กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ม.ค.61 ที่ผ่านมา สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้แถลงผลการตรวจสอบผลดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงบนลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลว่า บนลอตเตอรี่ดังกล่าวมีสารพันธุกรรมของหลายบุคคลปะปนอยู่ไม่สามารถนำไปตรวจดีเอ็นเอได้ และพบลายนิ้วมือแฝง 2 รอยบนสลากชุดที่ 7 และชุดที่ 22 เป็นลายนิ้วมือของหัวแม่มือซ้าย และนิ้วก้อยซ้าย ซึ่งเป็นของ ร.ต.ท.จรูญ หลังจากนั้นนายปรีชา ออกมาอ้างพร้อมยืนยันว่าตัวเองมีหลักฐานเด็ดเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารแห่งหนึ่งที่สามารถจับภาพขณะมีบุคคลก้มเก็บลอตเตอรี่เจ้าปัญหาได้ จึงทำให้เรื่องนี้ยังคงเป็นข้อสงสัยมานานเกือบ 2 เดือนว่า เจ้าของลอตเตอรี่ที่แท้จริงคือใครกันแน่และยังสร้างความสับสนให้กับสังคมจนถึงขณะนี้นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ 29 ม.ค. 61 พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (รอง ผบช.ภ.7) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนและสอบสวนในคดีที่มีการแจ้งความการยักยอกสลากฯ เพื่อหาข้อเท็จจริงเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกรางวัล 30 ล้านบาท เปิดเผยว่า ผลการตรวจพิสูจน์วัตถุพยาน 2 ชิ้นที่ส่งไปตรวจยังพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางพนักงานสอบสวนได้รับมาแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สามารถพิสูจน์ได้ว่า พยานที่ได้ทำการสอบปากคำไว้โกหกหรือพูดความจริง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสำนวนอย่างมากและทำให้พนักงานสอบสวนสามารถสรุปได้ว่าคดีนี้น่าเชื่อว่ามีมูลหรือไม่มีมูล
รอง ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญนายปรีชา มาพบ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม แต่ปรากฏว่านายปรีชา ได้แจ้งว่าไม่สะดวกไปพบ แต่ขอให้พนักงานสอบสวนมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่บ้านพักแทน โดยได้ไปพบเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้สอบถามว่านายปรีชา มีอะไรที่จะให้การเพิ่มเติม หรือมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่จะให้กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ โดยนายปรีชา แจ้งว่า ยังไม่ประสงค์ที่จะให้อะไรเพิ่มเติม โดยขอปรึกษาทางทนายความส่วนตัวก่อน
ทั้งนี้ ก่อนที่ทางพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดี ทางนายปรีชา ยังสามารถที่จะนำพยานหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวนได้ แต่จนถึงขณะนี้นายปรีชา ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาแต่อย่างใด ดังนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็จะสรุปสำนวนเท่าที่ปรากฏพยานหลักฐานอยู่ในขณะนี้
"เราได้ทำความเข้าใจกับนายปรีชา ว่า หากมีหลักฐานที่สอดรับกับคำกล่าวหาที่ทางนายปรีชา เป็นผู้แจ้งความไว้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อคดี และจะได้ทราบข้อเท็จจริง ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่า นายปรีชา มีพยานหลักฐานอะไร เพราะทางนายปรีชา ไม่ได้ชี้ชัดว่า มีหรือไม่มี และสิ่งนั้นคืออะไร โดยพยายามขอร้องให้นายปรีชา นำมามอบให้เพื่อให้คดีนี้เกิดความกระจ่างและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่สุดท้ายนายปรีชา ก็ยังไม่มามอบให้ และหากนายปรีชา นำมามอบให้ทางพนักงานสอบสวนจะได้พิจารณาว่าเป็นหลักฐานที่ฟังได้หรือไม่ และจากการตรวจสอบทางเทคนิคน่าเชื่อว่า ทั้งนายปรีชา และ ร.ต.ท.จรูญ เดินทางมาที่ตลาดเรดซิตี้หรือบริเวณใกล้เคียงจริงในวันที่ 31 ต.ค.60 และอยู่ในห้วงเวลาประมาณ 17.00 น. ตามที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวอ้าง"
พล.ต.ต.กฤษณะ กล่าวต่อว่า ขณะที่ ร.ต.ท.จรูญ ก็ไม่ได้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกแต่อย่างใด โดยให้เหตุผลว่า ติดภารกิจ และขอให้ส่งหมายเรียกของพนักงานสอบสวนไปให้กับทนายความส่วนตัว ซึ่งตามกฎหมายแล้วหมายเรียกจะต้องส่งถึงตัวบุคคลที่ทางพนักงานสอบสวนจะเชิญมาสอบปากคำ ส่วนทนายความฝ่ายที่ถูกเรียกตามหมายจะมาร่วมด้วยก็เป็นสิทธิของผู้ที่ถูกเรียกอยู่แล้ว