“สมัคร”กลับจากจีนอารมณ์ดี
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 12.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะเดินทางกลับจากประเทศจีนภายหลังร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 โดยนายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกฯมารอต้อนรับ เป็นที่น่าสังเกตว่านายสมัครมีอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการเดินทางไปชี้แจงคดียุบพรรคต่อกกต.ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ โดยนายกฯได้เดินออกจากห้องรับรองพิเศษแล้วฝ่ากลุ่มผู้สื่อข่าวไปขึ้นรถยนต์ออกจากสนามบินในทันที
จี้นายกฯเลิกอุ้มใช้สื่อรัฐถล่ม
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรายการความจริงวันนี้ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีว่า ต้องยอมรับความจริงว่าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้นเป็นสื่อของรัฐ ไม่ใช่สื่อส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง จึงไม่ควรปล่อยให้มีการจัดรายการในลักษณะที่เป็นกระบอกเสียงข้างเดียวให้กับรัฐบาล อย่างน้อยที่สุดนายกฯในฐานะผู้ริเริ่มและอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง จะต้องมีการพิจารณาทบทวนว่าการจัดผังรายการในลักษณะนี้เหมาะสมและควรดำเนินการต่อไปหรือไม่ และควรให้ผู้ที่ถูกพาดพิงได้ชี้แจงด้วย เพื่อให้ประชาชนได้ทราบ ข้อมูลทั้ง 2 ด้าน
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุง เทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะเรียกร้องเรื่องนี้ไปยังนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งดูแลงานด้านสื่อสารมวลชน ต้องดูว่า การใช้สื่อของรัฐนั้นมีความเป็นกลางและมีความเป็นสื่อมวลชนเพียงใด อีกทั้งจะเข้าไปดูว่าบริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เป็นเจ้าของรายการดังกล่าวมีใครถือหุ้นอยู่บ้าง แล้วจะเป็นการถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานของรัฐในเรื่องสื่อหรือไม่อีกด้วย
“เรืองไกร”คาใจเงินขายหุ้น
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยอมรับถึงข้อมูลที่ระบุว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน, นายวีระ มุสิกพงศ์ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ และนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ถือหุ้นในบริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ทำสถานีโทรทัศน์พีทีวี คนละ 10 ล้านบาทนั้น เป็นของเก่าจริงตั้งแต่ปี 2550 แต่ที่ออกมาเปิดเผยนั้นเพราะต้องการตรวจสอบว่า ที่มาของเงินที่นำมาซื้อหุ้นและเมื่อขายหุ้นแล้วเงินทั้งหมดหายไปไหน