ไทยโต้เขมรกลาง UNHCR บิดเบือน ปลุกปั่นยั่วยุ


ไทยโต้เขมรกลาง UNHCR บิดเบือน ปลุกปั่นยั่วยุ


ไทยโต้เขมร กลางเวที UNHCR หลัง "กัมพูชา" บิดเบือนถูก "ไทย" ไล่ออกจากบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว ยันพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย
เคยประท้วงหลายครั้งแต่ไร้การตอบสนอง มีเจตนาปลุกปั่น ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง แจง 18 เชลยศึกยังปลอดภัย เปิดให้ ICRC เข้าเยี่ยม พร้อมส่งกลับหลังสู้รบจบ

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR ExCom) สมัยที่ 76 ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นการประชุมพิจารณานโยบาย การวางงบประมาณ และกำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยทั่วโลก

นายดารา อิน ผู้แทนถาวรของกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ได้กล่าวปราศรัยพาดพิงไทยโดยอ้างว่า ชาวกัมพูชาถูกขับไล่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของกัมพูมาหลายชั่วอายุคน ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและเพิกเฉยต่อข้อตกลงทวิภาคีระหว่างสองประเทศ

"ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ชายแดน แต่เป็นการละเมิดระเบียบกฎหมาย กฎบัตรสหประชาชาติ และอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ซึ่งห้ามการบังคับโยกย้ายพลเรือน การทำลายหรือยึดทรัพย์สิน หรือการลงโทษหมู่ ไทยได้ทำมันมาตลอด"

นายดารา กล่าวว่าเป็นความสูญเสียร้ายแรง ครอบครัวกัมพูชาต่างพากันหลบหนีด้วยความหวาดกลัว พร้อมย้ำว่ากัมพูชาได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ เคารพกฎหมาย ยึดมั่นในหลักความยุติธรรม มนุษยธรรม ความยุติธรรมและมนุษยธรรมต้องไม่ยอมแพ้ต่อการรุกราน กัมพูชาขอเรียกร้องให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน รื้อถอนสิ่งกีดขวางที่ผิดกฎหมายรอบ ทั้งที่อยู่อาศัยของพลเรือน รั้วและบังเกอร์ที่สร้างโดยฝ่ายไทย

เราเชื่อมั่นว่าการยับยั้งชั่งใจคือความเข้มแข็ง กฎหมายจะต้องเป็นมาตรวัดความชอบธรรม โดยการยับยั้งชั่งใจต้องไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการยอมรับ การเล็งเป้าไปที่พลเรือน การกักขังทหาร และการคุกคามเพื่อขับไล่ชุมชน ล้วนส่งผลกระทบต่อกฎหมายระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ นายดารา ยังเรียกร้องต่อประเทศสมาชิกถึงกรณีที่ทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ทางการไทยควบคุมไว้เป็นตัวประกัน กัมพูชาเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จะไม่ปล่อยให้บุคคลใดถูกปล่อยปละละเลย หนือสร้างฃพรมแดนกลายเป็นเวทีแห่งความหวาดกลัว และจะไม่ปล่อยให้พันธะทางกฎหมายถูกเปลี่ยนเป็นเรื่องการเมือง

ไทยโต้เขมรหมู่บ้านที่กัมพูชาอ้างตั้งอยู่ในดินแดนไทย
ด้านนางสาวปรารถนา ดิษยทัต อุปทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ตอบโต้ถ้อยแถลงของกัมพูชา โดยระบุว่าเสียใจอย่างยิ่งที่ไทยจำเป็นต้องขอใช้สิทธิ์ในการพูดตอบโต้ถ้อยแถลงของกัมพูชา เพราะเวทีพหุภาคีเช่นนี้ไม่ควรถูกใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูล เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ประการแรก ประเทศไทยขอยืนยันว่า หมู่บ้านที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างถึงตั้งอยู่ในดินแดนของไทย การดำรงอยู่ของหมู่บ้านเหล่านี้เป็นผลจากการที่ประเทศไทยตัดสินใจเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 เพื่อให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองเข้ามาพักพิงชั่วคราว ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความเห็นอกเห็นใจและหลักมนุษยธรรม เป็นรากฐานของธรรมเนียมปฏิบัติด้านมนุษยธรรมอันยาวนานของประเทศไทย โดยทั้งหมดผ่านการคัดกรองโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อรอการตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3 อย่างไรก็ตามหลังจากความขัดแย้งในกัมพูชาสิ้นสุดลงในช่วงทศวรรษ 1980 ที่พักพิงชั่วคราวได้ปิดตัวลง ยังมีชาวกัมพูชาบางส่วนเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่และขยายการตั้งถิ่นฐาน

แม้ประเทศไทยจะประท้วงหลายครั้ง แต่รัฐบาลกัมพูชาไม่เคยตอบสนอง หรือรับผิดชอบใด ๆ เมื่อไม่นานมานี้กองทัพกัมพูชา ได้กระตุ้นให้ชาวกัมพูชา เด็ก สตรี และพระภิกษุ เดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพื่อกระทำการยั่วยุประเทศไทย ซึ่งมีเจตนาเพื่อเพิ่มความตึงเครียด ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและกฎหมายภายในของประเทศไทยอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่ และเป็นหลักฐานแสดงถึงความล้มเหลวของกัมพูชาในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่า ด้วยสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 การกระทำของประเทศไทย ตั้งอยู่บนพื้นฐานของมนุษยธรรมและความเป็นมิตรที่ดี จึงไม่ควรถูกตอบแทนจากกัมพูชาในลักษณะนี้

ประการที่ 2 ประเด็นเชลยศึก 18 นาย ประเทศไทยย้ำว่าเชลยศึกถูกจับกุมระหว่างการสู้รบที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง บุคคลเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างปลอดภัย เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมและกฎหมายสิทธิมนุษยชน และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ได้เข้าถึงเชลยศึกเหล่านี้เป็นประจำ และอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับครอบครัวของพวกเขา การคุมขังของพวกเขาไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกนำกลับไปเข้าร่วมการสู้รบอีก พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศเมื่อการสู้รบสิ้นสุดลง

ปัจจุบันกัมพูชายังคงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และพยายามทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศแทนที่จะใช้กลไกทวิภาคี ทำให้เกิดข้อสงสัยในความจริงใจและความสุจริตใจของกัมพูชาในการบรรลุแนวทางที่ตกลงกันไว้ การปฏิบัติด้วยความสุจริตใจจากฝ่ายกัมพูชา จะเป็นกุญแจสำคัญต่อการหารือ



ไทยโต้เขมรกลาง UNHCR บิดเบือน ปลุกปั่นยั่วยุ

เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม ทันทุกเรื่องฮิต


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์