-16ก.พ.60-การเข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีครั้งที่สามในวันนี้ เเม้จะตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย 19 จุดที่มีการเเบ่งกำลังเข้าค้น 3 ส่วนคือ โซนเอ บริเวณวัด 196 ไร่ ตรวจค้นเสร็จสิ้นแล้ว โดยพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภาค 1 นำตรวจค้นด้วยตัวเอง รวมถึงอาคารดาวดึงส์และอาคารอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ดีเอสไอให้ความสำคัญมากที่สุด ส่วนพื้นที่โซนบี 130 ไร่ยังไม่ได้ตรวจ และพื้นที่โซนซี 2,000 ไร่ ตรวจแล้วบางส่วน
เพราะวันนี้ตำรวจและดีเอสไอกว่าจะนำกำลังเข้าไปตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย 19 จุดก็ใช้เวลาเจรจานาน กว่าจะเดินหน้าเข้าไปได้ตะวันก็คล้อยบ่ายเเละต้องทำลายสิ่งกีดขวางเเละกำเเพงมนุษย์สีขาว-เหลือง ซึ่งระหว่างที่เข้าทำการตรวจค้น มีการกระทบกระทั่งกับกลุ่มศิษยานุศิษย์เล็กน้อย แต่หลังจากมีการเจรจาทำความเข้าใจกันทุกอย่างก็ดำเนินการไปได้ด้วยดี ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง
เเต่สุดท้ายยังไร้เงาของผู้นำลัทธิธรรมกายซึ่งเป็นเป้าสำคัญสุด.....
วันที่17ก.พ.รวมทั้งวันอื่นๆ เจ้าหน้าที่รัฐย้ำว่า จะปูพรมเดินเข้าค้นทุกเป้าหมายในเครือข่ายธรรมกายต่อ หลังจากเสียฟอร์มไประยะหนึ่ง เเม้วันนี้จะถือว่าทำงานเข้าเป้าในระยะหนึ่งเเล้วก็ตาม เพราะปฏิบัติการตรวจค้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2559เมื่อมีการนำกำลังเข้าปฏิบัติการปรากฏว่ามีมวลชนจำนวนมากมาสวดมนต์ภายในวัด รวมทั้งมีการตั้งเครื่องกีดขวางเส้นทางเข้าออกวัดและจุดสำคัญต่าง ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการเข้าปฏิบัติการ ต้องยุติ และในการเตรียมการเพื่อเข้าตรวจค้นครั้งที่สอง ระหว่างวันที่ 13 - 16 ธ.ค. 2559 เจ้าหน้าที่ก็ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งการจะตัดสินใจเข้าปฏิบัติการเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ฉะนั้นการตรวจค้นครั้งที่สาม ที่มาจากการสนธิกำลังของดีเอสไอ,สำนักงานตำรวจเเห่งชาติเเละกองทัพบกในวันนี้ โดยมีการใช้"ม.44" ประกาศพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษเพื่อเดินเครื่องการตรวจค้นเเละจับกุมพระธัมมชโยครั้งที่สาม การเช็กกำลังพลในการเดินตามกบิลเมือง มีกระเเสข่าวมาตั้งเเต่ช่วงเย็นวันที่15ก.พ.เเละหนาหูในช่วงดึกเพราะ"ม.44ที่เเปรเป็นคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่5/2560"คืออำนาจสูงสุดที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเเละหัวหน้าคสช.ติดดาบให้เจ้าหน้าที่เดินหน้าลุยเเบบเต็มสูบ โดยการเตรียมพร้อมการบุกค้นตามหมายจับเเละหมายค้นจำนวนมากนั้น มีการวางสายข่าวไว้หลายเดือนทั้งในเเละนอกวัดเพื่อเช็กกระเเสความเคลื่อนไหวทั้งระบบ
จนเจ้าหน้าที่มั่นใจว่า ครั้งที่สามย่อมมิพลาดเหมือนสองครั้งเเรก เเต่มิอาจกล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่า"เข้าเป้า100เปอร์เซ็นต์"
เพราะไม่มีใครพบเห็นพระธัมมชโยในวันนี้เลย?
ตอนนี้สังคมตั้งคำถามว่า เเกนนำลัทธิธรรมกายยังอยู่ในวัดด้วยอาการอาพาธสารพัดโรคตามที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเคยให้ข้อมูลหรือไม่? เพราะพระบางรูปในวัดก็บอกเเบบเเปร่งๆมาก่อนหน้านี้หลายเดือนว่า ไม่มั่นใจว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังอาพาธเเละจำวัดที่นี่หรือไม่?
เเม้เเต่วันนี้ก็เช่นกันเเทบไม่มีบุคลากรของธรรมกายเเละเจ้าหน้าที่รัฐยืนยันเลยว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่ออยู่ ณ ที่ใด?
กระเเสข่าวเมื่อปลายปีที่เเล้วที่ฝ่ายความมั่นคงบางคนให้ข้อมูลว่า "มีการเปิดทางให้พระธัมมชโยเร้นกายออกไปเเล้ว" เเต่อีกกระเเสข่าวโดยเจ้าหน้าที่รัฐย้ำเสมอว่า "พระธัมมชโยยังอยู่ในพื้นที่วัดพระธรรมกาย" เพราะยังเชื่อมั่นในระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องดูเเลเเกนนำวัดเเห่งนี้
วันนี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าผู้นำลัทธิธรรมกายอยู่-ไม่อยู่ในวัดเเห่งนี้
เรื่องนี้จะเผยความจริงทั้งหมดออกมาได้นั้น น่าจะมีสองทางคือ 1.จนกว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะเปิดเผยข้อมูลล่าสุดต่อสังคม หรือ2.ต้องมีภาพเเละข่าวที่สื่อทุกเเขนงเกาะติดการปูพรมตรวจค้นทั่วทุกตารางนิ้่วในพื้นที่วัดนี้เป็นเครื่องยืนยัน
สังคมคิดเเละมองอย่างไรว่า"เเกนนำลัทธิธรรมกายฝังตัวหรือเร้นกายจากพื้นที่วัดเเห่งนี้ไปเเล้ว?"