แฟ้มคดี
ถือเป็นเรื่องอื้อฉาวที่สร้างความสนใจให้กับคนทั้งประเทศ
สำหรับการขยายผลกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดของ "ไซซะนะ แก้วพิมพา" พ่อค้ายาเสพติดชาวลาว หลังถูกจับกุมได้คาสนามบินสุวรรณภูมิ
ที่สามารถทลายเครือข่ายที่เชื่อมโยงอีก 80 จุดทั่วประเทศ ยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
เมื่อพบว่าในกลุ่มนี้มีทั้งดารานักร้อง ไฮโซคนดัง รวมทั้งลูกหลานนักการเมือง มีส่วนเข้าพัวพันด้วย มากบ้างน้อยบ้าง หรือไม่เกี่ยวโดยไม่รู้เห็นบ้าง!??
ทั้งเรื่องการจำหน่ายยาเสพติด ไปจนถึงรับฟอกเงินที่แปรรูปกลายเป็นซูเปอร์คาร์และรถหรูต่างๆ
นอกจากนี้ยังพบว่ามีนายตำรวจอีกหลายนาย ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวพันกับนายไซซะนะ
นำมาซึ่งการวางแผนกวาดล้างเครือข่ายไซซะนะ อีกรอบ
ซึ่งพุ่งเป้าไปยังทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพวกดาราไฮโซที่รวมแบบไม่มีที่มา
หวังจะทลายเครือข่ายให้สิ้นซาก
สอบสามีแพทโยง"ไซซะนะ"
กลายเป็นเรื่องฮือฮา เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้ปฏิบัติการ "ชัยยะสยบไพรี 60/2" ขยายผลจากการจับกุม ไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาชาวลาว ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยการลุยเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอีก 39 จุดทั่วประเทศ ในวันที่ 2 ก.พ.ตรวจลัมโบร์กินี / เฉลิมเกียรติแถลงยึดทรัพย์เบนซ์พบตำรวจ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบภาพถ่ายที่ปรากฏทางโซเชี่ยลมีเดีย พบเป็นตำรวจ สภ.ท่าลี่ จ.เลย จำนวน 2 นาย และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.เลย 1 นาย
จึงสั่งให้ต้นสังกัดเร่งตรวจสอบ พบเป็นภาพที่ถ่ายไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ขณะอำนวยความสะดวกให้คาราวานรถหรูจากสปป.ลาว
โดยเชื่อว่าตำรวจทั้ง 3 นาย ไม่เกี่ยวข้องหรือพัวพันกับแก๊งค้ายา
แต่เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ จึงมีคำสั่งให้มาช่วยราชการนอกพื้นที่ก่อน
นอกจากนี้ยังพบตำรวจอีกนาย ยศ "ร.ต.อ." ทำหน้าที่ถือกุญแจรถของนายไซซะนะมาส่งให้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนพ่อค้ายาชาวลาวรายนี้จะโดนรวบตัวไว้ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อให้ชัดเจน
ส่วนการขยายผลก็สามารถจับกุม นายจิตรภานุ แซ่เฮง และ นางบุหรัน สืบธารี ภรรยา นายมามะรุสสัน ดอแม เครือข่ายยาเสพติด อุสมาน สะแรแม คู่ค้านายไซซะนะ พร้อมยึดทรัพย์สินเป็นเงินสดไทยและมาเลย์ กว่า 52 ล้านบาท บ้าน รถยนต์ ทองรูปพรรณ มูลค่ารวมกว่า 68 ล้านบาท
กวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดครั้งใหญ่
ย้อนนาทีจับคาสุวรรณภูมิ
จุดเริ่มต้นของการบุกทลายเครือข่าย "ไซซะนะ" เริ่มขึ้นเมื่อตำรวจตามแกะรอยความเคลื่อนไหวของพ่อค้ายาเสพติดชาวลาวรายนี้มาระยะหนึ่ง
จนกระทั่งล่าสุดได้เบาะแสว่านายไซซะนะเดินทางมาท่องเที่ยวในจ.ภูเก็ต และเตรียมขึ้นเครื่องกลับประเทศที่สนามบินสุวรรณ ภูมิในวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา
เมื่อได้โอกาสในการล็อกตัวพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่สุดของภูมิภาคอาเซียน พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ออกหมายจับและนำกำลังไปดักซุ่มรอ
หลังจากนายไซซะนะและพวกรวม 3 คน ปรากฏตัวที่สนามบิน ทีมตำรวจได้บุกเข้าชาร์จจับกุมทันที ท่ามกลางความตื่นตระหนกของนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมา
ก่อนล็อกตัวนายไซซะนะไปเค้นสอบขยายผล พร้อมตรวจสอบประวัติพบทำธุรกิจโรงเลื่อย โรงแรมและธุรกิจอื่นอีกหลายรายการ แถมยังคบค้าสมาคมกับคนในแวดวงไฮโซและคนมีชื่อเสียง
ส่วนข้อมูลในการกระทำผิดพบนายไซซะนะเป็นขบวนการที่ลอบส่งยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานและจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
ที่สำคัญถือเป็นเครือข่ายที่ใหญ่กว่า "เล่าต๋า แสนลี่" ราชายาเสพติดภาคเหนือ
พร้อมประสานไปยังตำรวจสปป.ลาวให้ช่วยตรวจสอบขยายผล ก่อนตามลุยค้นบ้านพักและโรงแรม โดยยึดซูเปอร์คาร์และรถหรูของนายไซซะนะได้กว่า 20 คัน
หลังจากได้เบาะแสและความเชื่อมโยงของเครือข่ายพ่อค้ายา "ไซซะนะ" ตำรวจบช.ปส.ก็ยังเดินหน้าบุกทลายขบวนการค้ายาด้วยปฏิบัติการ "ชัยยะสยบไพรี 60/1"
โดย 1 ใน 39 จุด ที่บุกเข้าตรวจค้น คือ ร้านเเอเรีย 51 ภายในซ.อินทามระ 51 ย่านดินแดง กทม. ที่มีนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ "เบนซ์ เรซซิ่ง" สามีดาราสาว "แพท"ณปภา ตันตระกูล เป็นเจ้าของ
แต่ไร้เงาหนุ่ม "เบนซ์ เรซซิ่ง" เจอเพียงดาราสาวที่อุ้มท้องใกล้คลอดอาศัยอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง
เมื่อเช็กวงจรปิดพบว่า นายเบนซ์ได้ขับรถหรูลัมโบร์กินี ทะเบียน กจ 51 กทม. ออกไปตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 1 ก.พ.
จากการตรวจค้นพบบิ๊กไบก์ 1 คัน และอาวุธปืน 2 กระบอก มีนายเบนซ์เป็นผู้ครอบครอง
ไม่นานมีผู้แจ้งเบาะแสเจอรถลัมโบร์กินีไปจอดอยู่ในคาร์แคร์ ย่านรามอินทรา เจ้าหน้าที่จึงยึดกลับมาตรวจอย่างละเอียด ก่อนพบเป็นรถที่สวมทะเบียน โดยแท้จริงแล้วเป็นทะเบียนรถโฟล์กใน จ.ลำพูน
โดยสาเหตุที่เข้าค้นร้านของสามีดาราสาว เนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ที่เป็นคนดูแลทรัพย์สินให้ไซซะนะ และให้การซัดทอดถึงเบนซ์ ว่าเป็นคนดูแลทรัพย์สินทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม นายเบนซ์ ก็เข้าพบตร.ปส. พร้อมยืนยันว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยรู้จักนายไซซะนะ แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายบอย เนื่องจากชอบแต่งรถบิ๊กไบก์เหมือนกัน แต่ไม่รู้เบื้องหลังว่านายบอยทำธุรกิจอะไร
ยอมรับยืมเงินจากนายบอย 6 ล้านบาท เพื่อมาดาวน์รถหรูลัมโบร์กินีคันที่ตร.ยึดอยู่
แต่เจ้าหน้าที่ยังมีข้อสงสัยหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องเงินยืม 6 ล้านบาท ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ พร้อมตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายเบนซ์และนายบอยว่ามีการคืนเงินที่ยืมมาตามที่กล่าวอ้างหรือไม่
นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า นายบอยยังโอนเงินเข้าบัญชีนายเบนซ์เดือนละ 3 แสนบาท
เป็นเรื่องที่นายเบนซ์ต้องชี้แจงให้กระจ่าง
ล่าต่อแก๊งภาคใต้-ยึด 68 ล้าน
และไม่เพียงแค่ตัวของเบนซ์เท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเฝ้าจับตาดู พวกดาราไฮโซ รวมทั้งทายาทนักการเมืองดัง
ขณะที่วันที่ 7 ก.พ. นายไผ่ ลิกค์ หรือ "ไผ่ วันพอยท์" พร้อมเพื่อนคือ "เจ๋ง วันพอยท์" เพื่อนนายไผ่ เดินทางเข้าพบตำรวจ บช.ปส. เพื่อให้ข้อมูล
ไผ่ วันพอยท์ ให้การว่า ทำธุรกิจซื้อขาย นำเข้า และตกแต่งซูเปอร์คาร์ หรือจะเรียกว่าเป็นนายหน้าขายรถก็ได้ จึงรู้จักกับนายบอยและนายเบนซ์ ในฐานะลูกค้ารายหนึ่งที่มาติดต่อขอซื้อรถลัมโบร์กินี
ที่ผ่านมาเคยเจอนายบอย 2 ครั้ง และนายเบนซ์เพียงครั้งเดียวในวันที่เดินทางมารับรถเท่านั้น ซึ่งจนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับเงินค่านายหน้าจากการขายรถหรูลัมโบร์กินีคันนั้นเลย
ด้าน เจ๋ง วันพอยท์ ให้การด้วยว่า ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานจากนายบอยที่ต้องการรถหรู ก่อนติดต่อให้นายไผ่ช่วยหารถให้ ซึ่งจะได้ค่านายหน้า 4-5 แสนบาท ก่อนแนะนำให้ซื้อรถหรูลัมโบร์กินีคันนี้ ราคา 14 ล้านบาท จากเต็นท์รถบูโน่ ออโต้ คลินิก ย่านพระราม 3 กทม. พร้อมยืนยันไม่รู้จักนายไซซะนะ
เมื่อได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงบุคคลหลายฝ่าย ตำรวจจึงเชิญเจ้าของเต็นท์รถบูโน่ ออโต คลินิก ที่ขายรถลัมโบร์กินี และเจ้าของรถโฟล์ก ทะเบียน กจ 51 กทม. ซึ่งมีเลขทะเบียนตรงกับรถลัมโบร์กินีของเบนซ์ มาให้ปากคำด้วย
นอกจากคนดังและดาราที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเครือข่ายไซซะนะแล้ว ยังมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายตำรวจ 3 นาย ที่แชะภาพร่วมเฟรมกับพ่อค้ายาเสพติดชาวลาวรายนี้ด้วยจับคาสุวรรณภูมิ
โดยส่งเจ้าหน้าที่ปูพรมบุกเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 36 จุดทั่วประเทศ ตามล็อกตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ 7 ราย คอยทำหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้งรับส่งยาเสพติด หน้าที่ลำเลียงยา ให้ที่พักยาเสพติดและหน้าที่กระจายยาเสพติด
นอกจากนี้ยังอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าได้จากการกระทำผิดมาตรวจสอบจำนวนมาก
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการล้างบางพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่และลุยกวาดล้างเครือข่ายทั้งหมด