รัฐบาลตอบรับร่วมอภิปรายทั่วไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดได้ร่วมกันแถลงจุดยืน ให้ทุกฝ่ายช่วยกันลดความขัดแย้งและไม่ใช้กำลังในการแก้ปัญหานั้น ภายหลังการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา รักษาการประธานวุฒิสภา ได้สั่งการให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ทำหนังสือด่วนถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนท่าที และขอให้มาชี้แจงการอภิปรายของ ส.ว. ที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ ล่าสุดนายสมัครได้ประสานผ่านนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภาว่าพร้อมจะมาตอบข้อซักถามของ ส.ว. ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ โดยนายนิคมกล่าวว่า ได้รับการประสานผ่านทางนายชัยแล้วว่า ทางรัฐบาลพร้อมจะมาร่วมชี้แจงตอบข้อซักถามของ ส.ว. ที่ขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ โดยจะให้รองนายกรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง และรัฐมนตรีส่วนหนึ่งเข้าร่วมการประชุม จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ส่งข้อความผ่านมือถือแจ้ง ส.ว.ทุกคนให้รับทราบ และเข้าร่วมประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญเป็นกรณีพิเศษ ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
ช่วยลดอุณหภูมิความตึงเครียด
นายนิคมกล่าวว่า การแสดงท่าทีของรัฐบาลในครั้งนี้เป็นท่าทีที่ดีมาก เราทุกคนอยากเห็นท่าทีอย่างนี้มานานแล้ว ท่าทีการประนีประนอมของรัฐบาลแบบนี้ เชื่อว่าจะช่วยลดอุณหภูมิความตึงเครียดทางการเมืองลงได้มาก เมื่อถามว่าเมื่อรัฐบาลเปิดให้ใช้เวทีรัฐสภาแก้ปัญหาแบบนี้แล้ว ทางกลุ่มพันธมิตรฯก็ควรลดท่าทีความรุนแรงลงด้วย นายนิคมตอบว่า ใช่ ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ควรลดบทบาทลง ถ้าเราอะลุ้มอล่วยกันบ้านเมืองก็จะไปต่อได้ ตรงนี้ถือว่ารัฐบาลลดปัจจัย ลดเงื่อนไขความขัดแย้งลงไปแล้ว ถึงต่างฝ่ายต่างยังดึงดันบ้านเมืองก็พัง เราไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น สำหรับการจัดสรรเวลาให้ ส.ว.ได้ร่วมอภิปรายนั้น ทาง ส.ว.เขาคงคุยกันอีกที
ช่วยทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ
น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี แกนนำกลุ่ม 61 ส.ว.ที่เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ กล่าวว่า ท่าทีของนายกฯและรัฐบาลเช่นนี้จะช่วยลดความขัดแย้งลงมาได้มาก ในส่วนของกลุ่มพันธมิตรฯควรจะลดบทบาทลงด้วยหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่ถือเป็นโอกาสที่นายกฯจะมาชี้แจงและตอบปัญหาของบ้านเมือง ทางกลุ่มพันธมิตรฯก็คงได้รับฟังอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ทราบว่าเขาจะรับฟังไหม วุฒิสภาเพียง ทำหน้าที่ของเราด้วยความหวังว่า จะช่วยทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ ตรงนี้ถือเป็นการขอร้องของเราท่านก็ให้เกียรติ สำหรับ ส.ว.ในกลุ่มก็มีความพร้อม เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้หารือเพื่อกำหนดตัวบุคคล และประเด็นที่จะอภิปรายไว้บ้างแล้ว
“บิ๊กจิ๋ว” ปกป้อง “ทักษิณ” เรื่องเขมร
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าไทยจะเสียเปรียบประเทศกัมพูชา ในการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารว่า ใครจะมาเอาเปรียบกันได้ง่ายๆ คนไทยกินข้าวไม่ได้โง่อย่างนั้น ส่วนจะเกี่ยวโยงกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปลงทุนที่ประเทศกัมพูชาหรือไม่นั้น คนอื่นเขาไปลงทุนกันมากมาย แต่เราไปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และการที่ประเทศกัมพูชาจะพัฒนาก้าวเหนือกว่าเรานั้น ไม่ได้อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเพราะเราตีกันไม่เลิกต่างหาก เมื่อถามว่า รมว.ต่างประเทศได้ลงนามไปแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ พล.อ.ชวลิตตอบว่า มีอะไรบ้างที่แก้ไขไม่ได้ แก้ได้ทั้งนั้น ถ้าเราแก้ด้วยหัวใจและจิตใจ และมีความเข้าใจกัน
“เราพลิกให้เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าเขา พระวิหารจะเป็นของใคร ถึงแม้ว่าเขาพระวิหารเป็นของเขา แต่ทางขึ้นอยู่ฝั่งเราถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อย่าไปพูดเรื่องเส้นเขตแดนให้มันสับสน แต่เป็นเรื่องของเกียรติที่จะต้องมีร่วมกัน พูดกับเขาดีๆ เราอย่าไปชวนเขาตี ต้องค่อยๆพูดอย่าไปปลุกเร้ากัน” พล.อ.ชวลิตกล่าว
“สมัคร” แก้เกมลดเงื่อนไขไล่รัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่รัฐบาลยอมกลับคำเลื่อนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมา เนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และ รมว. กลาโหม ได้ประชุมหารือกับทีมงานถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังรุมเร้ารัฐบาล ทั้งการเคลื่อนไหวในสภาฯของพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่ม ส.ว.บางส่วน กับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ปักหลักชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบฯในขณะนี้ แล้วเห็นว่าควรที่จะปรับเกมเพื่อลดเงื่อนไขทางการเมืองที่กดดันให้รัฐบาลลาออก ลดเงื่อนไขข้อหารัฐบาลหนีญัตติอภิปราย ที่เป็นเหตุให้ม็อบพันธมิตรฯนอกสภามีเงื่อนไขการชุมนุมยืดเยื้อ โดยดึงเกมให้เข้าไปอยู่ในสภาฯ แทนที่รัฐบาลต้องตั้งรับทั้งการโจมตีจากในและนอกสภาฯ โดยได้สั่งการให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ บรรจุญัตติการอภิปรายทั่วไปของ ส.ว. ในวันที่ 23 มิ.ย. และบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ในวันที่ 24-25 มิ.ย. ส่วนงบประมาณ 52 จะอภิปรายในวันที่ 26-27 มิ.ย. ในขณะที่ฝ่ายค้านจะอ้างว่าไม่พร้อมก็ไม่ได้ เพราะเป็นคนยื่นญัตติเอง ถ้าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลใหม่หรือเนื้อหาซ้ำซากกับ ส.ว. หรือใช้ข้อมูลเหมือนที่กลุ่มพันธมิตรฯเปิดประเด็นโจมตีรัฐบาล ฝ่ายค้านก็จะเสียหายเอง และประชาชนทั่วไปจะเห็นชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตรฯเป็นพวกเดียวกัน