“ลุงจรูญ” ปล่อยหมัดน็อก!! พยาน “แผน” ที่แท้เคยมาหาที่บ้าน ชี้มีพยานมัด?
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ “ลุงจรูญ” ปล่อยหมัดน็อก!! พยาน “แผน” ที่แท้เคยมาหาที่บ้าน ชี้มีพยานมัด?
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 14 มี.ค. ที่บริเวณบ้านพักของร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ คู่กรณีกับครูปรีชา ใคร่ครวญ ในคดีหวยอลเวง 30 ล้าน เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ว่าจะนัดพบกันเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้ระบุเวลาและสถานที่ โดยตนได้เตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับนายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือนายแผน พยานฝ่ายนายปรีชา ที่มีการให้สัมภาษณ์ว่า เห็นคนลักษณะคล้ายตนตะโกนถามว่าใครทำล็อตเตอรี่ตก และเก็บล็อตเตอรี่ชุดดังกล่าวขึ้นมาเก็บไว้
ร.ต.ท.จรูญ กล่าวต่อว่า ซึ่งตนยืนยันว่า การกล่าวอ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยพูดหรือกระทำการดังกล่าวแต่อย่างใด อีกทั้ง ล็อตเตอรี่ที่ถูกรางวัล ตนก็เป็นคนซื้อมาเอง ไม่ได้เก็บได้ตามที่ถูกกล่าวอ้างแน่นอน ส่วนเรื่องของนายแผนนั้น เมื่อตนได้เห็นข่าวที่เห็นหน้านายแผนชัดเจนในโทรทัศน์ จึงจำได้ว่า นายแผนเป็นคนขับรถของผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง ที่เคยเดินทางมาหาตนที่บ้านและยังเป็นธุระจัดหาทนายความให้กับตนเพื่อต่อสู้คดีด้วย ดังนั้น เรื่องที่นายแผนจะจำหน้าของตนได้จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร
ร.ต.ท.จรูญ กล่าวถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่านายแผนเคยเดินทางมาที่บ้านของตนนั้น เป็นเรื่องจริงซึ่งนายแผนได้เดินทางมาที่บ้านตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2560 ซึ่งขณะนั้นนายแผนขับรถยนต์มากับเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อมาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องทนายความ เพราะครั้งแรกตนไม่มีและไม่รู้จักกับทนายความ ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคาร บอกว่า นายแผนรู้จักกับทนายความเยอะ จึงจะให้นายแผนเป็นคนหาทนายให้ ซึ่งวันที่ปรึกษากันตัวนายแผนก็ได้เข้าไปนั่งคุยกันภายในบ้านด้วย
ร.ต.ท.จรูญ กล่าวอีกว่า โดยหลังจากที่นายแผนออกข่าวครั้งแรก สื่อมวลชนได้เบลอใบหน้า จึงจำไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่เมื่อนายแผนไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา สื่อไม่ได้เบลอหน้า เมื่อดูข่าวจึงรู้ว่านายแผนคือใคร และครั้งแรกนายธนาคารเองก็แนะนำให้เราไปหานายษิทรา แต่เรายังติดต่อไม่ได้ ก็เลยจะให้นายแผนเป็นผู้ติดต่อทนายให้ แต่พอมาถึงวันรุ่งขึ้นนายษิทรา ได้โทรติดต่อกลับมา เราจึงโทรไปบอกเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าไม่ต้องแล้ว เพราะนายษิทราติดต่อกลับมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายแผนออกมาให้การแบบนี้ เป็นเพราะสาเหตุอะไร ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกัน ให้สื่อคิดเอาเองดีกว่า อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้จักกับนายแผนเป็นการส่วนตัว แต่ที่เขามาเพราะเขาเป็นคนขับรถให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร ดังนั้น จึงไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ซึ่งในวันดังกล่าว ก็ได้มีการคุยกับนายแผนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะคุยแต่เรื่องทนายความ แต่สุดท้ายก็มาได้นายษิทรา ซึ่งนายษิทราเป็นทนายคนที่สอง สำหรับทนายคนแรกนั้นลูกสาวหามาให้ เพราะทนายเป็นเพื่อนกันกับลูกสาว ซึ่งทนายที่เป็นเพื่อนของลูกสาวก็มาทำหน้าที่ได้ไม่นานนัก
ถามต่อว่า ยังยืนยันว่าไม่ได้ก้มเก็บล็อตเตอรี่ตามคำให้การของนายแผนหรือไม่ ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า ตนยืนยัน เพราะซื้อมากับมือ สำหรับเรื่องคดีในใจลึกแล้วก็ไม่อยากให้ยืดเยื้อ ตนอยากให้มันจบเร็วๆ แต่จะจบได้หรือไม่ได้ ก็คงจะตอบไม่ได้ สำหรับเรื่องเงินที่ถูกอายัดไว้ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอถอนอายัดแต่อย่างใด คงต้องปล่อยให้เป็นแบบนั้นไปก่อน เพราะยังไงเราก็ไม่ได้รีบใช้เงิน
ถามว่าพบทางนายษิทรา โพสต์เฟซบุ๊กว่า ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะมายืนยันให้กับร.ต.ท.จรูญ รวมทั้งยืนยันเรื่องของนายแผนด้วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ซึ่งจะมายืนยันว่าวันนั้นมีใครมาที่บ้านบ้าง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่กองปราบก็คงจะไปสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่นายษิทราได้โพสต์ถึงกรณีที่นายแผนอาจโดนไล่ออก แต่นายแผนได้บอกว่าไม่เป็น "นาย" จะรับผิดชอบชีวิตให้นั้น กรณีนี้ตนกับภรรยาไม่ทราบ
ถามว่า มีความวิตกหรือไม่ เพราะเริ่มมีตัวละครฝ่ายนายปรีชาออกมาเรื่อยๆ ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า ไม่วิตก ความรู้สึกลึกๆส่วนตัวก็ไม่ได้วิตก เพราะว่ายังไงเสียเราก็รู้อยู่แก่ใจของเราเองอยู่แล้วว่าเราทำอะไร เราผิดเราถูกเรารู้อยู่แล้ว สำหรับนายแผนไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคาร แต่เป็นคนของบริษัทที่มาทำหน้าที่ขับรถให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร
ถามต่อว่า กรณีที่ทาง เจ๊พัช เจ๊บ้าบิ่น และเจ๊เกียว ยังยืนยันเช่นเดิมว่าล็อตเตอรี่นั้นเป็นของนายปรีชา อยากจะพูดอะไรกับพยานฝั่งโน้นบ้างหรือไม่ ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า ก็ต้องปล่อยไปตามความต้องการของเขา เพราะเรื่องแบบนี้เราคงไปห้ามใครเขาไม่ได้หรอก ทั้งนี้ ตนไม่เกรงกลัวอะไรหรอก ถ้าความจริงมันปรากฎ ความจริงที่เป็นความจริงลึกๆ ตนไม่เกรงกลัวอะไรเลย เพราะตนรู้อยู่แก่ใจว่าตนผิดหรือถูก และก็เชื่อว่าฝ่ายโน้นก็รู้อยู่แก่ใจด้วยเหมือนกัน
ร.ต.ท.จรูญ กล่าวถึงข้อสักถามกรณีไม่มีแม่ค้าคนใดออกมายืนยันการซื้อขายล็อตเตอรี่จะเป็นจุดอ่อนหรือไม่ ว่า ตนไม่แปลกใจเลยเรื่องนี้ เพราะไม่มีแม่ค้าประจำ ในชีวิตของตนไม่เคยซื้อล็อตเตอรี่กับแม่ค้าประจำคนไหนเลย ที่ผ่านมานึกจะซื้อตรงไหนก็ซื้อ นึกอยากจะซื้ออะไรก็ซื้อแค่นั้น ส่วนกรณีของเจ๊เซี๊ยมนั้น ตนรู้จักกับเจ๊เซี๊ยมและสนิทกัรมานานกว่า 30 ปี และรู้จักกันตั้งแต่ยังเป็นตำรวจอยู่ที่อ.บ่อพลอย ซึ่งการที่เจ๊เซี๊ยมออกมาพูดแบบนี้เราก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันว่าเขาคิดอย่างไร ทั้งที่เราก็รู้จักกันมาตั้งนาน และพอเรามาได้ยินเขาพูดออกมาในลักษณะเช่นนั้น เราก็ยังไม่เข้าใจเขาอยู่ดีว่าเขาทำไมถึงทำอย่างนั้นกับเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วเจ๊เซี๊ยมรู้หรือไม่ว่าถูกรางวัลที่ 1 ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า รู้ เพราะเราเป็นคนโทรศัพท์ไปบอกเขาเอง บอกแค่คนเดียวเท่านั้น แต่หลังจากถูกรางวัลที่ 1 กว่าจะบอกก็นานพอสมควร ครั้งแรกเราตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่บอกใครเลย จะให้ทุกคนค่อยๆรู้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีญาติเยอะ กลัวญาติเยอะ ส่วนที่นำเรื่องไปบอกเจ๊เซี๊ยมเป็นคนแรกก็เพราะเป็นคนที่สนิทมานาน แต่ก็คงจะไม่ฝากบอกไปถึงเจ๊เซี๊ยมอีกแล้ว เพราะว่าต่างคนก็ต่างจิตใจกัน ส่วนเจ๊เซี๊ยมจะเข้าไปร่วมขบวนการหรือไม่นั้น ตรงนี้คงไม่ขอตอบดีกว่า เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเขาคิดแบบไหน
ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า ขณะที่นายปรีชาโทรศัพท์ไปคุยกับเจ๊เซี๊ยม ระหว่างคุยนายปรีชาได้แอบอัดคลิปเสียงเอาไว้ ร.ต.ท.จรูญและภรรยา ตอบว่า อาจจะเป็นไปได้ และถึงแม้ว่าจะมีการอัดเสียงหรือไม่อัดเสียงก็ตาม เมื่อเจ๊เซี๊ยมพูดออกมาแบบนั้น ก็ทำให้ความรู้สึกของเราไม่ดี แค่เจ๊เซี๊ยมคิด ความรู้สึกของเราก็ไม่ดีแล้ว และยังเอาอีกสองคนมาโยงได้ยังไง เราก็ไม่รู้เช่นกัน
ที่มา : ข่าวสด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น