ถ้าหวังจะนำประเทศไทย "สู่อนาคตใหม่" ด้วยมิติการเมืองและสังคมใหม่ มวลชนต้องลบคำ ๓ คำ ออกไปจากทัศนคติ-วิถีคิด คือ ยุบสภาฯ-ลาออก และปฏิวัติ
เพราะคำทั้ง ๓ นี้ ทั้งไม่ใช่ และทั้งไม่สามารถชูธงชาติไทยสู่อนาคต "สังคมโลกใหม่" ได้เลย!
ท่านลองตอบตัวเองซิครับว่า ในรอบ ๗๖ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไทย สังคมไทยเราได้เรียนรู้อะไรจากการเมืองระบอบประชาธิปไตยบ้าง?
ที่ขึ้นสมองมีอยู่แต่ ถ้าไม่ยุบสภาฯ นายกฯ ก็ลาออก ไม่ลาออก ทหารก็ปฏิวัติ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้เป็น "วงจรอุบาทว์" ของสังคมชาติประชาธิปไตยไทยที่คิดอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น!
ที่พูดกันว่า ๗๖ ปี ประเทศไทยไม่ก้าวไปไหน ก็อาจจะจริง นั่นเพราะมโนธรรมสำนึกที่บ่มเพาะเป็นวิสัยทัศน์ทางการเมือง เพื่อบ้านเมืองของนักการเมืองและของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย
นอกจากไม่ก้าวแล้วยัง "ถอยหลัง" เสียด้วยซ้ำ!
ข้าราชการ นักการเมืองยุคก่อน อย่างเก่งก็แค่สมคบ กินอิฐ กินหิน กินทราย ถัดมาอีกหน่อยก็ "กินเงินช่วยเหลือฝรั่ง"
แต่ยุคนี้ นักการเมืองมันใช้ประชาธิปไตยแบบมี "วิสัยสัตว์" พัฒนาความอุบาทว์ชาติชั่วไปถึงขั้น "กินบ้าน-กินเมือง" แล้ว!
ยิ่งวันนี้ พูดกันว่า "ไทย-โกอินเตอร์" เปล่าหรอกครับ อย่าเข้าใจผิด โกอินเตอร์ในความคิดของท่าน กับความคิดของนักการเมืองบางคน มันคนละความหมาย
โกอินเตอร์ของเขา คือแค่กินบ้าน-กินเมือง มันไม่หนำใจแล้ว ต้องไปถึงขั้นเอาบ้าน-เอาเมือง ไปสมคบขายกับต่างชาติโน่น!
ฉะนั้น การตัด "วงจรอุบาทว์" การเมืองที่พัฒนาความชั่วร้ายไปถึงขั้นขายบ้าน-ขายเมือง เราจะยึดแนวทางเดิมๆ คิดอะไรไม่ออกก็ตะโกน "ยุบสภาฯ-ลาออก" ไว้ก่อน หนักขึ้นไปหน่อยก็กวักมือให้ "ทหารปฏิวัติ"
อย่างนั้น..ล้าสมัย ใช้ไม่ได้แล้ว!
เชื้อชั่วในวงการเมือง ที่สืบชาติสันดานชั่วอยู่ตลอดในวงจรประชาธิปไตย ตัดไม่ขาดไปซักทีนั้น ก็เพราะสังคมที่คิดในกะลาแค่ว่า การยุบสภาฯ-ลาออก เป็นยาแรงขนานเดียว สำหรับใช้ฆ่านักการเมืองตัวร้ายได้ชะงัด
หารู้ไม่ว่า "นักการเมืองตัวร้าย" มันพัฒนาสายพันธุ์สามารถใช้ระบบ "ยุบสภาฯ-ลาออก" เป็นช่องสืบและขยายเผ่าพันธุ์ โยงใยถ่ายเลือด ผสมกันนัวเนียเข้ากับระบบข้าราชการเป็น "สายพันธุ์เขมือบชาติ" เดียวกันเกือบสำเร็จแล้ว!
ไม่ต้องดูอื่นไกล อังคาร ๗ ตุลา อ่านนโยบายในรัฐสภา เว้นไปวัน ๙ ตุลา รีบประชุม ครม.พิเศษ พิเศษของมันก็คือ ตั้ง-ย้าย-ถ่าย-โอน ผสมสายพันธุ์ระหว่างการเมืองกับสายพันธุ์ข้าราชการ
หนังสือพิมพ์ "มติชน" พาดหัวข่าวรุ่งขึ้นว่า
โกวิทปิดปากย้าย ๖๒ บิ๊กมหาดไทย คนสนิท "เจ๊แดง" ขึ้นอธิบดีกรมการปกครอง ซี้ "อ้อ" นั่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายเนวินคุมจังหวัดใหญ่
เห็นมั้ย..ทักษิณ-สมัคร-สมชาย ผสมข้ามสายพันธุ์กันเสียที่ไหน กราดตาไปดูหน้าคนในระบบราชการ "สายพันธุ์ระบอบทักษิณ" นับวันจะขยายเผ่าพันธุ์ครอบคลุม-ยึดครองประสานเข้ากับการเมืองระบบทักษิณเป็น "วงกลมอุบาทว์"
หมุนไปทางไหน ก็ใช่มันทั้งนั้น!
และนี่คือคำตอบว่า..มันคือการวางโครงข่าย เตรียม "ยุบสภาฯ" สู่เลือกตั้งใหม่ ด้วยวิธีการเอา "เงินหลวง-คนหลวง ไปล้วงคะแนนราษฎร์" ใช่หรือไม่?
เอ้า..ตะโกนไปซี ทรราชสมชาย ยุบสภาฯ-ลาออกไป..ทรราชสมชาย-ยุบสภาฯ-ลาออกไป
แล้วพันธมิตรฯ กู้ชาติก็จะหน้าหงาย สมชายบอก..กูยุบสภาฯ แล้วไง เลือกตั้งพวกกูจะกลับมาใหม่ แล้วพวกมึงจะทำยังไงอีก?
แปะ..แปะ...
มือตบกลายเป็น "วีรบุรุษ-วีรสตรี แห่งทุ่งท้อแท้" ไปเท่านั้น!
ถ้าคิดจะ "สู่การเมืองใหม่" ต้องเลิกหมกมุ่นคิดง่ายๆ แค่ตะโกนไล่ "ยุบสภาฯ-ลาออก" เพราะแบบนั้น "เชื้อชั่ว" บอกว่า..เตะหมูเข้าปากหมา ดังนั้น จำเป็นต้องคิดหาสูตรใหม่ในแนวทาง
"พิษ-ล้างพิษ"!?
ใช่..ถูกต้อง "การเมืองในระบอบประชาธิปไตย ต้องล้างด้วยการเมืองในระบอบประชาธิปไตย" แต่วิธีไหนล่ะจึงจะสามารถไปสู่ "การเมืองใหม่" ด้วยรูปแบบนั้นได้ ผมว่ามันอยู่ใต้เปลือกตาแล้วมิใช่หรือ?
ผมอยากจะบอกกับ "พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ผบ.ทบ.ด้วยรักและเคารพสักครั้งว่า หยุดเสียทีเถอะครับ กับคำว่า "ทหารไม่ปฏิวัติ"
จะพร่ำไปทำไม เพราะผลงานจากคณะท่านปฏิวัติ ๑๙ กันยา ขอโทษ..สุนัขไม่รับประทาน จากนั้น ประชาชนก็ "สาปส่ง" ไม่มีใครปรารถนา และไม่มีใครต้องการให้ทหารมาปฏิวัติอีก!
ปฏิวัติ คือ การวิบัติของชาติ!
ฉะนั้น ท่านจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะครับ แต่ไม่ต้องกราวหน้าพาทย์ด้วยวลีว่า "ทหารไม่ปฏิวัติ" อีก
ถ้า "ทหารปฏิวัติ" ประชาชนจะลุกฮือ "ปฏิวัติทหาร" ทันที!
ท่านจะรุ่น ๑๐ รุ่นเดียวกับทักษิณ รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ที่บัญชาการฆ่าประชาชนเลือดเพิ่งหมาด ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะการร่วมรุ่น ไม่ได้หมายความว่าต้อง "ร่วมใจ" กันไปทุกเรื่อง ทุกกรณี
เพราะเหตุนี้ ประชาชนจึงฝากใจ-ฝากอนาคตชาติบ้านเมืองไว้กับท่านบนตำแหน่ง ผบ.ทบ.อย่างไรเล่าครับ และในใจลึกๆ ของประชาชน ต่างยึดท่านเป็น "ที่พึ่งสุดท้าย" ยามตะวันเหนือบ้านเมืองฉายแสงโพล้เพล้
แล้ว ๗ ตุลาทมิฬ ท่านกับเพื่อนรุ่น ๑๐ อีกคนคือ พลเอกทรงกิตติ จักกาบาตร์ ก็ไปยืนเป็นองครักษ์ซ้าย-ขวาพิทักษ์ "นายกฯ ทรราช" ประกาศชัยชนะที่กองทัพไทย หลัง "สั่งฆ่าประชาชน" หนำใจที่หน้ารัฐสภา!
ฆ่าในเขตพระราชฐาน และสั่งฆ่าเป็นการ "ย้ำชัยชนะ" ที่ได้เป็นรัฐบาลครบสูตรตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ ด้วยการถล่มมวลชนพันธมิตรฯ ส่งท้ายที่หน้า บช.น.และลานพระบรมรูปฯ
เลือดประชาชนโลมเขตพระราชฐานไปอีก!
ตัวการใหญ่ "หัวหน้าฆาตกร" สั่งฆ่าประชาชนหนีไปโผล่ที่กองบัญชาการกองทัพไทย แทนที่ทหารของประชาชนจะช่วย "จับฆาตกร" ไว้ กลับทำตัวเป็นบอดีการ์ดให้ แล้วจะไม่ให้ประชาชนข้องใจได้อย่างไรเล่า?
ประชาชนพันธมิตรฯ ที่ร้องหาทหารครานั้น ก็ด้วยหวังร้องหาให้ทหารไปช่วยบอกตำรวจ "อย่าฆ่าประชาชน" เลย
หวังเท่านั้น ไม่ได้หวังให้หทารออกมาปฏิวัติ "ยึดบ้าน-ยึดเมือง" อย่างที่พลเอกอนุพงษ์พูดจาสื่อภาษาไปในทางนั้นแต่อย่างใด
ท่านบอกว่า "ทหารอยู่ข้างประชาชน"
ขอบใจ....
ข้างประชาชน-มีประชาชน, หลังประชาชน-มีประชาชน หน้าประชาชนมี ชาติ พระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์กลาง
แล้ว "ข้าง" ของทหาร มีที่ยืนอยู่ตรงไหน ก็เรื่องของท่าน?
การแก้วิกฤติ "ใครไม่ยอมใคร" อันเป็นปัญหาในรอยเขยื้อนใหญ่ของสังคมครั้งนี้นั้น "ทหาร" มีศักยภาพสูงในความเชื่อถือจากประชาชนต่อการกระทำ ที่ผ่านมา ทหารรู้จักแต่ใช้รถถังแทนปัญญา
เอะอะก็ แอ่น..แอ๊น!
แต่ พ.ศ.นี้ พ.ศ.๒๕๕๑ โลกก้าวสู่ศตวรรษใหม่ ไทยเข้าสู่วงรอบเคลื่อนย้ายสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ ๑๕-๒๕ ปีนี้แล้ว
ผบ.ทบ.คนที่ ๓๖ ที่ชื่อพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา โลกทัศน์ไม่ได้มีแต่ด้านการทหารด้านเดียว เพราะท่านเรียนรู้โลกนอกกองทัพจากสถาบันการศึกษาอื่นด้วย ทั้งการทหารและการเมืองในตัวท่าน ย่อมหลอมรวมเป็นวิสัยทัศน์มอง "ชาติไทย" ยาวไปในอนาคตได้มิใช่หรือว่า
"ถ้าปล่อยให้ชาติถูกยำอยู่กับกลุ่มการเมืองริยำก็มีแต่ย่อยยับ"!
แล้วไฉนจึงเหมือนม้าที่หลงยอดหญ้าระบัดฝน พอใจอยู่กับ "งบฯ ที่การเมืองจัดให้ด้วยรัฐมนตรีกลาโหมมันเอาใจ เพื่อแลกกับการวางใจ 'กองทัพไม่พยศ'"
ด้วยโหงวเฮ้ง และชาติสมบัติ คุณสมบัติ คนอย่างท่าน "มากปัญญา" ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า การนำชาติไปสู่อนาคตใหม่ที่ "ทุกฝ่าย" ยอมรับได้ ต้องใช้รูปแบบ และวิธีการไหนไปสู่เป้าหมายนั้น
โดยไม่ใช้วิธี..ปฏิวัติ!
ในจำนวนเต็ม ๑๐ ท่านรู้ ๙ ที่เหลืออีก ๑ นั้น ท่านนำมาพูดครึ่งหนึ่ง ทำก็แค่ "ครึ่งหนึ่ง" ท่านตอบกับประชาชน ตอบกับน้องๆ ทหารในกองทัพที่เริ่มคับข้องจิตให้ชื่นใจซิครับว่า
ท่านจะบ่มที่รู้อีก ๙ นั้นไว้ เพื่อการณ์ใด?
ท่านบ่มอะไรไว้เยอะนะครับ ทั้งที่ ๓ จังหวัดใต้ ทั้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และก็ที่หน้ารัฐสภา-ลานพระบรมรูปทรงม้า "ตำรวจฆ่าประชาชน" แต่ทหารของพลเอกอนุพงษ์ที่ประกาศว่า "อยู่ข้างประชาชน" ทั้งที่ประชาชนตะโกนเรียกหา..ทหารช่วยด้วย..ทหารช่วยด้วย
ทหารมาเหมือนกัน..แต่มาเก็บศพ!
พูดถึงเก็บศพ เหตุการณ์ผ่านไป ๔ วัน เพิ่งส่ง "คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์" มาเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ผมจะเตือนพันธมิตรฯ และประชาชนให้ตื่นว่า "อย่าวางใจคน จะจนใจตัวเอง" คุณหญิงหมอพรทิพย์นั้น สังคมรู้จักผ่าน "ภาพสื่อสร้าง" แต่ถ้าไล่เรียงจาก "ภาพงานสร้าง" จะเห็นแต่ "คุยเป็นข่าว" ส่วนงานที่ทำให้สำเร็จเป็นข่าวแทบไม่ปรากฏ แก๊สน้ำตาฆ่าพันธมิตรฯ ที่เป็นปริศนาครั้งนี้ จะวางใจไว้กับคุณหญิงหมอพรทิพย์ฝ่ายเดียวไม่ได้ ใคร..ส่งหมอพรทิพย์มา ก็ควรพิจารณาประเด็นนี้ด้วย?