ดราม่าข้าวข้ามแดน...ฮุน มาเนต ยิ้มสู้ แต่ชาวนาเขมรน้ำตาตกใน

โอ้โห! วงการข้าวไทย-กัมพูชาช่วงนี้ก็ร้อนแรงไม่แพ้วงการบันเทิงเลยค่ะคุณผู้ชม! เมื่อเรื่องราวความรัก เอ้ย! การค้าข้ามแดนระหว่างสองเพื่อนบ้านต้องมาสะดุดแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะจู่ ๆ ประตูสู่ความมั่งคั่ง หรือที่เรียกกันว่า "ด่านชายแดนไทย" ดันปิดสนิท ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำเอาข้าวหอมมะลิของกัมพูชาที่ตั้งใจจะโกยเงินเข้าประเทศ ต้องกองเป็นภูเขาเลากาอยู่หน้าบ้านซะงั้น!

ก่อนหน้านี้เส้นทางรัก เอ้ย! เส้นทางการค้าของทั้งคู่ก็ไปได้สวยนะคะ เพราะ ข้าวจากกัมพูชากว่า 20% ต้องไหลผ่านไทย เพื่อไปส่งออกต่อ ทำรายได้งาม ๆ ให้เพื่อนบ้านเรากว่า 300 ล้านดอลลาร์ต่อปี! แต่พอไทยปิดด่านปุ๊บ...เท่านั้นแหละค่ะ การค้าที่เคยหวานชื่นก็ดิ่งลง 63% ส่วนราคาข้าวในกัมพูชาก็พุ่งขึ้นพรวดพราดถึง 15% ทำเอาชาวนาเขมรกว่า 1.2 ล้านครอบครัวต้องนั่งมองข้าวตาปริบ ๆ จากที่เคยขายได้เป็นเทน้ำเทท่า ตอนนี้เหมือนโดนเทไปเต็ม ๆ เลยค่ะ!

งานนี้ "ฮุน มาเนต" ผู้นำกัมพูชา ก็เลยต้องออกมาโชว์สปิริตนักสู้ บอกว่านี่คือ "แรงกระตุ้นให้พัฒนาในประเทศ" ฟังแล้วก็แอบน้ำตาซึมแทนเลยนะคะ เพราะเหมือนบอกว่า "ถึงจะไม่มีเธอ...ฉันก็อยู่ได้" แต่ความจริงแล้วมันก็เหมือนพยายามฮึบสู้ทั้ง ๆ ที่กำลังจะขาดใจ เพราะโรงสีของกัมพูชาส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้มาตรฐาน แถม ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของตัวเองก็เทียบชั้นท่าเรือแหลมฉบังของไทยไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว!

นักวิเคราะห์จาก AMRO ก็ออกมาเตือนแล้วนะคะว่า ถ้ายังปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป GDP ของกัมพูชาอาจจะหดตัวถึง 5% ในปี 2569 ข้าวที่เคยฝันจะไปไกลถึงจีน-ยุโรปก็คงต้องพักไว้ก่อน งานนี้ชาวโซเชียลในกัมพูชาเลยออกมาโพสต์เดือด #SaveOurRice และขอให้เปิดด่านโดยด่วน! เพราะถ้ายังปิดต่อไปเรื่อย ๆ เป้าส่งออกข้าว 1 ล้านตัน ที่เคยตั้งไว้ก็อาจจะกลายเป็นแค่ "เรื่องเล่าในตำนาน" ที่แปะอยู่บนโปสเตอร์เท่านั้นเอง...

จากเรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้น ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัด ๆ เลยค่ะว่า กัมพูชายังต้องพึ่งพาไทยในเรื่องการค้า ไม่ต่างจากปลาที่ต้องพึ่งพาน้ำ ถ้ายังไม่หาทางออกใหม่ ๆ ในเร็ว ๆ นี้ ก็คงต้องยอมรับว่า "เส้นเลือดใหญ่" ของพวกเขายังไงก็ยังอยู่ในมือของไทยไปอีกนานเลยค่ะ!