สนธิพรมน้ำมนต์ นุ่งห่มขาว ม็อบพธม.ก้มไหว้รับ


"พระพยอม"ติง จะเป็นเจ้าลัทธิ รวบ"การ์ดอาสา" ขนกระสุน-บึ้ม

"สนธิ ลิ้มทองกุล"มาแปลก ลงทุนนุ่งขาวห่มขาวไล่ประพรมน้ำมนต์ม็อบพันธมิตรฯทำเนียบ อ้างขจัดสิ่งชั่วร้าย ท่ามกลางผู้ร่วมชุมนุมพากันยกมือไหว้-หมอบกราบรับน้ำมนต์ด้วยความเคารพ เจ้าตัวยืนยันไม่เกี่ยวกับการทำคุณไสย แต่ทำเพื่อเสริมสร้างสิริมงคล ด้าน"พระ พยอม"ระบุเป็นการทำเพื่อให้กำลังใจกันมากกว่า งงวิธีการทั้งเรื่องทำพิธีวางโกเต๊กซ์ ชี้สันติอโศกก็ไม่ชอบแนวนี้ ทำไมไม่มีใครเตือน ชี้การขว้างรองเท้าใส่นายกฯ-บุกด่าทอสมัครที่กำลังป่วยไม่ใช่วิธีอหิงสา แต่เป็นการเบียดเบียนชัดๆ ตร.รวบการ์ดพันธมิตรฯขณะซ้อนมอเตอร์ไซค์หิ้วระเบิดน้อยหน่า ระเบิดปิงปอง และกระสุนปืนเพียบ แกนพธม.เจอเองมั่งม็อบตีนตบ-เสื้อแดงบุกด่า ที่เมืองคอนบุกรับถึงสนามบิน ที่โคราชเจอป่วนขณะจัดทอล์กโชว์หาเงินให้เอเอสทีวี ตะโกนด่ากันลั่นจนหวิดปะทะ

-ชี้เลิกวีซ่าแม้วเหนือคาดหมาย

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเช้า บรรยากาศไม่คึกคักเท่าที่ควร มีกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยมาร่วมอย่างประปราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักค้างคืน ส่วนบนเวทีมีการรายงานข่าวประจำวัน สลับการเล่นดนตรี ขณะที่ประตูทางเข้าโดยรอบทำเนียบทุกจุดมีการตรวจอาวุธกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเข้มข้นเช่นเดิม

เวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร กล่าวถึงรัฐบาลอังกฤษเพิกถอนวีซ่าของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และภริยาว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่เคยคาดคิดมาก่อน ครั้งแรกที่พูดกันตนคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือ แต่เมื่อสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณา จักรประจำประเทศไทยประกาศยืนยัน จึงทราบว่าเป็นเรื่องจริง อาจเป็นผลจากการจัดงานความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทำให้มีการวิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะสหราชอาณา จักรถือเป็นประเทศแม่แบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงได้ประกาศความชัดเจนออกมา

-หลังพระราชพิธีจะเคลื่อนม็อบอีก

ส่วนที่เอแบคโพลมีผลสำรวจว่าประชาชนให้ความสนใจการชุมนุมของพันธมิตรน้อยลง พล.ต. จำลองกล่าวว่า พันธมิตรฟังผลสำรวจทุกสำนัก แต่พันธมิตรเคยบอกแล้วว่าการชุมนุมเป็นเรื่องยาวนาน บางครั้งคนน้อย บางครั้งคนมาก ไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งที่เราทราบดีคือมีรับฟังข่าวสารของพันธมิตรมากขึ้น อย่างไรก็ดีหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นผู้ชุมนุมพร้อมจะกลับมาร่วมชุมนุม

พล.ต.จำลองกล่าวว่า ส่วนการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ หลังพระราชทานเพลิงพระศพคงมีการพูดคุยกัน ซึ่งแกนนำกำลังหารือกันว่ามีความจำเป็นต้องทวงถามเรื่องที่ขอให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะวิธีดาวกระจายหรือไม่ เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยเรื่องที่เสนอไปก็อาจไม่ได้รับการตอบสนอง ส่วนที่จะบรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 291 เพื่อให้เกิดส.ส.ร.3 ในที่ปะชุมสภา พล.ต.จำลองกล่าวว่า ยืนยันว่าพันธมิตรคัดค้านการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และมีหลายกลุ่มที่ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิดก็เห็นว่าไม่ควร แม้แต่ทหารก็เห็นว่าไม่ควรหยิบยกเรื่องที่ทำให้เกิดความขัดแย้งเข้ามาพิจารณา

"เราจะต้องคัดค้านเพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย ส่วนจะเกิดเรื่องรุนแรงหรือไม่ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล เพราะหน้าที่ของรัฐบาลคือการดูแลความมั่นคงของชาติ เมื่อรัฐบาลริเริ่มเรื่องนี้ถือว่าทำตัวเอง ก็ต้องคิดแก้ไขเอง" พล.ต.จำลองกล่าว

-สนธิห่มขาว-พรมน้ำมนต์ทำเนียบ

จากนั้นเวลา 10.45 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ซึ่งมาในชุดขาวทั้งชุด ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโดยประกาศขออาสาสมัครที่นุ่งขาวห่มขาวและถือศีล 5 ซึ่งรวบรวมได้กว่า 100 คน เพื่อร่วมกันทำพิธีแก้เคล็ดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและร่วมกันเก็บขยะสิ่งปฏิกูลภายในทำเนียบ หลังนายสนธิจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปและประพรมน้ำมนต์บนเวทีปราศรัยใหญ่ โดยอ้างว่านำน้ำมนต์มาจากหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด

จากนั้นนายสนธิได้เดินประพรมน้ำมนต์ด้วยตัวเอง เมื่อพิธีการบนเวทีเสร็จแล้วนายสนธิได้เดินนำอาสาสมัครนุ่งขาวห่มขาวเดินประพรมน้ำมนต์โดยรอบพื้นที่ภายในทำเนียบและปัดกวาดสิ่งสกปรกและเก็บขยะที่ตกอยู่โดยรอบทำเนียบไปทิ้ง โดยเมื่อเดินครบ 1 รอบนายสนธิได้เดินนำอาสาสมัครออกทางประตู 9 ฝั่งติดคลองผดุงกรุงเกษม และขอให้อาสาสมัครทุกคนมัดปากขยะทุกถุงเพื่อนำไปกองรวมกันไว้ที่ใต้ต้นขนุนริมคลอง จากนั้นนายสนธิได้นำสวดบทคาถาพาหุงและคาถาชินบัญชรปิดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายสนธิเดินประพรมน้ำมนต์ไปทั่วทำเนียบนั้น ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมหลายคนนั่งลงกราบรับน้ำมนต์ที่นายสนธิเดินประพรม ไปตลอดทาง ซึ่งนายสนธิกล่าวถึงพิธีดังกล่าวว่า เป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และเสริมสร้างสิริมงคล ไม่ได้เกี่ยวกับการทำคุณไสย และการทำพิธีครั้งนี้เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรได้ใช้พื้นที่ภายในทำเนียบรัฐบาลทำกิจกรรมกันอย่างยาวนาน จึงจำเป็นต้องปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกไปบ้าง

-ผบช.น.เซ็งพธม.ไม่เปิดทางเสด็จฯ

พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องเร่งด่วนพิเศษคือความมั่นคงกับการถวายความปลอดภัย ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ต่อเนื่องไปถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดูแลถวายความปลอดภัย เรื่องถนน การจราจรต่างๆ สำหรับเส้นทางเสด็จฯ ในวันพระราชทานเพลิงพระศพนั้น ตำรวจอยากใช้ถนนราชดำเนิน ชื่อถนนก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าถนนที่พระราชาทรงใช้ดำเนิน แต่มีปัญหาคือการเปิดถนน ตำรวจไม่ได้มองเพียงแค่ให้รถยนต์พระที่นั่งสัญจรเคลื่อนไปได้เท่านั้น แต่จะต้องสมพระเกียรติและปลอดภัยสูงสุด ถ้าจะเปิดต้องเปิดทั้งหมดทุกช่องทาง โดยไม่มีสิ่งบดบังสายตา ซึ่งพันธมิตรบอกไว้ว่าจะไม่เปิด ซึ่งในวันจันทร์ที่ 10 พ.ย.จะปรึกษาหารือกันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร สำหรับพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพคงจะไม่ทันแล้ว แต่ต้องคุยกันสำหรับวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาฯ อีกครั้ง "เส้นทางเสด็จฯ เรายังคงดำรงเส้นทางเดิม มีการประชุมหลายครั้งหลายฝ่าย ทั้งราชองครักษ์ ทุกฝ่ายคุยกันหมด มีเส้นทางหลักอยู่ แต่ถ้าจะให้สมพระเกียรติจะต้องใช้เส้นทางที่เคยปฏิบัติ คือถนนราชดำเนิน"

พล.ต.ท.สุชาติกล่าวถึงแกนนำพันธมิตรระบุตำรวจไม่ไปเจรจาว่า ต่างคนต่างพูดคนละที ตำรวจเองไม่สามารถเข้าไปคุยกับเขาในนั้นได้ มันเหมือนกับมีรัฐใหม่ขึ้นมาอีก 1 รัฐ

-ระบุราชดำเนิน-ถนนพระราชา

ด้านพล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. แถลงถึงเรื่องเส้นทางเสด็จฯ ในพระราชพิธีพระราชทาน เพลิงพระศพว่า ทางพันธมิตรแม้จะเปิดเส้นทางให้วันที่ 14-19 พ.ย. แต่ยังคงสิ่งของกีดขวาง ไม่ว่าจะเป็นโครงรถ ลวดหนาม ล้อยาง เมื่อไม่เปิดก็ไม่มีใครกล้าที่จะกำหนดเส้นทางเสด็จฯ ผ่าน เพราะกำหนดหมายไปแล้วไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์

รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า ประเพณีที่ผ่านมาการเสด็จฯ จากพระตำหนักจิตรลดาไปพระบรมมหาราชวังจะใช้เส้นทางถนนราชดำเนินเป็นหลักคือ ราชดำเนิน นอก กลาง และใน แต่ปีนี้ต้องเปลี่ยนไป สำหรับถนนราชดำเนินเป็นเส้นทางหลัก เพราะเป็นถนนที่ราชาทรงดำเนิน เห็นชัดเจน เป็นถนนที่มีช่องทางกว้าง สะดวก ปลอดภัย และสมพระเกียรติ จากต้นเดือนตุลาฯ มีกฐินหลวงที่วัดบวรนิเวศ งานวันปิยมหาราช กฐินหลวงที่วัดมกุฏกษัตริยาราม บช.น.อยากใช้เส้นทางถนนราชดำเนิน ในการออกหมายของสำนักพระราชวังจะออกหมายล่วงหน้าประมาณ 10 วัน ต้องออกหมายก่อน การจะออกหมายต้องสำรวจเส้นทางก่อน ถ้าเส้นทางยังมีลวดหนาม ล้อยางเก่า มีแผงเหล็กปิดขวางอยู่ก็ไม่สามารถออกหมายกำหนดการให้เสด็จฯ ได้ จำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางอื่นที่สะดวกกว่า ปลอดภัยกว่า สมพระเกียรติกว่า ในเมื่อพันธมิตรฯ ไม่เปิดเส้นทางก่อนก็จะกำหนดเส้นทางเสด็จฯ ไม่ได้ จะต้องเปลี่ยน


-เปิดเส้นทางก่อนถึงกำหนดหมาย

พล.ต.ต.ภาณุกล่าวต่อว่า ตำรวจได้ประสานกันกับตัวแทนพันธมิตรมาตั้งแต่ต้นเดือนด้วยตัวเองให้เขานำเข้าไปหารือกันในกลุ่มแกนนำพันธมิตรด้วย ซึ่งในการประชุมเขาให้คำตอบว่าจะเปิดให้ในวันที่มีพิธี สำหรับวันปิยมหาราชเขาบอกว่าจะเปิดให้ก่อน 1 วัน ตนได้อธิบายให้ทราบแล้วว่าการเปิดแบบนั้นจะกำหนดให้เป็นเส้นทางเสด็จฯ ไม่ได้ การเปิดจะต้องเปิดทั้งช่องทางหลักและช่องคู่ขนาน จะมาเปิดเพียงแค่ช่องทางหลักอย่างเดียวทำไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าสองข้างทางเสด็จฯ เราไม่สามารถรักษาความปลอดภัยได้ ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง

รอง ผบช.น.กล่าวว่า วันที่ 14-19 พ.ย.เรามีการประสานกันตลอดตั้งแต่บทเรียนจากเมื่อวันปิยมหาราชที่ผ่านมา ถ้าไม่เปิดเส้นทางก่อนสำนักพระราชวังก็ไม่กำหนดหมายได้ คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เราแจ้งว่าจะต้องเปิดล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 10 วัน ให้เห็นว่าสามารถเสด็จฯ ได้ จึงจะจัดเป็นเส้นทางเสด็จฯ ล่าสุดได้ประสานไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย. โดยพันธมิตรแจ้งกลับมาเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ระบุจากที่ประชุมเขาว่าไม่สามารถเปิดเส้นทางได้ เพราะมีสิ่งของจำนวนมากอยู่ในช่องคู่ขนาน ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน อีกประการคือเกรงว่าถ้าเปิดแล้วพวกผู้ชุมนุมจะไม่ปลอดภัย พร้อมกับอ้างว่าตำรวจไม่สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยให้เขาได้ เป็นมติของที่ประชุมเขา ดังนั้นเมื่อเขาไม่เปิดช่องทางให้มาก็ทำให้เรากำหนดเส้นทางเสด็จฯ ไม่ได้ เราต้องเสนอสำนักพระราชวังว่าจะต้องหาเส้นทางอื่นที่สะดวก ปลอดภัย และสมพระเกียรติแทน

-"สมชาย"วอนถวายพระเกียรติ

วันเดียวกัน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวในรายการรัฐบาลของประชา ชน ถึงเส้นทางการเสด็จพระราชดำเนินว่า ฝ่ายจราจรได้กำหนดเส้นทางการเสด็จฯ จากพระราชวังดุสิต ผ่านถนนราชดำเนิน เข้าสู่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เนื่องจากประชาชนทุกคนต้องการถวายความจงรักภักดีและเพื่อให้สมพระเกียรติ แต่ฝ่ายจราจรได้สำรองเส้นอื่นไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คล่องตัว แต่มั่นใจว่าประชาชนทุกคนร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และช่วยกันจัดการให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย

จากนั้น เวลา 09.30 น. นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ถึงกลุ่มพันธมิตร ไม่ยอมเปิดถนนราชดำเนิน 6 ช่องทาง เพื่อใช้เป็นเส้นทางเสด็จฯ ว่า ตำรวจก็ประสานงานทุกวัน เพื่อให้พันธมิตรฯ เปิดถนน เพราะจะได้สมพระเกียรติยศ โดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ในฐานะประธานอนุกรรมการฝ่ายจราจรในพระราชพิธีอยู่แล้ว ทั้งนี้รัฐบาลอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่พันธมิตรยืนยันไม่ยอมเปิดถนนราชดำเนินทั้ง 6 ช่องทาง นายสมชายกล่าวว่า ทางฝ่ายจราจรคงไปจัดว่าจะทำอย่างไร แต่เราต้องทำให้สมพระเกียรติ เมื่อถามว่าพันธมิตรยื่นเงื่อนไขพร้อม เปิดถนนบางส่วน และอาจมีสิ่งกีดขวางริมถนนบ้าง รัฐบาลจะรับได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เป็นงานอะไรก็รู้กันอยู่ ตนบอกแล้วว่าเป็นงานที่ประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันถวายพระเกียรติยศ ถวายความจงรักภักดี และร่วมกันถวายอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย จึงอยากให้ไม่มีอะไรมาสะดุด ไม่มีอุปสรรคใดๆ ดีที่สุด

"คิดว่าความแตกแยกทางความคิด ก็ขอให้เป็นเรื่องประชาชนปกติด้วยกัน แต่ถ้าเป็นงานที่เกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญ ผมคิดว่าเราต้องเอาความแตกแยกวางไว้ก่อน ร่วมกันทำงานตรงนี้ให้ลุล่วงไปก่อนแล้วค่อยมาขัดแย้งกันจะดีที่สุด" นายสมชายกล่าว

-นายกฯเลิกงานใกล้ถ.พระอาทิตย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลา 18.00 น. นายสมชาย มีกำหนดการมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทงประจำปี 2551 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นที่ สวนสันติไชยปราการ ถ.พระอาทิตย์ แต่ได้ยกเลิกหมายดังกล่าว โดยนายวีระศักดิ์

โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นายสมชายได้ให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ในฐานะเลขานุการส่วนตัวของนายสมชาย โทรศัพท์มาแจ้งว่าให้ตนเป็นประธานเปิดงานแทน ส่วนสาเหตุที่นายกฯ ไม่เดินทางมานั้นตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่าเพราะกลัวม็อบมือตบจะมาป่วนหรือไม่ เพราะสวนดังกล่าวอยู่ใกล้กับที่ทำการสถานีเอเอสทีวี นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เห็นมีม็อบ แต่ของอย่างนี้ไม่เป็นไร เราเข้าใจดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนพิธีเปิดงาน 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จากกรมสรรพาวุธ ประมาณ 10 นาย ได้นำสุนัขและเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมาตรวจพื้นที่รอบบริเวณงาน โดยได้ติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดบริเวณด้านหน้าประตู และมีการตรวจค้นกระเป๋านักท่องเที่ยวและผู้ที่มาร่วมงานอย่างละเอียด

-ปชป.ให้รบ.ลาออกแล้วคุยม็อบ

เวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปตย์ แถลงว่า พรรคพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ และเรียกร้องให้รัฐบาลเจรจากลุ่มพันธมิตรฯ ผ่านเวทีสานเสวนา ก่อนงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพจะมีขึ้นวันที่ 14-16 พ.ย.นี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยให้คู่กรณีที่มีความขัดแย้งกันได้ร่วมกันหาทางออกให้บ้านเมืองอย่างเป็นรูปธรรม โดยแนวทางที่จะทำให้เกิดการเจรจาได้ คือ รัฐบาลจะต้องลดเงื่อนไขความขัดแย้งทั้งหมด ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 และการออกกฎหมายนิรโทษกรรม รวมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ทันทีที่มีผลสอบจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการอิสระที่รัฐบาลตั้งขึ้น ซึ่งทั้งสามองค์กรต้องเร่งพิจารณาเพื่อสรุปผลโดยเร็ว

"รัฐบาลต้องเริ่มต้นจากการพักการปฏิบัติหน้าที่นายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อแสดงความจริงใจ และดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจัง หากพบว่ามีการกระทำผิด ไม่ว่านายสมชาย หรือพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย ต้องหยุดทำหน้าที่หรือแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้เกิดการเจรจาระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรได้ ขณะเดียวกันกลุ่มพันธมิตร ไม่ควรเพิ่มเงื่อนไขใหม่ที่จะทำให้การเจรจาเป็นไปได้ยากขึ้น" น.พ.บุรณัชย์ กล่าว

เมื่อถามว่าฝ่ายพันธมิตรไม่ยอมรับคนกลางในการสานเสวนา โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พันธมิตรเคยบอกว่าพร้อมพูดคุยกับรัฐบาลหากแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ถ้าเจตนาตรงนี้ยังมีอยู่การหาคนกลางมาสานเสวนาก็เป็นเพียงส่วนประกอบ ทั้งนี้คู่ขัดแย้งต้องไม่ดึงฝ่ายอื่นเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งเพิ่มเติม

-ชลบุรีจัดรณรงค์สานเสวนาฯ

ที่ จ.ชลบุรี คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานของข้าราชการตำรวจ พร้อมด้วย เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม สถาบันพระปกเกล้า ชมรมนักจัดรายการสัตหีบ สโมสรไลอ้อนชลบุรี-สัตหีบ แม่บ้าน ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนและกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่สัตหีบ ได้พร้อมใจกันร่วมเดินรณรงค์รอบตลาดสัตหีบ เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่ชุมชนและประเทศชาติ โดย "ไม่ประณามใคร ไม่ว่าใคร ร่วมใจสามัคคี ทำความดีถวายพ่อหลวง" โดยมีป้ายโปสเตอร์เชิญชวนยุติความรุนแรง และแสวงหาสันติด้วยการสานเสวนา ณ สวนกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก

นางอภิณะฎา ไสใหม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานของข้าราชการตำรวจกล่าวว่า ต้องการให้เป็นจุดเริ่มต้นในการจุดประกาย ให้ผู้ที่คิดดีทำดีและอยากเห็นความสามัคคีของชุมชนและความสุขในครอบครัวโดยออกมาแสดงความคิดเห็นแบบประชาธิปไตย ซึ่งปรากฏว่ามีเยาวชน นักเรียน นักศึกษา กล้าแสดงออกและแสดงความคิดเห็นส่วนตัว การจัดกิจกรรมในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นแต่ถือว่าประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง และจะมีการจัดกิจกรรมนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดแม้กระทั่งการเมืองในท้องถิ่น


-"พระพยอม"เทศน์เตือนสติ"สนธิ"

ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศหรือพระพยอม กัลยาโณ ให้สัมภาาณ์ถึงกรณีที่นายสนธิทำพิธีปัดรังควานที่ทำเนียบรัฐบาล โดยทำพิธีประพรมน้ำมนต์ให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ต่างพากันนั่งยกมือไหว้ว่า กล่าวว่า มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ปุถุชน ก็อยากเลื่อนชั้นตัวเองกันทั้งนั้น ถ้าเป็นทางโลกก็อาจอยากมีตำแหน่ง ตั้งแต่เล็กไปใหญ่จนถึงประธานาธิบดี ส่วนในทางธรรมก็อยากเป็นศาสดา อยากเป็นเจ้าลัทธิ อยากเป็นที่นับถือของผู้คน ยิ่งยุคนี้เขาเรียกว่ายุคเกลื่อนกลาดศาสดา คนเราก็จะเป็นอย่างนี้ พยายามไต่เต้าขึ้นไปทางใดทางหนึ่ง แต่ถ้ามองเป็นกลางก็คือขวัญกำลังใจ บางคนรู้ตัวว่ากลุ่มเราขวัญไม่ค่อยดี กำลังใจชักไม่สูงก็ต้องทำให้เกิดขวัญกำลังใจ เรียกร้องขวัญกำลังใจให้คนที่จะมาจะอยู่กันต่อไป ก็เป็นธรรมชาติ ถ้าคนเข้าถึงสัจธรรมก็จะมีกำลังใจ แต่คนไทยกับสิ่งนี้มันมีคู่กันมานาน ใครทำให้เขาเชื่อใจว่ามีอำนาจ จิตตานุภาพสามารถเสกไล่คุณไสย ผี หรือเรียกร้องสิริมงคลกลับมาได้ ถ้าทำแล้วคนเชื่อถือยอมก้ม ยอมกราบ ยอมไหว้ ยอมยกให้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ เขาก็จะภูมิใจว่าทำแล้วมันเป็นผลดี บัณฑิตเขาบอกว่า "ท่านผู้รู้ๆ แล้วคงขำ แต่เราก็ต้องกระทำ เพราะคนโง่ยังมีอยู่" อะไรทำนองนี้ นายสนธิอาจจะฉลาด ทำให้กับคนที่ไม่ค่อยมีที่พึ่งทางใจสูงส่ง ก็ต้องทำอย่างนี้ให้อุ่นใจ ให้เป็นขวัญกำลังใจ

-ระบุสันติอโศกก็ต้านแนวนี้-ไม่เตือน

ผู้สื่อข่าวว่า ถ้ามองเรื่องของความเหมาะสม พระ พยอมกล่าวว่า อย่าไปวิจารณ์ตรงนั้นเลย ถ้าไปวิจารณ์ก็เท่ากับอาตมาสร้างศัตรูกับเขาอีก มองเอาเองก็แล้วกันว่าออกอาการอย่างนี้เขาเรียกว่าอะไร คนที่รู้ศาสนาจริงๆ เข้าถึงทั้งปรมัตถ์ และสมมติเขาก็จะรู้

"ส่วนที่มีการกล่าวบนเวทีเรื่องผ้าอนามัยนั้น ตรงนี้มีคนเขาวิจารณ์กันไปเยอะแล้ว อาตมาว่าลองไปดูเรื่องผลวิจารณ์ทั้งสองส่วน ส่วนหนึ่งมองว่าถ้าเป็นทางคดี เขาบอกว่าคนเสียจริตไปแล้ว เพี้ยนไปแล้ว ไม่ต้องรับโทษ เพื่อว่าคดีไปถึงที่สุด อีกส่วนหนึ่งก็คือ จิตประหวัดวิตก วิตกแต่เรื่องนี้ จนเกิดเป็นภาพนิมิตอะไรขึ้นมาให้เห็นเป็นว่าความจริง มันก็เป็นส่วนนี้ได้ ถ้าเขาว่าเขานั่งสมาธิเรื่อย เหมือนกับเขาว่าคุยกับน้องโบว์ว่าน้องโบว์มาบอกให้สู้ต่อไป มันก็มีคนแย้งมาว่าผีอะไรตายแล้วยังมายุให้คนตีกันอีก ถ้าสู้ต่อไปถ้าชนะเมื่อไหร่ให้จุดธูปดอกนึง เขาก็จะไปเกิด อะไรทำนองนี้ คือตอนนี้อาการออกไปทางนี้แล้ว อาตมาเองก็สงสัยว่า พระในแนวสันติอโศกก็ไม่ชอบแนวนี้ แต่ทำไมถึงไม่เตือน ไม่ว่าอะไรกัน แต่ในสายตาของผู้ที่เป็นแนวพุทธศาสนาล้วนๆ เชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อความเพียร ก็คงจะนึกขำ แต่เขาต้องทำเพื่อจิตวิทยาให้มวลชน เชื่อว่าเขาเป็นผู้ที่ล่วงรู้อะไรได้ลึกลับ แต่ว่าลึกลับกับลึกซึ้งไม่เหมือนกัน ถ้าบางคนที่เอาลึกซึ้งก็ไม่ชอบลึกลับ แต่คนที่ชอบลึกลับก็อาจชอบไป มันเป็นเรื่องของการหามวลชน แต่เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมเนี่ยปัญญาชนคนรู้ หลักศาสนาเขาก็ออกความเห็นกันไปเยอะ อาตมาก็จะไม่ต้องพูด

-บุกด่าทอหมักป่วยไม่ใช่วิธีอหิงสา

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ยกป้ายด่าทอ ที่สนามบินขณะบินไปรักษาโรคมะเร็งที่สหรัฐอเมริกา พระพยอมกล่าวว่า ส่วนตัวของอาตมาเอง ถ้าเป็นพ่อแม่ของอาตมาคงรับไม่ได้ ถ้าเป็นญาติพี่น้องของอาตมาที่ไปทำกับคนอื่นที่จะตาย เจ็บป่วยแบบนี้ อาตมาคงไม่ขอเป็นญาติด้วย ต้องขอแยกนามสกุลเลย เพราะว่ามนุษย์เราถึงเขาจะเลยยังไง เขาจะป่วยเจ็บจะตาย ต้องรักษา เขาเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษา ยังจะตามไปด่าเขาถึงหน้าห้องไอซียูเลยหรือ คนอย่างนี้เขาเรียกกันว่าภาวะจิตไม่ใช่อหิงสา คุยกันว่าอหิงสา นี่มันเรื่องเบียดเบียนชัดๆ เบียดเบียนใครไม่เบียดเบียน ไปเบียดเบียนคนป่วย คนอย่างนี้เรียกว่าทำบุญไม่ขึ้น ภาวะความเป็นมนุษย์ แต่ตรงนั้นไม่สำคัญ

"มีคนๆ หนึ่ง เป็นผู้นำเลยแหละทำตัว ท่าทางเป็นเจ็บป่วย เลียนแบบคุณสมัคร คล้ายๆ กับสะใจที่มีแนวร่วมของตัวเองไปเบียดเบียนผู้ป่วย ถ้าภาษาศาสนาเขาเรียกว่าจิตไม่มีคำว่าอภัย เมตตา กาลเทศะ ไม่เหลือเลย ก็เหมือนกับที่ขว้างปาหัวนายกฯ ด้วยรองเท้า สื่อมวลชนรู้ไหมว่า กลุ่มนี้ธรรมดาเขาต้องเรียกว่าเกือบชนะ ประชาชนคล้อยตามเขาไปเยอะแล้ว แต่ถอยกลับ จะลังเลก็ครั้งนี้ ลังเลว่าเอ๊ะปา หัวนายกฯ ด้วยรองเท้า คนป่วยแทบตายและทำประโยชน์ให้บ้านเมือง มีประโยชน์เหมือนกัน ไม่ใช่เลวทุกเรื่อง ไปถูกด่าขณะที่ป่วย ถ้าเขาไม่ป่วยก็เป็นธรรมดา ถ้าป่วยแล้วมีคนไปทำอย่างนี้ มันเป็นภาวะจิตที่หมดสภาพคุณธรรมความเป็นมนุษย์เลย ไม่รู้กาลเทศะ ไม่ดูจังหวะสถานการณ์อะไร ส่วนตัวเรียกว่ารับไม่ได้เลย" พระพยอมกล่าว และว่าถ้าขืนกลุ่มนี้ทำอย่างนี้กันเรื่อยไป รุกเร้ามากไปเรื่อยๆ เชื่อว่าถึงความเสื่อมในระยะไม่นาน ถ้าไม่หยุดการกระทำแบบนี้ เอาแต่สะใจเข้าว่า

-เสื้อแดงนครศรีฯบุกไล่แกนพธม.

ที่สนามบินนครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 07.00 น.ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนกว่า 30 คนพร้อมตีนตบและป้ายข้อความระบุว่า "ไม่เอาม็อบโกเต๊ก" "ไม่เอาม็อบปิดขบวนรับเสด็จ" มาดักรอกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯอยู่บริเวณด้านประตูทางออกผู้โดยสาร โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้มีการตะโกนด่าทอกลุ่มพันธมิตรฯ และระบุว่าไม่ขอต้อนรับให้เข้ามาในจ.นครศรีธรรมราช เพื่อสร้างความแตกแยกในแผ่นดิน โดยบรรยากาศบรรดาผู้โดยสารที่เดินทางมาต่างก็หยุดยืนมองด้วยความสนใจ

สำหรับกลุ่มพันธมิตรฯที่เดินทางมาร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่มพันธมิตรฯนครศรีธรรมราช นำทีมโดยนายสมศักดิ์ โกสัยสุข, นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายยุทธิยงค์ ลิ้มเลิศวาที เมื่อลงจากเครื่องบินก็ได้เลี่ยงไปออกทางประตูด้านข้างของสนามบิน บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นได้มีการตะโกนด่าพันธมิตรฯ ไม่ให้เข้ามาในนครศรีฯ เสียงดังลั่นสลับการตบตีนตบ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังโห่ร้องขับไล่อยู่นั้น ได้มีผู้หญิงจำนวน 4 คนโพกศีรษะด้วยผ้าเหลืองพันธมิตรก็ปรี่เข้ามายังกลุ่มเสื้อแดงและมีการด่าทอกันอย่างรุนแรง แต่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ

ที่บริเวณศาลาประดู่หก ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯนครศรีฯได้จัดกิจกรรมหารายได้จากการเดินวิ่งและมีการจัดเวทีปราศรัยเรื่องการเมืองใหม่ โดยมีแกนนำคือ นายสมศักดิ์ โกสัยสุข,นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายยุทธยง ลิ้มเลิศวาที มาร่วมกิจกรรม บรรยากาศเป็นไปอย่างไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากมีฝนตกลงมาตลอด มีพันธมิตรฯเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยประมาณ 100 กว่าคน และการปราศรัยดำเนินไปได้ไม่นานก็ต้องยุติ เนื่องจากฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก

-โคราชก็ต้านทอล์กโชว์พันธมิตร

เมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน ที่โรงแรมวีวัน ถ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดยนายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นครราชสีมา พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดทอล์กโชว์พันธมิตรฯในหัวข้อเปิดโปงขบวนการล้มเจ้า ล้มปืน ล้มทุน โดยน.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ มีขายบัตรเข้าฟังใบละ 100 บาท เพื่อหาเงินบริจาคให้สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และเป็นกองทุนค่าจ้างเหมารถให้กับกลุ่มพันธมิตรฯนครราชสีมาในการเดินทางไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯทุกวัน ท่ามกลางสมาชิก กลุ่มพันธมิตรฯเข้าร่วมฟังทอล์กโชว์ครั้งนี้ร่วม 2,000 คน โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการกล่าวโจมตีรัฐบาลที่สั่งการสลายม็อบพันธมิตรฯเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยระบุเป็นต้นเหตุของปัญหาทุกเรื่องและกำลังหลบหนีคดีอยู่ในขณะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่งานทอล์กโชว์จะเริ่มกลุ่มคนของแผ่นดินลูกหลานย่าโม นำโดยนางสาวปภัสชนันท์ ฉิ่งอินทร์ เจ้าของสถานีวิทยุชุมชนพลังแผ่นดิน 104.50 เมกะเฮิร์ตซ์ ได้สวมเสื้อสีแดงและถือตีนตบพร้อมป้ายข้อความโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ "คนโคราชไม่เอาพันธมิตร" และ "พันธมิตรออกไป" มายืนประท้วงอยู่ถนนฝั่งตรงกันข้ามทางเข้าโรงแรมวีวัน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุปะทะของทั้งสองฝ่ายของตำรวจจากสภ.เมืองนครราช สีมา และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.)จากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา

-เสื้อแดงเสื้อเหลืองฮึ่มกัน-หวิดปะทะ

สำหรับบรรยากาศของการประท้วงของกลุ่มเสื้อแดง มีการกล่าวโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯผ่านโทรโข่ง ระบุว่าพันธมิตรฯเป็นต้นเหตุให้ชาติเกิดความวุ่นวายจนทุกวันนี้ และมีการใช้ตีนตบขับไล่กลุ่มพันธมิตรฯเป็นระยะๆ ทำให้การ์ดพันธมิตรฯนครราชสีมาที่รักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้าทางเข้าโรงแรมไม่พอใจตะโกนต่อว่ากลุ่มเสื้อแดงเป็นระยะๆ และบางคนเดินข้ามถนนเข้าไปหาเพื่อจะเอาเรื่อง แต่ก็ถูกตำรวจกันทั้งสองฝ่ายออกไป แต่ตลอดระยะเวลาที่มีการทอล์กโชว์ กลุ่มคนของแผ่นดินลูกหลานย่าโมก็ยังยืนประท้วงอยู่บริเวณหน้าโรงแรมตลอดเวลา ท่ามกลางการระดมกำลังตำรวจเพิ่มขึ้นเป็น 250 นาย

ต่อมาเวลา 17.00 น. การทอล์กโชว์ได้เสร็จสิ้น และกลุ่มพันธมิตรฯได้ทยอยเดินออกจากโรงแรม และบางคนได้ตะโกนต่อว่ากลุ่มเสื้อแดงที่ยังคงปักหลักประท้วงด้วยตีนตบอยู่บริเวณหน้าโรงแรม และกลุ่มเสื้อแดงก็ได้ตะโกนด่ากลับไปเป็นระยะๆ แต่ในที่สุด ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างสลายตัวไป

-สานเสวนาเรียกร้องให้ใช้สันธิวิธี

เมื่อเวลา 18.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม นำโดยน.พ.วันชัย วัฒนศัพท์ หัวหน้าคณะผู้ประสานงานเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม แถลงว่านับจากเหตุการณ์ความรุนแรงตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นมา ทำให้ประชาชนต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตจนมีการก่อตั้งกลุ่มบุคคลเพื่อเรียกร้องสร้างความตระหนักให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง ซึ่งหมายรวมถึงการใช้วาจาหรือคำพูด ส่อเสียดเหยียดหยาม การนำฝูงชนมาปะทะกัน จนขณะนี้รุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธระเบิดทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อมาเรื่อยๆ

น.พ.วันชัยกล่าวต่อว่า เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังเชื่อมั่นว่าการสานเสวนาและเจรจาไกล่เกลี่ยจะเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่มีการแบ่งเป็นฝ่ายในขณะนี้ได้ จึงขอเรียกร้องทุกฝ่ายดังนี้ 1.ยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบโดยเด็ดขาด 2.ให้รัฐบาล หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและผู้รักษากฎหมายปฏิบัติหน้าที่ให้เต็มกำลังในการป้องกันเหตุความรุนแรงทุกรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 3.ขอวิงวอนให้ผู้รับผิดชอบสืบสวนและหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว 4.ขอเรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมรณรงค์กับเครือข่ายสานเสวนาฯเพื่อป้องกันและต่อต้านการใช้ความรุนแรง โดยจะประกาศให้ทราบถึง แนวทางการรณรงค์ต่อไป

-ทาบ"ประสพสุข"คนกลางอีกรอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีวิธีการเรียกร้องรูปแบบอื่นหรือไม่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตอบรับเพื่อยุติความรุนแรงแต่อย่างใด น.พ.วันชัยกล่าวว่าขณะนี้ทำได้ดีที่สุดคือการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของการยุติความรุนแรง เพื่อว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่เริ่มเข้าใจและไม่ต้องการให้ทุกฝ่ายใช้ความรุนแรงต่อกัน และจะส่งผลให้ผู้ที่คิดใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาไม่กล้ากระทำสิ่งเหล่านั้น จนถึงขณะนี้การจัดสานเสวนาคืบหน้าไปมาก แต่จำเป็นต้องให้เวลา เพราะบางฝ่ายยังคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่คือทางออก จึงไม่คิดเข้าร่วมการเจรจาในครั้งนี้ อีกทั้งสังคมไทยยังมองว่าการมาขึ้นโต๊ะเจรจาเหมือนกับพ่ายแพ้ ทำให้ยังมีฝ่ายที่ไม่ยอมเข้าร่วม จึงยังเดินหน้าเจรจาต่อไป ส่วนเงื่อนเวลาที่ว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้นคงยังตอบไม่ได้ เพราะความขัดแย้งยืดเยื้อมานานจนไม่สามารถเร่งรัดหาข้อสรุปได้โดยเร็ว

ต่อข้อถามว่า จะต้องหาคนกลางเป็นแกนนำการเจรจาใหม่หรือไม่ น.พ.วันชัยกล่าวว่า จากการสอบ ถามความคิดของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเห็นตรง กันว่าไม่จำเป็นที่คนกลางจะต้องเป็นผู้ใหญ่ในสังคม แต่ต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับและไว้ใจ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลยังให้ความเห็นว่าทางเครือข่ายเหมาะจะเป็นผู้เจรจา ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ทางเครือข่ายจะเข้าพบนายประสพสุข บุญเดช ประธานสมาชิกวุฒิสภา เพราะเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นคนกลาง เหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีม

-สนธิ"ปัดการ์ดที่ถูกจับโดนไล่ออก

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งยังอยู่ในชุดขาว ได้ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงกรณีการ์ดพันธมิตร ถูกตำรวจจับกุม เนื่องจากพกพาระเบิดว่า ยอมรับว่าคนที่ถูกจับกุมเคยเป็นการ์ดของพันธมิตรจริง แต่เนื่องจากมีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบความรุนแรง พล.ต.จำลอง จึงไล่ออกไปนานกว่า 10 วันแล้ว ซึ่งพล.ต.จำลองสามารถยืนยันได้ ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างเรื่องว่าพกระเบิด คาดว่าช่วงนี้อาจมีการสร้างเรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการชุมนุมของพันธมิตรใกล้สิ้นสุดแล้ว การกระทำในลักษณะนี้ทำให้พันธมิตรระมัดระวังตัวมากขึ้น และหาทางป้องกัน เพราะตำรวจจะใช้วิธีสร้างเรื่องมาจับการ์ดพันธมิตรอยู่เรื่อยๆ เพราะตำรวจถือว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพันธมิตร เพราะหากเกิดการเปลี่ยนแปลงอาจถูกให้ออกจากราชการ

นายสนธิ กล่าวว่า กรณีที่มีการกล่าวหาตนว่าเชื่อเรื่องไสยศาสตร์นั้น ยืนยันว่าตนไม่เคยเชื่อ แต่สิ่งที่ตนทำไปในทุกเรื่อง เนื่องจากเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ตนและบุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือ ขอเรียนว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดจากฝ่ายตรงข้ามได้ทำเรื่องไสย ศาสตร์ขึ้นมา ซึ่งตนได้เห็นกับตา และกรณีที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือ การทุบท้าวมหาพรหม บริเวณสี่แยกราช ประสงค์ ซึ่งกรณีดังกล่าวตนเตือนไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนกรณีของพระบรมรูปทรงม้า ตนไม่ได้พูดว่าให้นำผ้าอนามัยไปเช็ดตรงฐานอนุสาวรีย์ เป็นเพียงการฝังรูปฝังรอยเท่านั้น ที่ผ่านมาตนถูกกล่าวหามาตลอด อะไรที่เห็นมากับตาก็มาเล่าให้ฟังเท่านั้น

-อ้างจม.เด็ก-เอ่ยชื่อด่าครูสาวบนเวที

นายสนธิ กล่าวว่า ส่วนที่ตนทำพิธีปัดรังควานในช่วงเช้านั้น ไม่ใช่วิธีทางไสยศาสตร์ แต่เป็นการนำน้ำมนต์จากหลวงตามหาบัว ที่ตนเคารพนับถือมาผสมเป็นน้ำมนต์ประพรมไปทั้งตัวผู้เช้าร่วมชุมนุม และพื้นที่บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันให้คนที่สวมชุดขาวและถือศีล 5 มาเก็บขยะสิ่งปฏิกูลออกจากทำเนียบ ถือเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่เรื่องงมงายอย่างที่ถูกกล่าวหา และตนจะทำต่อไป ไม่หวั่นไหว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิ ยังได้นำจดหมายจากนักเรียนที่มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯและถูกครูสาวดุด่าว่ากล่าวโจมตีพันธมิตรฯ โดยนายสนธิ ได้เอ่ยชื่อครูสาวคนดังกล่าวหลายครั้ง พร้อมทั้งบอกว่าจะนำเบอร์โทรศัพท์มือถือ เบอร์ที่บ้านมาเปิดเผยเพื่อให้ชาวพันธมิตรฯโทรศัพท์ไปเยี่ยมเยียนบุคคลนี้

ร.ท.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม ให้สัมภาษณ์ในกรณีเดียวกันว่า ยอมรับว่า ผู้ที่ถูกจับกุม เคยทำหน้าที่การ์ดพันธมิตรมาก่อน แต่พันธมิตรขอให้ออกจากการทำหน้าที่นานแล้ว เนื่องจากชอบใช้ความรุนแรง ส่วนที่ผู้ถูกจับกุมมีเสื้อการ์ดพันธมิตรนั้น เนื่องจากพันธมิตรได้แจกเสื้อให้การ์ดทุกคน และเวลาเชิญให้ออก ก็ไม่ได้ขอเสื้อกลับคืนมา ยืนยันว่าเราไม่มีนโยบายให้การ์ดพกพาอาวุธ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์พันธมิตรเสียหาย เมื่อตำรวจจับกุมได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี และจะทำให้พันธมิตรปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์