สาวโผล่ยันไม่ใช่น้องปลา คดีมอมยาวุ่นเล็งฟ้องกลับ

คดี "น้องปลา" มอมยาวุ่น สาวบางพลีที่มีภาพและชื่อปรากฏในหมายจับ โผล่แสดงตัวกับตร.

โวยออกหมายจับมั่ว ยันไม่ใช่ผู้ต้องหามอมยารูดทรัพย์คนทรงเจ้าที่บุรีรัมย์ แต่ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการขายสถานลดน้ำหนัก ย่านเอกมัย พร้อมหอบหลักฐานเอกสารการเข้าออกงาน ยืนยันวันเกิดเหตุไม่ได้อยู่บุรีรัมย์ จี้เจ้าของคดีถอนหมายจับด่วน ทำให้ครอบครัวเสียหาย ด้านรองผบก.บุรีรัมย์สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุหากพบผิดพลาด ก็พร้อมถอนหมายจับ 


จากกรณีนายวัชระวุฒิ วิรัมย์ อายุ 23 ปี คนทรงเจ้า แจ้งความสภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ถูกผู้หญิงชื่อปลา
 
ที่พบกันในผับมอมยาในโรงแรม ก่อนรูดทรัพย์สินทั้งเงินสดและทองคำรูปพรรณ รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนออกหมายจับ น.ส.ศศิธร เนตรสุนทร อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/303 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และส่งหมายจับไปยังสถานีตำรวจต่างๆ ให้ออกติดตามจับกุมตัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหญิงสาวแสดงตัวว่าชื่อ น.ส.ศศิธร เนตรสุนทร อายุ 26 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 8/303 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งตรงกับที่พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ออกหมายจับในคดีมอมยานายวัชระวุฒิ วิรัมย์ ที่จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนและออกรายการครอบครัวข่าว 3 ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยระบุว่า ถูกตำรวจ สภ. เมือง จ.บุรีรัมย์ ออกหมายจับผิดตัว ปัจจุบันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ปรึกษาด้านการขายของสถานลดน้ำหนักแห่งหนึ่ง ย่านเอกมัย กทม. และเพิ่งทราบข่าวจากเพื่อนเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ขอยืนยันว่าภาพในบัตรประจำตัวประชาชนเป็นภาพของตนจริง และในวันเกิดเหตุมอมยา ทำงานคอร์สลดความอ้วนอยู่ที่ ห้างบิ๊กซี พระราม 4 

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากนี้ น.ส.ศศิธรยังนำหลักฐานเอกสารการเข้าออกงาน และใบเสร็จของการขายมายืนยันในรายการด้วย
 
พร้อมทั้งระบุว่าการออกหมายจับผิดตัว ทำให้ตนและครอบครัวเสียหาย และไปแจ้งความที่สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ อีกทั้งไม่เคยเดินทางไป จ.บุรีรัมย์ หรือ จ.สุรินทร์ แต่อย่างใด พร้อมทั้งติดต่อไปทาง สภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ว่าเป็นการเข้าใจผิด ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เทียบกับภาพในบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกหมายจับอีกครั้ง พบว่าออกหมายจับผิดตัวจริง ทางเจ้าหน้าที่จึงเดินทางมาเจรจา และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งรับปากว่าจะขอศาลยกเลิกหมายจับในวันจันทร์ที่ 25 มี.ค. 

สาวโผล่ยันไม่ใช่น้องปลา คดีมอมยาวุ่นเล็งฟ้องกลับ

ต่อมาผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยัง สน.ทองหล่อ ทราบว่าเมื่อวันที่ 23 มี.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. มีหญิงสาวอ้างชื่อ น.ส.ศศิธร มาแสดงตัวยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับคดี และไม่มีพฤติกรรมมอมยารูดทรัพย์ที่จ.บุรีรัมย์

ด้าน พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผบก.บุรีรัมย์ กล่าวว่าทราบว่าผู้ต้องหาในหมายจับไปร้องเรียนกับสถานีโทรทัศน์ ว่า
 
ตำรวจออกหมายจับผิดตัว ตามข้อเท็จจริงแล้ว พนักงานสอบสวนรายงานว่าการขออนุมัติศาล เพื่อขอออกหมายจับกุมผู้ต้องหา นอกจากจะสอบปากคำผู้เสียหาย รวมถึงพยานแวดล้อมแล้ว พนักงานสอบสวนยังนำรูปภาพของผู้ต้องหาไปให้ผู้เสียหายดู ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ก็จึงออกหมายจับไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนรายละเอียดทั้งหมดว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหน ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ทางพนักงานสอบสวนยินดีรับฟังข้อเท็จจริง เนื่องจากหมายเรียกอาจมีชื่อ ใบหน้า หรือรูปพรรณสัณฐานคล้ายกันก็ได้ หากเป็นคนละคนกันจริง และไม่ได้กระทำความผิด ก็ยินดีถอนหมายจับ

ล่าสุด วันที่ 25 มี.ค. น.ส.ศศิธร ให้สัมภาษณ์ "ข่าวสด" ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า

ตนเพิ่งเห็นข่าว ว่ามีรูปใบหน้าตนที่ตำรวจปริ้นสออกมาจากบัตรประชาชนใบเก่าที่ตนทำหายไป เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนที่จะเห็นข่าวมีเพื่อนที่เคยเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพฯ โทรมาหาแล้วด่าตนก่อนเลยว่า อีเลว ไปทำอะไรมา ตนก็งง ว่ามันเรื่องอะไร จากนั้นเพื่อนคนนั้นก็แท็กภาพข่าวจากเว็ปไซต์ข่าวสด ส่งมาให้ดู จึงรู้ว่ามีภาพใบหน้าตน ชื่อนามสกุล และที่อยู่ ตามเอกสารการทำบัตรประชาชน ซึ่งรูปนั้นเป็นรูปจากบัตรประชาชนใบเก่า ที่ตนทำหายไป

 น.ส.ศศิธร กล่าวต่อว่า ตนแรกที่เห็นข่าว ก็รู้สึกตกใจ แต่ด้วยคิดว่ายังไงก็ไม่ใช่ตัวเรา และไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงเฉยๆ

จนกระทั่งไปคุยกับเพื่อนๆและพี่ที่ทำงาน จนหัวหน้าบอกว่าไม่ได้ ยังไงก็ต้องไปหาตำรวจ ตนจึงเดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ เพราะอยู่ใกล้ที่สุด ในวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ตอนแรกที่ไปถึงตำรวจที่รับเรื่องบอกให้ตนไปที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพราะตำรวจที่นั่นออกหมายจับ ตนก็โมโหบอกว่าจะไปทำไม ในเมื่อตำรวจออกหมายจับผิดคน รูปตนที่ตำรวจออกหมายจับกับรูปผู้หญิงชื่อปลา ที่พบจากกล้องวงจรปิด ดูยังไงก็คนละคนกัน
 
จากนั้นตนจึงไปพบกับ ผกก.สน.ทองหล่อ เขาก็พูดเหมือนกัน คือให้ไปแสดงตัวที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เองทำให้ตนยิ่งโมโห

จนเจ้าหน้าที่ประสานไปหาตำรวจที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าตนมาแสดงตัวว่าไม่ใช่บุคคลในภาพที่พวกคุณออกหมายจับ ทำให้ได้พูดคุยกัน ว่าในวันที่ 24 มี.ค.ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จะเดินทางมาพบที่สน.ทองหล่อ จนตอนเช้าวันที่ 24 มี.ค. ตำรวจจากบุรีรัมย์ จำชื่อได้ว่า พ.ต.อ.ไพศาล เป็นผู้มาเองพร้อมกับตำรวจอีก 3 นาย และนายวัชระวุฒิ วิรัมย์ คนที่ไปแจ้งความ พร้อมกับเพื่อนนายวัชระวุฒิ ที่อยู่ด้วยกันในคืนเกิดเหตุอีก 2 คน

 น.ส.ศศิธร กล่าวต่อว่า ทันทีที่เห็นหน้ากัน จำได้ว่าตำรวจคนหนึ่งที่มาจากจังหวัดบุรีรัมย์ พูดขึ้นมาเลยว่า

สงสัยผิดคนแน่นอน ส่วนนายวัชระวุฒิ ก็จ้องมองหน้าตนอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะบอกตำรวจว่าไม่ใช่ตน ตนยังได้ถามเขาไปว่า ในคืนที่เกิดเหตุที่โรงแรม คุณได้นอนกับเขาหรือไม่ นายวัชระวุฒิ บอกว่านอน ตนยังถามไปว่า คุณจำคนที่คุณนอนด้วยไม่ได้เลยหรอ เขาก็บอกว่า ก็เขาสลบไป 2 วันจึงจำอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนเพื่อนเขา 2 คนที่มาด้วยกัน ก็บอกว่าคืนนั้นเขาไม่ได้เห็นหน้าคนชื่อปลา 

 น.ส.ศศิธ เผยว่า ส่วนตำรวจที่มา ตนก็ถามไปว่ามาออกหมายจับตนทั้งๆ ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบก่อนได้อย่างไร
 
ตนยังบอกเขาว่า เมื่อวานที่มา สน.ทองหล่อ ตำรวจเขาเช็คประวัติตนทางคอมพิวเตอร์ ยังพบว่า รูปใบหน้าตนที่เหมือนกับรูปที่ตำรวจออกหมายจับ มีข้อความว่าหายอยู่ข้างๆ ภาพเลย แต่วันนี้คุณเอาแฟ้มที่มีรูปภาพเดียวกันมาให้ดู ทำไม่มีคำว่าหายเหมือนกัน ทางตำรวจก็บอกมาว่า ก็เมื่อนำรูปภาพตนมาให้ผู้เสียหายดู เขาก็ชี้ยืนยันว่าเป็นคนชื่อปลา ที่มอมยาเขาในคืนนั้น จึงออกหมายจับ เมื่อตนไม่ใช่คนที่ตำรวจออกหมายจับ พ.ต.อ.ไพศาล จึงได้ขอโทษและยืนยันว่า ในวันที่ 25 มี.ค.จะเดินทางไปศาล เพื่อขอถอนหมายจับ ซึ่งเมื่อเช้าวันนี้ ตนก็ติดต่อไปหาเขา พ.ต.อ.ไพศาล ก็แจ้งว่า กำลังดำเนินเรื่องอยู่ที่ศาล ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 น.ส.ศศิธร กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ทำให้ได้รับความเสียหายมาก เกือบถูกพักงาน อีกทั้งยังถูกเพื่อนๆที่เห็นข่าวแล้วไม่ทราบข้อเท็จจริง
 
พากันด่าทอหาว่า ตนไปหลอกเหยื่อมอมยา ทั้งที่ตนไม่เคยเดินทางไปที่จังหวัดบุรีรัมย์ หรือขอนแก่น แต่อย่างใด หลังเรียนจบจาก ม.กรุงเทพฯ ก่อนทำงานอยู่บริษัทอีเว้น มา 2 ที่ ก่อนจะมาได้งานประจำอยู่ที่บริษัทลดความอ้วน ไม่คิดว่าตำรวจจะทำงานพลาดอย่างนี้ และด้วยตนทำงานขายคอร์สลดน้ำหนัก แต่ละคอร์สก็ไม่ใช่ว่าจะถูก แล้วเกิดลูกค้ามายกเลิกแล้วตนจะทำอย่างไร มีเพื่อนเคยบอกว่า เคยมีกรณีตำรวจจับผิดตัว จนคนคนนั้นเข้าไปเสียชีวิตในคุกก็มี ยิ่งทำให้ตนกลัว แต่เมื่อตำรวจมาขอโทษ และดำเนินการขอถอนหมายจับให้ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น  

ซึ่งทางพ.ต.อ.ไพศาล บอกว่าถ้าดำเนินการเรื่องขอถอนหมายจับเสร็จ เขาก็จะแถลงข่าวที่สภ.เมืองบุรีรัมย์
 
ถ้าทำอย่างนั้นได้ก็จะดีมาก คนที่อ่านข่าวก็จะได้รู้ว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย นอกจากนั้นยังได้คุยกับหัวหน้างานว่า อาจจะฟ้องกลับนายวัชระวุฒิ ที่ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะไปยืนยันกับตำรวจได้อย่างไร ว่าตนคือผู้หญิงที่ชื่อปลา หน้าตาก็ไม่เหมือนกันสักนิด แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิด เพราะต้องรอให้เรื่องจบจริงๆเสียก่อน ส่วนเรื่องบัตรประชาชนที่หายไปนั้น ตนจำไม่ได้ว่าทำหายที่ไหน เพราะตามนิสัยตนปกติก็มักทำกระเป๋าสตังค์หายอยู่เป็นประจำ  ทำให้บัตรต่างๆหายไปด้วย โดยเมื่อตนไปทำบัตรใหม่ และไปขอรับที่เขตพระโขนง ในวันไปรับยังเกิดไฟดับ ทำให้ต้องรับใบเหลืองมาใช้แทนเป็นปี และนอกจากนั้นเบอร์โทรศัพท์ตนยังไปซื้อมาในราคา 2,000 บาท เพราะหมอดูบอกว่าใช้เบอร์นี้แล้วชื่อเสียงจะโด่งดัง ไม่คิดว่าจะมาดังอย่างนี้

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ศศิธร ยังนำบัตรประชาชนใบใหม่ มาแสดงต่อผู้สื่อข่าว ซึ่งระบุวันที่ออกบัตรคือวันที่ 26 ม.ค.2554 หมดอายุวันที่ 6 มิ.ย.2560 

 และใบบันทึกข้อความ ระว่าเป็นใบบันทึกรับมอบตัว มีข้อความว่า "บันทึกรับมอบตัว สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ วันที่ 23 มี.ค. 2556 วันนี้นางสาวศศิธร เนตรสุนทร อายุ 27 ปีอยู่บ้านเลขที่ 8/303 หมู่ 14 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เข้าพบพนักงานสอบสวน พ.ต.อ.ไพศาล สุวรรณทา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กับ ร.ต.ท.มานพ อักษรณรงค์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา กรณีถูกกล่าวหาว่า ชิงทรัพย์ เหตุเกิดที่โรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ ต.ในเมือง อ.เมือง จว.บุรีรัมย์ วันที่ 16 มี.ค. 2556 เวลาประมาณ 00.00 น.

พฤติการณ์คือวันที่ 16 มี.ค. 2556 เวลาประมาณ 00.00 น. คนร้ายไปพบนายวัชนระวุฒิ วิรัมย์ ผู้เสียหาย ที่ร้านอาหารในเมืองบุรีรัมย์
 
แล้วชักชวนผู้เสียหายไป ร่วมหลับนอนที่โรงแรมแกรนด์ไดมอนด์ คนร้ายได้ใช้ทำให้ผู้เสียหาย ทำให้มันเมา จากนั้นได้ลักเอาสร้อยคอทองคำ กำไลข้อมือ และแหวนทองคำของผู้เสียหายไป หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน จัดให้ผู้เสียหายดูภาพคนร้าย ผู้เสียหายชี้ยืนยันว่า น.ส.ศศิธร เนตรสุนทร เป็นคนร้ายก่อเหตุครั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้พานายวัชระวุฒิ วิรัมย์ ผู้เสียหาย มาดูตัวน.ส.ศศิธร เนตรสุนทร แล้วยืนยันว่าไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุ และไม่ได้พบวันเกิดเหตุ เหตุที่เข้าพบน.ส.ศศิธร เนตรสุนทร แจ้งให้พนักงานสอบสวน ตรวจสอบ และต่อมาวันนี้ พนักงานสอบสวนได้พาผู้เสียหายมาดูตัว น.ส.ศศิธร เนตรสุนทร และยืนยันว่าไม่ใช่คนร้าย จากนั้น พ.ต.อ.ไพศาล และ ร.ต.ท.มานพ จึงได้ลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน"

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์