องศ์กรสื่อร่วมประณามชูวิทย์ วิศาลย้ำวิธีป่าเถื่อน-อันตพาล

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ฯ และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ออกแถลงการณ์ร่วมองค์กรสื่อประณาม"ชูวิทย์"ทำร้ายร่างกาย"วิศาล" ด้านพิธีกรชื่อดัง ระบุ วิธีป่าเถื่อน-อันตพาล


(2ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ร่วมองค์กรสื่อประณามนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.ทำร้ายร่างกาย นายวิศาล ดิลกวณิช ผู้ดำเนินรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ โดยเนื้อหาของแถลงการณ์มีดังนี้


จากกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใช้กำลังทำร้ายร่างกายนายวิศาล ดิลกวณิช ผู้ดำเนินรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2551 หลังจากรายการเสร็จสิ้นลง


สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เห็นว่า พฤติกรรมของนายชูวิทย์ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับบุคคลสาธารณะที่เสนอตัวเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุนายวิศาลได้ทำหน้าที่ของผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์นายชูวิทย์ตามปกติ แม้จะมีคำถามที่อาจทำให้นายชูวิทย์ไม่พอใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของสื่อมวลชนในการตั้งคำถามกับผู้เสนอตัวให้ประชาชนเลือก เช่นเดียวกับอาณาอารยประเทศทั้งหลาย ซึ่งนายชูวิทย์ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบคำถามได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยเฉพาะสื่อมวลชนซึ่งกำลังทำหน้าที่

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยขอประณามพฤติกรรมของนายชูวิทย์และขอเรียกร้องให้ประชาชนชาวกรุงเทพมหานครโปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่จะมาทำหน้าที่บริหารราชการกรุงเทพมหานครให้เจริญก้าวหน้าด้วยความผาสุกในฐานะเมืองหลวงของประเทศต่อไป


2 ตุลาคม 2551


สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย www.thaibja.org

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.tja.or.th



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.00 น. นายวิศาล ดิลกวานิช ผู้ดำเนินรายการทางช่อง 3 ได้เดินทางไปเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ ทองชนะ ร้อยเวรพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ

เพื่อให้ดำเนินคดี นายชูวิทย์ โกมลวิศิษฐ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.เบอร์ 8 ในข้อหาทำร้ายร่างกาย พร้อมนำใบรับรองแพทย์ที่ตรวจจากโรงพยาบาลสมิตเวชมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อไว้เป็นหลักฐานในเชิงคดี นายวิศาล ชี้ร่องรอยฟกซ้ำเป็นผื่นสีแดงที่กกหู แก้ม ลำคอด้านซ้ายที่ถูก นายชูวิทย์ทำร้ายร่างกายให้สื่อมวลชนได้ดูก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า วันนี้ตนนัดนายชูวิทย์ ผู้สมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.เบอร์ 8 เพื่อมาออกรายการสัมภาษณ์ในเรื่องของนโยบาย ปากท้องประชาชน การจราจร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เชิญผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม.คนอื่นมาพูดออกอากาศแล้วหลายคนไม่ว่าจะเป็นนายอภิรักษ์ โกษะโยธินดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นายประภัทร จงสงวน


และวันนี้เป็นคิวนายชูวิทย์ เชิญให้มาพูดถึงนโยบายต่างๆว่ามีอะไรบ้าง และช่วงก่อนเข้ารายการ ตนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายชูวิทย์

ถามถึงเรื่องต่างๆซึ่งนายชูวิทย์ก็บอกว่าจะไม่คุยเรื่องนโยบายแต่จะไปเพื่อสะส่างความไม่ถูกต้องในกทม. ตนก็บอกว่าหากไม่พูดเรื่องนโยบายนายชูวิทย์ก็จะเสียเปรียบผู้สมัครคนอื่น
"ช่วงก่อนเข้ารายการประมาณ 2 นาทีผมได้ถามนายชูวิทย์เรื่องป้ายหาเสียงที่มีกล้องส่องทางไกลกับป้ายหาเสียงใหม่ที่ไม่เหมือนกัน นายชูวิทย์ ก็บอกว่าต้องปรับบางส่วนเพื่อสู้กับนายอภิรักษ์กระทั่งเข้าราย การในช่วงออกอากาศผมก็มีโอกาสได้ถามนายชูวิทย์ในเรื่องที่ไปยื่นเรื่องให้ปปช.เป้าหมายเพื่ออะไร เป็นการดิสเครดิตนายอภิรักษ์หรือเปล่า นายชูวิทย์ก็ต้องการตรวจสอบและระหว่างที่พูดในรายการนั้นเวลาพูดนายชูวิทย์จะพูดเร็วมาก ผมพยายามเบรกคำพูดนายชูวิทย์เพราะบางครั้งนายชูวิทย์พูดไปเข้าข่ายพาดพิงคนอื่นจึงเกรงว่ากกต.จะตรวจสอบ อีกทั้งที่ที่ผ่านก็ไม่มีผู้สมัครคนไหนไปกล่าวพาดพิงนายชูวิทย์มีเพียงแต่นายชูวิทย์คนเดียวที่ออกอากาศแบบนี้ ไม่พูดเรื่องนโยบาย" นายวิศาล กล่าว


นายวิศาล กล่าวต่อว่า ระหว่างที่อยู๋ในรายการ ตนถามกับนายชูวิทย์ตรงๆจนบางครั้ง นายชูวิทย์ ชวนทะเลาะโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงที่ถามเกี่ยวกับป้ายหาเสียง

ซึ่งก่อนจะออกรายการ ก็ได้พูดคุยกัน แต่พอมาถามในรายการ นายชูวิทย์กับไม่พอใจกับคำถามนี้ ซึ่งตนก็บอกว่าหน้ากล้องกับหลังกล้องมันคนๆเดียวกันหรือปล่าว ซึ่งที่คุยกันที่แรกมันไม่ใช่แบบนี้
จนกระทั่งจบรายการ ตนก็เดินออกจากห้องจัดรายการแต่เหตุ การณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อนายชูวิทย์เดินตามมาก่อนที่จะเดินเข้ามาต่อย ใช้ศอกกระแทกเต็มแรง ที่บริเวณกกหูท้ายทอยจนกระทั่งตนล้มลงศรีษะฝาดพื้น หลังจากนั้นนายชูวิทย์ก็กระทืบที่หลังและขา ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาแยกออกจากกัน ยอมรับว่าตกใจมาก ไม่นึกว่าเขาจะมีนิสัยเป็นแบบนี้ คนที่มีการศึกษาเขาไม่ทำกัน ตนไม่ผูกใจเจ็บ ถ้าขอโทษตนก็ให้อภัย


แต่เรื่องนี้ ทางผู้ใหญ่และตนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างน้อยนายชูวิทย์ต้องเรียนรู้กับสิ่งที่กระทำ เพราะคนที่มีความรู้จะสู้กันด้วยประเด็นจะไม่ใช้วิธีป่าเถื่อน อันตพาล ต้องไปสู้กันในชั้นศาลซึ่งตนจะฟ้องคดีแพ่ง


ในส่วนตัวตนไม่ได้รู้จักกับคุณชูวิทย์เป็นการส่วนตัวมาก่อน ตนทำตามหน้าที่ของตน โดยไม่มีอคติกับใครซึ่งตนก็ให้โอกาศกับทุกๆคนในเวลาที่จำกัด ซึ่งเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่ว่านายชูวิทย์กับชวนตนทะ เลาะอย่างต่อเนื่อง แทนที่นายชูวิทย์จะใช้ประโยชน์กับรายการให้เต็มที่ จนกระทั้งเกิดเรื่องขึ้น


สำหรับผลการตรวจโดยนายแพทย์ธีระพร ไทยจินดา อายุรกรรมโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ผลปรากฎว่านายวิศาลมีบาดแผลฟกช้ำที่หูซ้าย แก้มซ้าย คาง 2 แห่งยาวประมาณ 1 นิ้ว ใบหูขวา รูหูขวามีเลือดออกใต้ผิวหนังประมาณ 1นิ้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายวิศาลกล่าวกับผู้สื่อข่าวเสร็จแล้ว ก็มีนางลีน่าจัง ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯเบอร์7 ได้มาให้กำลังใจกับนายวิศาล โดยกล่าวว่านายชูวิทย์ทำไม่ถูกต้อง เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ตำรวจต้องเอาเข้าคุก ตนเองชอบนายวิศาลตั้งแต่อยู่ ไอทีวี เป็นคนที่วิจารณ์ข่าวดี อนาคตอาจดังกว่านายสรยุทธ์ ก็ได้หากผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน


ด้าน ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องสอบปากคำผู้เสียหาย และลงบันทึกประจำวันประกอบกับใบแพทย์ตรวจร่างกายซึ่งเป็นหลักฐาน

และจะเรียกสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง พยาน คนที่เห็นเหตุการณ์บ้างและจะรวบรวมพยานหลักฐานและจะออกหมายเรียกนายชูวิทย์มารับทราบข้อกล่าวหา สำหรับคดีนี้ถ้าหากว่าไม่สาหัส ก็ถือว่าเป็นคดีลหุโทษ หากผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ยินยอมให้นายชูวิทย์เสียค่าปรับ คดีก็จะจบ เปรียบเทียบปรับไม่เกิน 1,000บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ต้องไปว่ากันที่ศาล


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์