10 มี.ค.60 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงผลการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ว่า จากการเข้าตรวจค้นไม่พบตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลังจากนี้จะยุติการเข้าตรวจค้น และจัดให้พระธัมมชโยเป็นผู้หลบหนีตามหมายจับ ทางเจ้าหน้าชุดสืบสวนดีเอสไอ ตำรวจ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จะติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้น สตม.ยังไม่พบข้อมูลการออกนอกประเทศของพระธัมมชโย
"การยุติการเข้าตรวจค้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่คลายข้อสงสัยในเรื่องการที่พระธัมมชโยอาพาธ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งจากการเข้าตรวจ ก็คลายข้อสงสัยและสรุปได้ว่าพระธัมมชโยไม่ได้อาพาธและสามารถเคลื่อนย้ายหลบหนีได้" อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทางวัดและศิษย์วัดพระธรรมกาย จะยุติการชุมนุม ทั้งพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง และพื้นที่วัดพระธรรมกาย ในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.2560) จะไม่เห็นภาพศิษย์นั่งสวดมนต์กีดกันเจ้าหน้าที่ตามประตูต่างๆ และจะเปิดให้พระสงฆ์ที่เป็นพระของวัดพระธรรมกายและพระวัดอื่นๆ รวมทั้งศิษย์เข้ามาประกอบศาสนกิจได้ตามปกติ และจะเคลียร์พื้นที่ต่างๆให้เข้าสู่สภาวะปกติ แต่ยังคงตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ทหารไว้อยู่ เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุ เนื่องจากทางการข่าวพบการแทรกซึมของบุคคลไม่ประสงค์ดี ในส่วนของวัดพระธรรมกาย จะให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) , พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เข้ามาดูแลวัดพระธรรมกายต่อไป ซึ่งวัดก็ไม่ได้คัดค้าน
สำหรับคดีที่เกิดขึ้นช่วงบังคับใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคดีอาญา 43 คดี มีหมายเรียกบุคคลมารายงานตัว 316 ราย และหากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่มีการชักชวนมาชุมนุม หรือต่อต้าน จะเสนอเรื่องขอยกเลิกการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อส่งเรื่องต่อไปยัง คสช. แต่ยังไม่ยกเลิกตัดสัญญาณโทรศัพท์ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
"ขอวิงวอนให้พระธัมมชโยเข้ามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย เนื่องจากคดีฟอกเงิน มีผู้เสียหายกว่า 5 หมื่นคน มูลค่าความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับทางวัด และการทำงานที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไม่ใช้อาวุธ เพื่อป้องกันการสูญเสีย" พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว