สืบเนื่องจาก นายณัฐพล นาคคำหรือบอย ผู้ต้องหาเครือข่ายนายไซซะนะ ได้ซัดทอดนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 29 ปี เป็นผู้ดูแลรถลัมโบกินี ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากกระทำความผิด โดยช่วงบ่ายของวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา นายอัครกิตติ์ ได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ถึงที่มาของรถหรูคันดังกล่าว ตามข่าวที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อตอบข้อซักถามและขี้แจงข้อสงสัยเรื่องที่มีของรายได้ ทรัพย์สินและเงินบางประการ เนื่องจากทรัพย์สินที่ได้มามีมูลค่ามากกว่ารายได้การประกอบธุรกิจซ่อมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ และอาชีพนักแข่งรถจักรยานยนต์ทางเลียบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องการทราบที่มาของเงินที่นำไปซื้อรถแรมโบกินี่ กว่า 20 ล้านบาท โดยส่วนตัวแล้วมองว่าการนำเงินกว่า20บ้านบาท จากการประกอบธุรกิจซ่อมรถจักรยานยนต์ไม่สามารถนำไปซื้อรถคันดังกล่าวได้ อีกทั้งคำให้การของ เบนซ์ ยังขัดกับคำให้การของนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ที่ยอมรับสารภาพว่าค้ายาเสพติดจริงและนำเงินที่ได้จากการค้ายาไปซื้อรถ ก่อนนำรถไปขายต่อให้นายเบนซ์ แต่เบนซ์ กลับให้การว่าได้ยืมเงินมากจากนายบอย ไปดาวน์รถ
โดยส่วนตัวมั่นใจเกิน 100% ว่า เบนซ์ มีความผิดแน่นอน ตามพ.ร.บ.มาตราการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ข้อหาสมคบและสนับสนุนช่วยเหลือการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อีกทั้งมั่นใจว่ายังมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาของนายบอย อีกหลายคน แต่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานรวมถึงการสืบสวนขยายผลให้เกิดความจัดเจน เพราะเรื่องดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและเกียรติยศของบุคคลนั้นๆ
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เครือข่ายค้ายาเสพติดของนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหายาเสพติดชาวลาว อาจไปไกลกว่าที่คิด เพราะขณะนี้ทางการญี่ปุ่น ได้ติดต่อขอข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ปส. เพราะญี่ปุ่นประสบปัญหาเรื่องยาเสพติดเช่นกัน ส่วนการติดตามจับตัวแกนนำเครือข่ายในไซซะนะ นายอุสมาน สะแลแมง ที่หลบหนีอยู่สปป.ลาว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไทยและเจ้าหน้าที่ลาวได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อย่างไรก็ตามการเดินทางมาของเบนซ์ เรซซิ่งในวัน เป็นการเดินทางมากก่อนกำหนดหมายเรียกในวันพรุ่งนี้ 16 กพ.