“สุขุมพงศ์” รอสัญญาณเจรจา พธม.
ต่อมา นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นตัวแทนไปเจรจากับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเลขาธิการนายกฯ แจ้งเรื่องให้ทราบแล้ว คงเป็นการมอบในหลักการกว้างๆ ว่าหากจะมีอะไรก็จะให้เป็นตัวแทนนายกฯ แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นประสานงานเพื่อการเจรจา และนายกฯ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องดังกล่าวมาแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่าพร้อมจะเจรจา แต่ต้องเจรจากับนายกฯ เท่านั้น นายสุขุมพงศ์ ตอบว่า ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรชัดเจน แต่สถานการณ์ถึงขณะนี้เชื่อว่าเราคงจะคุยกันได้
กสม.แนะวิธีพบกันครึ่งทาง
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในช่วงบ่าย นายเสน่ห์ จามริก ประธาน กสม. พร้อมด้วยนางสุนีย์ ไชยรส กรรมการ กสม. และนายวีรวิทย์ วีรวรวิทย์ รองเลขาธิการ กสม. เปิดแถลงข่าวด่วน ปฏิเสธข่าวที่ตำรวจระบุว่า กสม.จะเป็นคนกลางเจรจาระหว่างตำรวจกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยนางสุนีย์ กล่าวว่า กสม. ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็น “คนกลาง” ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ กรณีนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงและตัดสินใจของทั้งสองฝ่าย กสม.ยินดีที่จะร่วมรับฟังการตกลงดังกล่าว ขอเรียกร้องให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯ เป็นผู้ริเริ่มในการหารือ ที่ผ่านมานายกฯ บอกว่ายินดีเจรจา แต่สุดท้ายคนที่เจรจากลับเป็นตำรวจหรือคนอื่น ไม่ใช่นายกฯ ทั้งนี้ในการพูดคุยกันระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องไม่ใช้คำว่า “เจรจา” แต่ต้องเป็น การ “หารือ” และต้องไม่ใช่เป็นการยื่นคำขาดให้กลุ่มพันธมิตรฯสลายการชุมนุมหรือออกจากสถานที่ใด รวมทั้งสถานที่ในการพูดคุยดังกล่าว ต้องเป็นที่สำนักงานกสม.เท่านั้น การหารือต้องกระทำโดยเปิดเผยและโปร่งใส
ผวาถูกลากเป็นพยานสลายม็อบ
ด้าน นายเสน่ห์ จามริก ประธาน กสม.ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีตำรวจให้ข่าวว่าได้ทาบทามให้นายเสน่ห์ เป็นคนกลางร่วมเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ยอมรับว่ามีการติดต่อมาจากตำรวจตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 พ.ย.จนถึงเช้าวันเดียวกันนี้แต่ได้ปฏิเสธไป เนื่องจากไม่ใช่ถือเป็นการเจรจา แต่ต้องการเชิญ กสม.ไปร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราไม่รู้ว่าตำรวจจะปฏิบัติการอะไร เราไม่ต้องการไปเป็นพยานในเหตุการณ์
“ข่าวที่ทางตำรวจออกไปว่ากสม.รับปากจะเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนเที่ยงวันนี้ ไม่เป็นความจริง เพราะสถานการณ์เช่นนี้มีความอ่อนไหวอย่างยิ่ง กสม.ต้องระมัดระวังท่าที เกรงว่าการกระทำบางอย่างอาจจะซ้ำเติมสถานการณ์ เหมือนเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟ” นายเสน่ห์ กล่าว
ขณะที่ นายวีรวิทย์ ก็กล่าวเสริมว่า ขอเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชน โดยเฉพาะการสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา จะทำได้ต่อเมื่อมีเหตุ รุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตเท่านั้น
สภาทนายยันมีความเป็นกลาง
อีกด้านหนึ่งที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เรียกประชุมประธานสภาทนายความประจำศาลจังหวัดทั่วประเทศรวม 120 คน เพื่อประชุมกำหนดท่าทีของสภาทนายความต่อกรณีมีทนายความคนหนึ่งยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ว่าการที่สภาทนายความออกแถลงการณ์ตำหนิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและขัดวัตถุประสงค์ของสภาทนายความรวม กับขอให้ถอดถอนนายกสภาทนายความออกจากตำแหน่ง การประชุมใช้เวลานาน 2 ชั่วโมง มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าแถลงการณ์ของสภาทนายความไม่ขัดวัตถุประสงค์สภาทนายความและมีความเป็นกลางแล้ว
อย่านำการอยู่ต่างแดนมาต่อรอง
นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่า การกระทำของสภาทนายความที่ตำหนิการโฟนอิน ถือว่าอยู่ในวัตถุประสงค์และเป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่กฎหมายให้ประชาชนรู้ถึงการใช้อำนาจของรัฐ ซึ่งมตินี้จะเสนอประธานคณะกรรมาธิการฯและรัฐมนตรียุติธรรมต่อไป และว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำเลยตามหมายจับศาล ออกมาโฟนอินว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่มีการดำเนินคดีจนเสร็จสิ้นแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เช่น การที่จะขอพระราชทานอภัยโทษผ่านทางจอภาพ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะมาต่อรอง ถือเป็นเรื่องมิบังควร ขนาดประเทศอังกฤษยังยอมรับคำพิพากษาศาลไทยถึงขนาดเลิกวีซ่า
กต.มะกันห่วงสถานการณ์ในไทย
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ม็อบพันธมิตรฯบุกยึดสนามบินสองแห่งของไทย ก็เป็นที่สนใจของนานาชาติเกาะติดสถานการณ์ด้วยความใกล้ชิด โดยในวันเดียวกัน นายกอร์ดอน ดูกุยด์ รักษาการรองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯรู้สึกห่วงใยอย่างยิ่งเกี่ยวกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ได้ยึดสนามบินระหว่างประเทศและสนามบินในประเทศ อันเป็นการขัดขวางการเดินทางของบุคคลและการขนส่งสินค้า แม้สหรัฐฯจะเคารพสิทธิในการแสดงความคิดเห็น แต่การยึดสนามบินมิใช่วิธีประท้วงที่เหมาะสม จึงขอเรียกร้องให้ พธม.ถอนตัวออกจากสนามบินอย่างสงบ และหวังว่าสถานการณ์นี้จะสามารถคลี่คลายได้โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นและเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย
อียูวอน พธม.ออกจากสนามบิน
ส่วนสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้พันธมิตรฯยุติการปักหลักชุมนุมที่สนามบินทั้ง 2 แห่งเช่นกัน โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ชี้แจงว่า คณะทูตอียูประจำราชอาณาจักรไทยเคารพสิทธิในการชุมนุมประท้วง และไม่ต้องการแทรกแซงการเมืองภายในประเทศ แต่การกระทำของพันธมิตรฯเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ทั้งยังก่อผลกระทบร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ของไทย และทำให้ผู้โดยสารกว่า 100,000 คน ต้องเดือดร้อนจากการคมนาคมที่หยุดชะงัก จึงเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯออกจากสนามบินทั้ง 2 แห่งโดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้อียูได้เรียกร้องให้ชาวไทยทุกฝ่ายร่วมกันยุติความขัดแย้งในสังคมด้วยแนวทางสันติวิธี
สื่อนอกตีข่าวม็อบกร่างไล่ ตร.
นอกจากนี้ สื่อต่างประเทศหลายสำนักได้รายงานเหตุการณ์ในช่วงสายวันเดียวกันว่า ตำรวจตั้งด่านบริเวณทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ชุมนุมกลุ่ม พันธมิตรฯในบริเวณอื่นๆตามไปสมทบตามที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ประกาศไว้ก่อนหน้า ทว่า สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเพิ่มเติม โดยอ้างอิงภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ ของไทยระบุว่า ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯแสดงความโกรธแค้น และขับไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งยึดมีดขนาดใหญ่และ ไม้กอล์ฟที่ผู้ชุมนุมใช้เป็นอาวุธไป ทั้งยังพบรถบรรทุกของตำรวจจำนวน 5 คัน ถูกเจาะลมยาง และจอดทิ้งไว้ โดยไม่มีใครเข้ามาเคลื่อนย้าย
ยึดสวนสันติชัยปราการเปิดเวทีย่อย
ต่อมาในช่วงเย็น ผู้สื่อข่าวที่ไปสังเกตการณ์อยู่ ที่บริเวณบ้านพระอาทิตย์ ที่ตั้งสำนักงานเอเอสทีวี รายงาน ว่า หลังเกิดเหตุผู้ไม่ประสงค์ดียิงปืนใส่เอเอสทีวีเมื่อช่วง กลางดึกวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่กระสุนติดตาข่ายที่ถูกขึงอยู่โดยรอบ ทำให้ไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆนั้น ทำให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ขอประกาศระดมคนเข้ามา ร่วมปกป้องสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และจากนั้นไม่นาน ก็มีมวลชนกว่า 600 คน ทยอยเข้ามารวมตัวที่สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ ตั้งเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อย่างร้อนแรง
ชาวเมืองกาญจน์หนุนเจรจา
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่ม คนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงตามจังหวัดต่างๆ โดยที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เครือข่ายประชาชนชาวกาญจนบุรี จำนวน 200 คน นำโดยนายยงยุทธ สีสันต์ กำนัน ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอเมืองกาญจนบุรี ยื่นแถลงการณ์ต่อนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผวจ.กาญจนบุรี โดยนายยงยุทธอ่านแถลงการณ์ ว่า ตามสถานการณ์เหตุการณ์บ้านเมืองที่มีการแตกแยกทางความคิด ทำให้เกิดปัญหาสังคม เศรษฐกิจ ในด้านต่างๆ ชาวกาญจนบุรีที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมส่วนใหญ่ และ เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ได้รับผลกระทบราคาพืชผลตกต่ำ จัดส่งพืชผลไม้ไปต่างประเทศไม่ได้ ขอให้ฝ่ายบริหารบ้าน เมืองหาทางยุติความขัดแย้งของทุกกลุ่ม เสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ส่วนผู้ชุมนุมก็ขอให้หันหน้ามาเจรจาเพื่อหาทางยุติปัญหาร่วมกัน ถ้ารักในหลวงจริงต้อง ช่วยกันแก้ไขปัญหายุ่งยากให้จบสิ้นโดยเร็ว เพื่อในหลวงที่พวกเราชาวเมืองกาญจน์เทิดทูนเหนืออื่นใด ซึ่งนายเริงศักดิ์ได้รับปากจะส่งหนังสือผ่านกระทรวงมหาดไทยเสนอให้รัฐบาลทราบ
ต้านม็อบเสื้อเหลือง-เสื้อแดง
ที่สนามกีฬากลางจังหวัดนครสวรรค์ ได้มีม็อบเสื้อ ขาวในเขตอำเภอเมืองนครสวรรค์ อ.เก้าเลี้ยว อ.โกรกพระ อ.ชุมแสง อ.พยุหะคีรี จำนวน 300 คน รวมตัวหน้าโรงยิม 4,000 ที่นั่ง เรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนเสื้อ เหลืองหยุดทำให้ประเทศชาติเดือดร้อน จากนั้นได้ขึ้นรถ กว่า 40 คัน แห่ไปรอบตัวเมืองนครสวรรค์ กระทั่งถึงสะพาน เดชาติวงศ์จึงพากันสลายตัว
พธม.เมืองคอนตั้งโลงขู่ตำรวจ
ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตรฯ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 200 คน มีความเคลื่อนไหวด้วยการนำโลงศพเขียนข้อความโจมตีรัฐบาลและระบอบทักษิณ มาตั้งหน้า บก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช ถนนราชดำเนิน ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ยื่นข้อเรียกร้องต่อ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช 3 ข้อ คือ 1. ไม่ให้ส่งกำลังตำรวจไปสมทบกับตำรวจในกรุงเทพฯ เพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในกรุงเทพฯ 2. ให้สั่งการให้ ผกก.สภ.ท่าศาลา เร่งจับกุมคนร้ายที่ยิงปืนข่มขู่นักศึกษาและคณาจารย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา เหตุเกิดในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และ 3. ขอให้ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช แจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ให้ใช้กำลังสลายกลุ่มพันธมิตรฯที่ชุมนุมอยู่ในกรุงเทพฯ หากมีการใช้กำลังสลายการชุมนุม กลุ่มพันธมิตรฯในจังหวัดนครศรีธรรมราช จะปิดล้อมสถานีตำรวจในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ทันที จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายไปยังศาลาประดู่หก สถานที่ ทำกิจกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ
คนเสื้อแดงปากน้ำรวมพล
ส่วนที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ช่วงเย็นวันที่ 29 พ.ย. มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนประมาณ 500 คน มารวมตัวกัน โดยมีการจัดตั้งเวทีปราศรัยโจมตีการปิดล้อมสนามบินทั้ง 2 แห่ง ของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียหาย พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. นำกำลังทหารออกมาร่วมกับรัฐบาลจัดการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มพันธมิตรฯตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยนายประเสริฐ เด่นนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การรวมตัวกันครั้งนี้เพื่อ ต่อต้านการรัฐประหาร จากเผด็จการทหารที่อาจเกิดขึ้น ขอย้ำว่าหากเกิดการรัฐประหารเมื่อใด ชาวเสื้อแดงนับ ล้านคนทั่วประเทศพร้อมพลีชีพปกป้องประชาธิปไตย ขณะเดียวกัน ขอให้กลุ่มพันธมิตรฯออกจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยเร็ว เพราะการเข้ายึดสนามบินแห่งนี้เท่ากับเป็นการเหยียบย่ำหัวใจชาวสมุทรปราการทุกคน ทั้งนี้ ยืนยันว่าพวกตนจะชุมนุมโดยสงบ จะไม่ไปปิดล้อมกลุ่มพันธมิตรฯที่สนามบินสุวรรณภูมิแน่นอน เพราะไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง
คนเชียงใหม่คุ้มกันนายกฯ
ที่ จ.เชียงใหม่ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ได้ ใช้วิทยุชุมชนระดมเรียกกลุ่มชาวเชียงใหม่ให้ใส่เสื้อสีแดง ออกมารวมตัวกันที่เวทีหน้าโรงแรมแกรนด์วโรรส (หลังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร) พร้อมกับเปิดรับบริจาคจากชาวเชียงใหม่ เพื่อระดมทุนเป็นค่าใช้จ่าย มีชาวเชียงใหม่บางส่วนนำเงิน อาหาร และน้ำดื่มมาบริจาค โดยนายเป๋ คลองเตย กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้แบ่งกำลังคนเสื้อแดงออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะ ไปคุ้มกันนายกรัฐมนตรีที่บ้านพัก ในหมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม เพื่อปกป้องไม่ให้มีการมาล็อกตัวนายกฯไปเซ็นหนังสือลาออกหรือให้ยุบสภา เพราะ จ.เชียงใหม่ ถือเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนายกฯสมชายในตอนนี้
ขู่ถ้าปฏิวัติจะยึดศาลากลาง
นายเป๋กล่าวต่อไปว่า ส่วนคนเสื้อแดงอีกกลุ่มจะไปปักหลักตั้งเวทีปราศรัยที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันขณะนี้ว่ามีกลุ่ม นปช.ทั่วภาคเหนือทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จำนวนมาก โดยจะใช้โรงแรมแกรนด์วโรรส เป็นศูนย์บัญชาการประสานงานกับเครือข่าย นปช.ทั่วประเทศ จึงเรียกร้องให้คนเชียงใหม่ออกมากันมากๆ เพราะถือว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ชาวเชียงใหม่จะมาร่วมกันปกป้องระบอบประชาธิปไตย และหากมีการยึดอำนาจกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ก็พร้อมที่จะเข้ายึดศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ทันที จะไม่ยอมให้ทหารใช้อำนาจมาย่ำยีชาวบ้าน อีก ขณะที่ พ.ต.อ.ปิยะบุตร อัจฉริยมงคล ผกก.สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ได้จัดกำลังตำรวจ 2 กองร้อย ร่วมกับ กำลัง อส. ไปดูแลความเรียบร้อยที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงทยอยเดินทางมาสมทบกันอย่างต่อเนื่อง
พธม.เชียงใหม่ผวาถูกปราบ
ด้านกลุ่มทหารเสือพระราชา เครือข่ายพันธมิตรฯเชียงใหม่ ซึ่งใช้สถานีวิทยุชุมชนวิหคเรดิโอ หมู่บ้านระมิงค์ นิเวศน์ ถนนทิพย์เนตร ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ ถ่ายทอดเสียงจากเอเอสทีวีมาออกอากาศตามปกติ แต่นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา แกนนำกลุ่ม เดินทางไปร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ กทม. เหลือลูกน้อง 3-4 คน เฝ้าสถานีอยู่ บรรยากาศจึงมีแต่ความเงียบเหงา ชาวเชียงใหม่กลุ่มเสื้อเหลือง จากที่เคยมาร่วมชุมนุม ดูการถ่ายทอดสดผ่านจอโปรเจคเตอร์ ที่หน้าสถานีดังกล่าว กลับไม่มีใครมา เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เคยประกาศว่าจะปราบปรามกลุ่มคนใส่เสื้อเหลืองในเชียงใหม่ ให้ราบคาบ แม้แต่เจ้าหน้าที่สถานีวิหคเรดิโอยังต้องเปลี่ยนมาใส่เสื้อสีดำแทน อ้างว่าเพื่อต้องการไว้ทุกข์ให้กับนายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา พ่อของนายเทอดศักดิ์ ที่ถูกกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 รุมทำร้ายจนเสียชีวิตเมื่อวันก่อน ส่วน บริเวณทางเข้าหมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์ พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ นำกำลังตำรวจมาตั้งด่านตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้ง 2 กลุ่มยกพวกปะทะกันอีก
ผบช.ภ.1 ตั้งโต๊ะเจรจา พธม.
ส่วนบรรยากาศโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ที่อลหม่านวุ่นวายมาตั้งแต่เช้า จากการที่ม็อบพันธมิตรฯ ระดมพลตอบโต้ตำรวจ ก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเมื่อมีกระแสข่าวว่าตำรวจจะเข้าสลายการชุมนุม โดยเวลาประมาณบ่ายสองโมง ที่ห้องประชุม สภ.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และนายขวัญชัย วงศ์นิติกร ผวจ.สมุทรปราการ ร่วมกันแถลงข่าวการเจรจาไกล่เกลี่ยกับแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ โดย ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า จากการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุป ให้เหตุการณ์ดังกล่าวยุติ ไม่ให้เกิดความรุนแรง ขณะนี้ได้ตัดสินใจจะมีการเปิดโต๊ะเจรจา เพื่อหาแนวทางยุติความวุ่นวายของผู้ชุมนุม และไม่ให้เกิดการปะทะกันขึ้นอีก โดยจะมี ผวจ. สมุทรปราการ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าร่วมด้วย
ทหารจับมือตำรวจตรึงกำลัง
ผบช.ภ.1 กล่าวต่อไปอีกว่า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คงไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ เว้นแต่จะมีการตรึงกำลังประจำจุดสกัดที่มีการตั้งไว้ เพื่ออำนวยการให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุม รวม 4 จุด รอบสนามบินสุวรรณภูมิ โดยได้ปฏิบัติตามประกาศข้อกำหนดการชุมนุมในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามมาตรา 9 ซึ่งได้คอยเฝ้าระวังไม่ให้มีผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย ทั้งทางร่างกายและทรัพย์สิน จึงต้องมีการตรึงกำลังเจ้าหน้าที่จาก บช.ภ.1 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 2,000 นาย ขณะที่ได้กำลังสนับสนุนจากทางกองทัพบก จำนวน 1 กองร้อย และกองทัพเรืออีก 1 กองร้อย
ใช้ถุงดำคลุมกล้องทั่วดอนเมือง
อีกด้านหนึ่ง ที่สนามบินดอนเมือง ปรากฏว่ามีผู้ ชุมนุมเข้ามารับฟังการปราศรัยบางตา ส่วนใหญ่พักผ่อนอยู่ในอาคารผู้โดยสารภายในประเทศขาเข้า กระทั่งเวลา 15.00 น. มีเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 ลำ บินวนสังเกตการณ์บริเวณพื้นที่ชุมนุม ทำให้การ์ดพันธมิตรฯ ที่วางกำลังบริเวณรอบพื้นที่นำกล้องส่องทางไกล มาสังเกตการณ์ ก่อนที่จะบินกลับไป ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างตื่นตระหนก พร้อมทั้งใช้มือตบมาเขย่าและตะโกนโห่ไล่ นอกจากนี้ ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ได้มีการเปิดใช้ห้องน้ำชั้น 2 เนื่องจากห้องน้ำชั้นล่างไม่ เพียงพอใช้บริการ โดยอนุญาตให้เฉพาะผู้หญิงขึ้นไปใช้บริการเท่านั้น นอกจากนี้ การ์ดพันธมิตรฯยังมีการนำถุงดำไปคลุมตรงจุดที่มีกล้องวงจรปิดทุกจุดในอาคารผู้โดยสารขาเข้า เพื่อไม่ให้กล้องบันทึกความเคลื่อนไหวของการชุมนุม นอกจากนี้ ยังได้แจ้งให้ประชาชนที่นำรถมาจอดไว้ภายในสนามบินดอนเมืองก่อนที่จะยึดสนามบิน สามารถเข้ามานำรถออกไปได้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
ยันเสียงหนักแกนนำไม่แตกแยก
ต่อมาเวลา 15.40 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการเจรจากับรัฐบาลว่า ยังคงยึดหลักให้นายกรัฐมนตรีลาออกก่อนถึงจะมีการเจรจา ถ้ารัฐบาลไม่ลาออกพรรคประชาธิปัตย์ก็ควรลาออก เพื่อให้รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ ซึ่งหากรัฐบาลลาออกสถานการณ์ ต่างๆ จะคลี่คลายลง ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาพูดว่า ให้พันธมิตรฯออกจากสนามบินทั้ง 2 แห่ง เพราะทำผิดกฎหมาย อยากถามว่าใครทำผิดกฎหมายกันแน่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณหนีคดีอาญาผิดกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ วันที่ 30 พ.ย.นี้ กลุ่ม นปช.จะรวมตัวต้านพันธมิตรฯ และกดดันการตัดสินคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มีข่าวว่าแกนนำพันธมิตรฯ เสียงแตกนั้น ขอย้ำว่าแกนนำ ไม่มีการแตกแยกล้านเปอร์เซ็นต์
ไม่สน ตร.ออกแถลงฉบับ 2
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะทำให้พันธมิตรฯออกจากสนามบินหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เคยสนใจเลย เพราะมันไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เป็น พ.ร.ก.ฉุกละหุก เพื่อสำเร็จความงมงายในอารมณ์ ของตัวเอง หากคิดจะปราบประชาชนเราพร้อมจะสู้
ขณะนี้รัฐบาลไม่มีความชอบธรรม ไม่มีอำนาจ เป็นรัฐบาลเถื่อนและหน้าด้านสุดๆ ส่วนตำรวจได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เพื่อจัดการกับพันธมิตรฯนั้น ตนไม่สนใจและไม่กลัว เป็นเพียงเศษกระดาษเปื้อนน้ำหมึกจะประกาศอีกกี่ฉบับก็ได้
บอกไม่ได้จะชุมนุมถึงวันเฉลิมฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะชุมนุมถึงวันที่ 5 ธ.ค. หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะจบลงเมื่อใด ยุทธการจะเข้มข้นเรื่อยๆ ส่วนจะยืดเยื้อถึงงานพระราชพิธีหรือไม่ ต้องหารือแกนนำก่อน ตนเชื่อว่า ความจงรักภักดีอยู่ที่จิตใจ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ เพราะบางคนพูดไปแล้วไม่ยอมปฏิบัติ ส่วนยุทธวิธีดาวกระจายจะยังคงมีต่อไป แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะไปที่ใด ส่วนเรื่องผลการสำรวจที่ออกมาว่า ความนิยมของกลุ่มพันธมิตรฯลดลงหลังจากปิดสนามบินนั้น ตนคิดว่าเป็นเพียงผลสำรวจเฉพาะคนบางกลุ่ม จึงอยากให้มาสำรวจประชาชนที่เข้าร่วมกับพันธมิตรฯบ้าง การทำโพลถือเป็นการทำที่ห่วยแตก
โบ้ยเศรษฐกิจพังเพราะรัฐบาล
ส่วนผลกระทบจากการยึดสนามบิน ส่งผลให้ ประเทศเสียหายมากนั้น แกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า ถือเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการกระทำของรัฐบาล ที่เข้ามาด้วยวิธีการโกงและซื้อเสียง ถ้ารัฐบาลไม่ยอมแก้ปัญหา ทางกลุ่มพันธมิตรฯยังคงจะชุมนุมต่อไป ทั้งนี้ ตนเชื่อว่ารัฐบาลพรรคพลังประชาชนจะถูกยุบพรรค แต่ยังคงมีความพยายามขนมวลชนเข้ามาต่อต้านการตัดสินของศาล เมื่อเป็นเช่นนี้จะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ขอให้ประชาชนเข้าใจ เป็นเพราะรัฐบาลเป็นตัวก่อกำหนดวิกฤติในสังคมขณะนี้
ระดมคนไปล้อมบ้าน “โกวิท”
ต่อมาเวลา 16.52 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขี้น ประกาศบนเวทีทำเนียบรัฐบาล ปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมโชว์มวลชนด้วยการเคลื่อนขบวนดาวกระจายไปบ้านนายตำรวจ ที่จ้องเล่นงานผู้ชุมนุม โดยมีรถบรรทุก 7 คัน จุได้ 350 คน ส่วนใครมีรถตู้จะตามไปก็ได้ ไปสัก 150 คน รวมแล้วอย่าให้เกิน 500 คน ซึ่งจะมีนายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรฯรุ่นสอง เป็นผู้นำไป ซึ่งต่อมามีรายงานข่าวว่า นายตำรวจที่ พล.ต.จำลองสั่งมวลชนไปล้อมบ้านก็คือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย
กลับลำดาวกระจายกะทันหัน
กระทั่งเวลา 19.00 น. ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงข่าวรอบค่ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมาจากนายสมชาย ในการเจรจาแต่อย่างใด นอกจากนี้ก็ยังยืนว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับ พล.ต.จำลองไม่ได้มีปัญหาความเป็นเอกภาพในเรื่องการเจรจากับรัฐบาล ตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้า ส่วนการที่จู่ๆ แกนนำได้ตัดสินใจยกเลิกการเคลื่อนขบวนไปเยี่ยมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในช่วงเย็นที่ผ่านมาแล้ว เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากทราบว่ามีการจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงดักทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ระหว่างเดินทาง ส่วนการสลายม็อบนั้น ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งด่านเพื่อสกัดไม่ให้ กลุ่มผู้ชุมนุมไปสมทบ ทางกลุ่มฯอาจต้องใช้มวลชนมาสลายกำลังตำรวจเช่นกัน
กองกำลังมีปืนยกพลถล่มโรงพัก
เมื่อเวลา 21.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลหลายร้อยนายรวมพลกันอยู่หน้า สภ.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก จ.สิงห์บุรี พร้อมรถยนต์ควบคุมผู้ต้องหาและรถตู้ เตรียมนำไปสับเปลี่ยนกำลังรักษาความปลอดภัยส