเหตุพบว่า โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 6 รวมทั้งเงินสดของผู้ตายหายไป อย่างไรก็ตามความคืบหน้าทางคดีและแนวทางการสืบสวนสอบสวนนั้นพบตัวบุคคลต้องสงสัยแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะต้องรอผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบเป็นหลักฐานจึงจะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ต่อมาพล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 พร้อมด้วยชุดสืบสวนสอบสวน ร่วมสอบปากคำนายศักดิ์ชัย บาทเต็มดี สามีของน้องแอ๋ม ภายในศูนย์สั่งการฉลามดำ ชั้น 2 อาคารที่ทำการ กก.3 บก.สส.ภ.4 โดยห้ามไม่ให้มีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในห้องดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงก่อนการเข้ารับการสอบปากคำได้เข้าร่วมพูดคุยกับสามีของผู้ตาย โดยนายศักดิ์ชัยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ผมคงไม่ขอพูดอะไร แต่คนทำกับเมียผมมันเป็นคนที่โหดร้ายมาก"
ต่อมาเวลา 17.30 น. หลังสอบปากคำนานร่วม 8 ช.ม. นายศักดิ์ชัย บาทเต็มดี สามีของน้องแอ๋ม เผยว่าได้คบหาดูใจกับน้องแอ๋ม เมื่อเดือน พ.ย.ของปีที่ผ่านมา ก่อนจะแต่งงานกันในเดือน ก.พ. ต้นปีที่ผ่านมา โดยรู้มาตลอดว่าน้องแอ๋มชอบคบหากับทอมและพูดคุยกับทอมหลายคนตั้งแต่ก่อนแต่งงาน แต่เพราะรักและไม่คิดอะไร แต่เพราะตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินเพื่อสร้างครอบครัว จึงต่างคนต่างทำงาน กัน ครั้งสุดท้ายที่พบกับภรรยาคือวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งภรรยาเดินทางกลับมาจากจ.ชัยนาท เพื่อมาพักผ่อนด้วยกันที่กรุงเทพฯ วันนั้นจำได้ว่ามีปากเสียงกันเพราะภรรยาขอไปหางานทำที่ขอนแก่น จึงห้ามเพราะกลัวจะมีปัญหาเรื่องทอม ทำให้ภรรยาไม่พอใจและวันที่ 6 พ.ค. ผู้ตายก็เดินทางมาที่ขอนแก่น จากนั้นก็ไม่พบหน้ากันอีกเลย แต่ก็ติดต่อกันโดยตลอดทั้งทางโทรศัพท์และทางเฟซบุ๊ก ครั้งล่าสุดที่คุยกันคือวันที่ 22 พ.ค.เวลา 23.47 น. ซึ่งได้ติดต่อไปทางเฟซและโทรศัพท์คุยกัน ซึ่งก็ยังคุยอ้อนกันตามปกติจนหลับไป จากนั้นก็พยายามติดต่ออีกครั้งในช่วงบ่ายของวันที่ 23 พ.ค.แต่ไม่สามารถติดต่อได้ มาทราบข่าวอีกครั้งเมื่อช่วงเย็นวาน
นายศักดิ์ชัยกล่าวต่ออีกว่า ในคืนวันที่ 22 พ.ค. ก่อนคุยกันพบว่าผู้ตายกำลังติดสายโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งโดยคุยกันนานกว่า 10 นาที แต่ด้วยความพยายามที่จะไม่คิดมาก และรักจึงไม่คิดอะไรจนกระทั่งมาทราบอีกครั้งว่าภรรยาผมนั้นเสียชีวิตแล้ว ผมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของภรรยา และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานแบบตรงไปตรงมาเพื่อจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ จากนี้ก็จะ เดินทางไปร่วมงานศพของภรรยาที่บ้านเกิด ที่ชัยนาททันที
"ผมไม่มุ่งเป้าหรือคิดว่าใครเป็นคนลงมือ ป๊อปปี้คือทอมสาวที่มาติดพันและผมก็ทราบว่า ภรรยาคุยอยู่กับเพื่อนสาวคนนี้อยู่ที่ จ.ขอนแก่น แต่ก่อนหน้านี้ในเดือน เม.ย.นั้นสาวทอมชื่อ "เบน" ซึ่งอยู่ที่ จ.ชัยนาท นั้นได้มาติดพันกับภรรยา และได้มีการทำร้ายร่างกายภรรยาจนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เข้าร.พ.หลายวัน ซึ่งได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.มโนรมย์" นายศักดิ์ชัยกล่าว
ขณะที่พ.ต.อ.ภาคภูมิ เผยข้อมูลอีกว่า ขณะนี้ การสอบปากคำเสร็จสิ้นไปแล้ว 7 ปาก โดยเฉพาะทอมสาว ที่ชื่อ ป๊อปปี้ และ สามีของ ผู้ตาย ไม่พบปมพิรุธแต่อย่างใด ขณะที่เจ้าหน้าที่ แกะรอยตามเส้นทางของผู้ตาย ตั้งแต่ภาพวงจรปิดที่พบที่ติดตั้งอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ริม ถ.เหล่านาดี เขตเทศบาลนครขอนแก่น ที่เห็นผู้ตายยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไปจนพบรถ ต้องสงสัย ที่คาดว่าจะรับตัวผู้ตายไป ซึ่งจะได้สืบสวนหาข้อมูลต่อไป