จับ! นศ.สาว ปี 3 แทงแฟนหนุ่มนศ.ปี 1

ตร.จับแล้ว! นศ.สาว ปี 3 แทงแฟนหนุ่มนศ.ปี 1 บาดเจ็บสาหัส บนหอพัก เหตุฝ่ายชายบอกเลิก ก่อนได้ประกันตัว ส่วนอาการ นศ.ชาย อยู่ ICU ใส่เครื่องช่วยหายใจ แผลถูกแทงที่ปอด-มีเลือดออกในปอด-มีรอยฉีกขาดที่หลอดลม อาการยังน่าเป็นห่วง

วันที่ 25 เม.ย.67 จากกรณีนักศึกษาสาวปี 3 แทงนักศึกษาหนุ่มปี 1 มหาวิทยาลัยเดียวกัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่หอพักแห่งหนึ่ง ล่าสุด พ.ต.อ.วิษณุรักษ์ พรหมเมศร์ รองผบก.จ.ปทุมธานนี รรท.ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 เม.ย. เวลาประมาณ 14.00 น. ผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อนายทีมไทย อายุ 19 ปี นักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีบาดแผล ถูกแทงด้วยมีดบริเวณลำคอ นิ้วมือ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ

ส่วน นศ.สาว ปี 3 ผู้ก่อเหตุ หลังจากก่อเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน โดยรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับสารภาพว่าเป็นคนทำจริง ทราบชื่อ นางสาวจิราพร อายุ 23 ปี นศ.ปี 3 คณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งทั้งคู่เป็นแฟนกัน ส่วนสาเหตุ เป็นเพราะฝ่ายชายต้องการเลิกรากับฝ่ายหญิง และต้องการออกไปอยู่หออื่น

วันเกิดเหตุ ฝ่ายชายนำคีย์การ์ดมาคืน แต่ทางฝ่ายหญิงต้องการง้อขอคืนดี แต่ไม่สำเร็จ จึงนำมีดปอกผลไม้มาก่อเหตุดังกล่าว

หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ ตำรวจแจ้งข้อหา "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส" ก่อนที่พ่อและแม่ผู้ก่อเหตุ จะนำเงินสดจำนวนหนึ่งแสนบาท มาประกันตัวออกไป

หลังจากนี้ จะต้องรอสอบปากคำคนเจ็บก่อน และรอผลชันสูตรบาดแผลจากแพทย์ด้วย พร้อมกับสอบปากคำแพทย์ที่รักษา และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกครั้ง

ด้าน น.ส.ณัฏฐ์ญดา ผจก.ดูแลหอพัก เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณบ่ายโมงครึ่ง วันที่ 21 เม.ย. 2567 ซึ่งเหตุเกิดขึ้นภายในห้องพักของผู้เช่า ก่อนที่ฝ่ายชายจะวิ่งออกจากห้องพัก มาขอความช่วยเหลือ

หลังจากคนที่ดูแลตึกทราบเรื่อง ไม่ได้นิ่งเฉย แต่เข้าไประงับเหตุทันที และปฐมพยาบาลเบื่องต้นให้กับคนเจ็บ จากนั้นก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกู้ภัยฯเข้ามายังที่เกิดเหตุ และรีบนำส่งคนเจ็บไปยังโรงพยาบาล ส่วนผู้ก่อเหตุที่เป็นแฟนสาว ก็ถูกตำรวจคุมตัวไปโรงพัก

ทางหอพัก ยืนยันว่า ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย เวลาบุคคลภายนอกเข้าออกหอพัก จะต้องมีการแลกบัตรและลงทะเบียนก่อนทุกครั้ง พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์ผู้เช่าทะเลาะกันบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นรูมเมทที่เช่าห้องอยู่ด้วยกัน

สำหรับกรณีนี้ นักศึกษาผู้หญิงเป็นผู้เช่า เช่าอยู่ได้ประมาณ 1 ปี และทราบว่า คบหากับแฟนหนุ่มคนนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับแจ้งว่าทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกัน ส่วนสาเหตุครั้งนี้เท่าที่ทราบมาจากเรื่องหึงหวงและเรื่องส่วนตัว ซึ่งทางหอพักขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการสั่งปิดข่าว หลังเกิดเหตุก็แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ที่เหลือก็เป็นขั้นตอนตามกระบวนการของกฎหมาย

สอบถามกับแม่บ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่าช่วงเกิดเหตุประมาณ 13.30 น. ตนเองได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ และเห็นน้องนักศึกษาผู้ชายวิ่งลงมาเลือดท่วมตัว มีแผลถูกแทงหลายจุด ทั้งที่คอและลำตัว สอบถามน้องนักศึกษาผู้ชายซึ่ง ยังพูดคุยได้ ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุก็ คือ แฟนสาวตนเองใช้มีดแทง เนื่องจากตนเองบอกเลิก

จากนั้น ทาง รปภ.ของตึกก็รีบเข้ามาช่วยเหลือ ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น และโทรแจ้ง 1669 ซึ่งมาตรการความปลอดภัยของหอพักค่อนข้างดี หลังเกิดเหตุไม่นาน เจ้าหน้าที่และรถพยาบาลก็มาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

หลังจากน้องนักศึกษาผู้ชายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจและ รปภ.ขึ้นไปดูที่ห้องพักบริเวณชั้น 3 แต่ไม่พบตัว จึงช่วยกันตามหา จนกระทั่งไปพบว่าน้องนักศึกษาสาวผู้ก่อเหตุขึ้นไปที่ชั้น 8 ดาดฟ้า คาดว่า อาจจะโดดตึกฆ่าตัวตายก็เป็นได้ แต่โชคดีที่ประตูชั้นดาดฟ้า ทางหอพักจะล็อคไว้ตลอดเวลา

นางสาวน้ำ (นามสมมุติ) พี่สาวของนักศึกษาหนุ่มที่ถูกแฟนสาวปาดคอและแทง เปิดเผยว่า ตอนนี้น้องชายยังนอนพักรักษาตัวอยู่ ICU ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และแพทย์ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีแผลถูกแทงที่ปอดและมีเลือดออกในปอด รวมถึง มีรอยฉีกขาดที่หลอดลม ประมาณ 1 เซนติเมตร อาการโดยรวมถือว่ายังน่าเป็นห่วง

ตอนนี้ทางครอบครัวกำลังเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ซึ่งตนเองและครอบครัวยังมีความกังวล เพราะว่าน้องนักศึกษาผู้หญิงที่ก่อเหตุได้รับการประกันตัวออกมา

ส่วนสาเหตุเท่าที่ตนเองทราบมาจากเรื่องหึงหวง ทั้งคู่คบกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น พอน้องชายตนเองเรียนจบ ก็ตามเข้ามาศึกษาที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว และกำลังอยู่ปี 1 มีเพื่อนใหม่ มีสังคมมากขึ้น แต่ฝ่ายหญิงจะตามคุมตลอด เวลาน้องชายตนเองจะไปเที่ยวกับเพื่อน ถ้ามีเพื่อนผู้หญิงไปด้วย แฟนสาวก็จะแสดงอาการไม่พอใจ และเคยเกิดเหตุการณ์ยื้อยุดฉุดกระชากแขนเพื่อนผู้หญิงของน้องชายตนเองมาแล้วด้วย

เครดิตแหล่งข้อมูล : FB สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว