ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.00 น. นายวิศาล ดิลกวานิช ผู้ดำเนินรายการทางช่อง 3 ได้เดินทางไปเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ ทองชนะ ร้อยเวรพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ
เพื่อให้ดำเนินคดี นายชูวิทย์ โกมลวิศิษฐ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.เบอร์ 8 ในข้อหาทำร้ายร่างกาย พร้อมนำใบรับรองแพทย์ที่ตรวจจากโรงพยาบาลสมิตเวชมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อไว้เป็นหลักฐานในเชิงคดี นายวิศาล ชี้ร่องรอยฟกซ้ำเป็นผื่นสีแดงที่กกหู แก้ม ลำคอด้านซ้ายที่ถูก นายชูวิทย์ทำร้ายร่างกายให้สื่อมวลชนได้ดูก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า วันนี้ตนนัดนายชูวิทย์ ผู้สมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.เบอร์ 8 เพื่อมาออกรายการสัมภาษณ์ในเรื่องของนโยบาย ปากท้องประชาชน การจราจร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เชิญผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม.คนอื่นมาพูดออกอากาศแล้วหลายคนไม่ว่าจะเป็นนายอภิรักษ์ โกษะโยธินดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นายประภัทร จงสงวน
และวันนี้เป็นคิวนายชูวิทย์ เชิญให้มาพูดถึงนโยบายต่างๆว่ามีอะไรบ้าง และช่วงก่อนเข้ารายการ ตนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายชูวิทย์
ถามถึงเรื่องต่างๆซึ่งนายชูวิทย์ก็บอกว่าจะไม่คุยเรื่องนโยบายแต่จะไปเพื่อสะส่างความไม่ถูกต้องในกทม. ตนก็บอกว่าหากไม่พูดเรื่องนโยบายนายชูวิทย์ก็จะเสียเปรียบผู้สมัครคนอื่น "ช่วงก่อนเข้ารายการประมาณ 2 นาทีผมได้ถามนายชูวิทย์เรื่องป้ายหาเสียงที่มีกล้องส่องทางไกลกับป้ายหาเสียงใหม่ที่ไม่เหมือนกัน นายชูวิทย์ ก็บอกว่าต้องปรับบางส่วนเพื่อสู้กับนายอภิรักษ์กระทั่งเข้าราย การในช่วงออกอากาศผมก็มีโอกาสได้ถามนายชูวิทย์ในเรื่องที่ไปยื่นเรื่องให้ปปช.เป้าหมายเพื่ออะไร เป็นการดิสเครดิตนายอภิรักษ์หรือเปล่า นายชูวิทย์ก็ต้องการตรวจสอบและระหว่างที่พูดในรายการนั้นเวลาพูดนายชูวิทย์จะพูดเร็วมาก ผมพยายามเบรกคำพูดนายชูวิทย์เพราะบางครั้งนายชูวิทย์พูดไปเข้าข่ายพาดพิงคนอื่นจึงเกรงว่ากกต.จะตรวจสอบ อีกทั้งที่ที่ผ่านก็ไม่มีผู้สมัครคนไหนไปกล่าวพาดพิงนายชูวิทย์มีเพียงแต่นายชูวิทย์คนเดียวที่ออกอากาศแบบนี้ ไม่พูดเรื่องนโยบาย" นายวิศาล กล่าว
นายวิศาล กล่าวต่อว่า ระหว่างที่อยู๋ในรายการ ตนถามกับนายชูวิทย์ตรงๆจนบางครั้ง นายชูวิทย์ ชวนทะเลาะโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงที่ถามเกี่ยวกับป้ายหาเสียง
ซึ่งก่อนจะออกรายการ ก็ได้พูดคุยกัน แต่พอมาถามในรายการ นายชูวิทย์กับไม่พอใจกับคำถามนี้ ซึ่งตนก็บอกว่าหน้ากล้องกับหลังกล้องมันคนๆเดียวกันหรือปล่าว ซึ่งที่คุยกันที่แรกมันไม่ใช่แบบนี้ จนกระทั่งจบรายการ ตนก็เดินออกจากห้องจัดรายการแต่เหตุ การณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อนายชูวิทย์เดินตามมาก่อนที่จะเดินเข้ามาต่อย ใช้ศอกกระแทกเต็มแรง ที่บริเวณกกหูท้ายทอยจนกระทั่งตนล้มลงศรีษะฝาดพื้น หลังจากนั้นนายชูวิทย์ก็กระทืบที่หลังและขา ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาแยกออกจากกัน ยอมรับว่าตกใจมาก ไม่นึกว่าเขาจะมีนิสัยเป็นแบบนี้ คนที่มีการศึกษาเขาไม่ทำกัน ตนไม่ผูกใจเจ็บ ถ้าขอโทษตนก็ให้อภัย
แต่เรื่องนี้ ทางผู้ใหญ่และตนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างน้อยนายชูวิทย์ต้องเรียนรู้กับสิ่งที่กระทำ เพราะคนที่มีความรู้จะสู้กันด้วยประเด็นจะไม่ใช้วิธีป่าเถื่อน อันตพาล ต้องไปสู้กันในชั้นศาลซึ่งตนจะฟ้องคดีแพ่ง
ในส่วนตัวตนไม่ได้รู้จักกับคุณชูวิทย์เป็นการส่วนตัวมาก่อน ตนทำตามหน้าที่ของตน โดยไม่มีอคติกับใครซึ่งตนก็ให้โอกาศกับทุกๆคนในเวลาที่จำกัด ซึ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่ว่านายชูวิทย์กับชวนตนทะ เลาะอย่างต่อเนื่อง แทนที่นายชูวิทย์จะใช้ประโยชน์กับรายการให้เต็มที่ จนกระทั้งเกิดเรื่องขึ้น
สำหรับผลการตรวจโดยนายแพทย์ธีระพร ไทยจินดา อายุรกรรมโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ผลปรากฎว่านายวิศาลมีบาดแผลฟกช้ำที่หูซ้าย แก้มซ้าย คาง 2 แห่งยาวประมาณ 1 นิ้ว ใบหูขวา รูหูขวามีเลือดออกใต้ผิวหนังประมาณ 1นิ้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายวิศาลกล่าวกับผู้สื่อข่าวเสร็จแล้ว ก็มีนางลีน่าจัง ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯเบอร์7 ได้มาให้กำลังใจกับนายวิศาล โดยกล่าวว่านายชูวิทย์ทำไม่ถูกต้อง เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ตำรวจต้องเอาเข้าคุก ตนเองชอบนายวิศาลตั้งแต่อยู่ ไอทีวี เป็นคนที่วิจารณ์ข่าวดี อนาคตอาจดังกว่านายสรยุทธ์ ก็ได้หากผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน
ด้าน ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องสอบปากคำผู้เสียหาย และลงบันทึกประจำวันประกอบกับใบแพทย์ตรวจร่างกายซึ่งเป็นหลักฐาน
และจะเรียกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง พยาน คนที่เห็นเหตุการณ์บ้างและจะรวบรวมพยานหลักฐานและจะออกหมายเรียกนายชูวิทย์มารับทราบข้อกล่าวหา สำหรับคดีนี้ถ้าหากว่าไม่สาหัส ก็ถือว่าเป็นคดีลหุโทษ หากผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ยินยอมให้นายชูวิทย์เสียค่าปรับ คดีก็จะจบ เปรียบเทียบปรับไม่เกิน 1,000บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ต้องไปว่ากันที่ศาล