วานนี้ (11 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายทีมทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ขออนุญาตขยายเวลายื่นคำคัดค้าน ในคดีที่นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตัวเขาเป็นจำเลยต่อศาลฎีกาฯ คดีร่ำรวยผิดปกติ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของเขาและครอบครัว จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากไม่สามารถยื่นคำคัดค้าน เพราะเอกสารพยานหลักฐานที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องมีมากถึง 17,000 แผ่น ซึ่งอัยการสูงสุดไม่ได้คัดสำเนาส่งให้
การยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นคำคัดค้านนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มอบหมายทีมทนายความ ให้ดำเนินการในส่วนของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา บุตรชาย และบุตรสาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ น้องสาว พร้อมกับบุคคลและบริษัท ซึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองบัญชีทรัพย์สินที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (คตส.) อายัดไว้รวม 6.9 หมื่นล้านบาทด้วย
โดยการพิจารณาคำร้องขอนั้น นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดี มีคำสั่งอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และบุคคลและบริษัทซึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองบัญชีทรัพย์สิน
ขยายเวลายื่นคำคัดค้านออกไปอีก 30 วันนับจากวันที่ 4 ธันวาคม โดยให้ยื่นคำคัดค้านภายในวันที่ 4 ม.ค. 2552 สำหรับวันที่ 25 ธ.ค. เวลา 10.00 น.ที่ศาลฎีกาฯ นัดพร้อมคู่ความนั้น ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณและผู้มีชื่อครอบครองทรัพย์ได้มอบหมายให้ทนายความเดินทางไปศาลแทนทั้งหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 25 ธ.ค. ศาลนัดพร้อม อัยการโจทก์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหา มาศาลเพื่อกำหนดการไต่สวน
ซึ่งตามกฎหมายคดีร่ำรวยผิดปกติเป็นหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ว่าไม่ได้ร่ำรวยผิดปกติอย่างไร ดังนั้น แม้ศาลจะขยายเวลาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นคำคัดค้านเป็นวันที่ 4 ม.ค. 2552 แต่ในวันที่ 25 ธ.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้มีชื่อครอบครองทรัพย์สินก็ต้องมาศาลตามนัดเพื่อกำหนดการไต่สวนพยานหลักฐานตามขั้นตอน หากกรณีที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณไม่มาศาล ก็สามารถมอบหมายให้ทนายความเดินทางมาชี้แจงและยื่นคำคัดค้านแทนได้