อนุพงษ์ฮึ่มรัฐต้องรับผิดชอบ สล้างลั่นรวมพลยึดทำเนียบฯคืน

"อนุพงษ์" จี้รัฐบาลรับผิดชอบเหตุสลายม็อบ เผยวันเกิดเหตุ 3 เหล่าทัพประสาน ตร.ไม่ให้ใช้ความรุนแรงแล้ว ตอก "จิ๋ว" ไม่ต้องมาบอกให้ทหารปฏิวัติ ไล่ไปเคลียร์ใครสั่งการ 7 ต.ค.ให้ได้ก่อน ยันปฏิวัติไม่ใช่ทางออก ด้าน 7 แกนนำพันธมิตรมอบตัว-ตร.ให้ประกันตัวแล้ว "สล้าง" ประกาศตั้งกองกำลังกู้ทำเนียบคืน "อภิสิทธิ์" เตรียมฟ้องอังกฤษอย่าให้ "ทักษิณ" ใช้ข้ออ้างตุลาทมิฬยื่นลี้ภัย

พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ทางช่อง 3 เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยระบุว่าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐครั้งนี้ ก่อให้เกิดความสูญเสียและเป็นปฏิบัติการที่ค่อนข้างรุนแรง

"ถ้าผมไม่ออกมาพูดอย่างนี้ สังคมก็ไม่มีทางยอมรับ ผมไม่ได้บอกว่ารัฐบาลผิดหรือไม่ผิด แต่ต้องมีผู้รับผิดชอบ ต้องพิจารณาตัวองว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะมีการออกมากดดันให้ทหารปฏิวัติอีก ซึ่งไม่ดีกับประเทศอย่างยิ่ง ส่วนรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร ก็มีหลายหนทาง ซึ่งผมคิดว่าทุกคนคงทราบดีว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสามารถเดินต่อไปได้ " ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวอีกว่าได้ประเมินแล้วว่า หากทหารจะออกไปก็หมายถึงการทำปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ออกมาพูด เช่น นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ก็ออกมาพูดชัดว่า ปฏิวัติไม่ได้ และยังมีกลุ่มนักวิชาการอีกหลายต่อหลายคนที่เห็นว่าทหารไม่ควรออกมาปฏิวัติถ้าทำปฏิวัติแล้วเหตุการณ์เรียบร้อยก็น่าศึกษาพิจารณา แต่เมื่อพิจารณารอบด้านแล้วเห็นว่า แม้ทหารจะออกไปทำปฏิวัติ แต่การชุมนุมก็ยังอยู่ต่อไป ประเทศชาติก็เสียหาย การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร ถ้ามีเลือกตั้ง นักการเมืองเก่าก็จะกลับเข้ามาอีก รวมๆ แล้วทำไปแล้วไม่มีประโยชน์และไม่น่าจะคุ้มกัน ถ้าจะทำเช่นนั้น ยังมีวิธีอื่นที่ดีกว่า เช่น การเรียกร้อง การแสดงพลังให้ผู้มีอำนาจได้พิจารณา

ส่วนที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่มีทางอื่นนอกจากทหารจะเข้ามายึดอำนาจและบอกว่า พล.อ.อนุพงษ์อย่ากลัวนั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดทันทีว่า "ผมไม่มีความกลัว ท่าน (พล.อ.ชวลิต) เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คิดว่าท่านควรแก้ปัญหาว่าใครสั่งการคืนวันที่ 6 ตุลาคม ต่อเนื่องวันที่ 7 ตุลาคม ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ไปพูดกับหมอประเวศให้เรียบร้อยก่อน"

ส่วนที่พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรอง ผบ.ตร. อาสาจะนำอดีตตำรวจเข้ายึดทำเนียบคืนนั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ถ้าว่าตามกฎหมายไม่น่าจะทำได้ และไม่น่าจะเป็นประโยชน์

ผบ.ทบ.ยังกล่าวถึงข้อสงสัยว่าเหตุใดทหารจึงไม่ออกมาช่วยประชาชนว่าถ้าทหารออกไปก็ต้องมีการปะทะกับตำรวจ และแน่นอนว่าย่อมมีลูกหลงโดนประชาชน และอาจมีคำถามว่าทหารออกมาได้อย่างไร ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ นอกจากนี้ประเทศจะแบ่งเป็นฝ่าย ไม่เกิดผลดี ซึ่งวันเกิดเหตุ 3 เหล่าทัพได้ประสานไปยัง ผบ.ตร.แล้วว่าให้หยุดการใช้ความรุนแรง ยืนยันว่าทหารเป็นทหารของประชาชน เราจะไม่ทำในสิ่งที่เสียหายต่อประเทศ แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางปฏิวัติของตำรวจที่ทำให้เกิดความสูญเสีย

ส่วนสถานการณ์จะยุติอย่างไรนั้นผบ.ทบ.กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะให้สถานการณ์เป็นอย่างไร

วันเดียวกันพ.อ.สรรเสริญแก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวในรายการ  รู้รักสามัคคีทำความดีเพื่อแผ่นดิน ทางสถานีวิทยุกองทัพบก126 สถานีทั่วประเทศเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ถึงจุดยืนของกองทัพต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันว่า ในวันที่ทหารออกไปปฏิบัติภารกิจในเย็นวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจัดระเบียบการชุมนุม โดยมีกระแสข่าวทำนองว่า ทหารออกไปเป็นผู้ช่วยเหลือตำรวจทำร้ายประชาชนนั้น ขอยืนยันว่าการที่ทหารออกไปมีจุดประสงค์หลักคือ การออกไปดูแลทรัพย์สินของประชาชน ป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีฉกฉวยโอกาสในการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้น พ.อ.สรรเสริญกล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องที่ตำรวจทำรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ หรือเป็นการก่อความวุ่นวายของมือที่สามที่ไม่หวังดีแทรกตัวอยู่ หรือกลุ่มพันธมิตร มีส่วนทำให้เกิดความรุนแรง ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากการสั่งการของรัฐบาล ซึ่งกองทัพมองว่ารัฐบาลควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบ 

เมื่อถามว่าจะให้รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่าความรับผิดชอบในขั้นต้นคือ การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะต้องรวดเร็วและโปร่งใส และชี้แจงให้สังคมยอมรับได้ หรือจะรับผิดชอบด้วยวิธีอื่นใดก็แล้วแต่รัฐบาลจะเห็นว่าเหมาะสม ซึ่งในวันนั้นกองทัพกองทัพไทยและ 3 เหล่าทัพได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้หยุดการใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน

โฆษกทบ.ตอบคำถามที่ว่า ทำไมทหารไม่ออกไปช่วยประชาชนในขณะที่ตำรวจสลายการชุมนุมว่า เพราะขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติภารกิจจนมีความวุ่นวายโกลาหลเกิดขึ้น ทั้งฝ่ายของตำรวจ และฝ่ายผู้ชุมนุม 


10 ส.ว.ฟ้องยูเอ็นตร.สลายม็อบรุนแรง

สมาวุฒิสภา10 คนอาทิ นายสมชาย แสวงการ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายมณเฑียร บุญตัน เข้ายื่นหนังสือถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมเพื่อให้รับทราบข้อมูลกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา นายมณเฑียรบุญตัน ส.ว.สรรหาผู้พิการทางสายตา กล่าวว่า การมายื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อเป็นการแจ้งให้ประชาคมโลกทราบ ผ่านทางหน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติ ได้รับทราบถึงวิธีการในการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ซึ่งวิธีการปฏิบัติที่ทำต่อประชาชนในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมมีการใช้กำลังและข้ามขั้นตอน ไม่เป็นไปตามหลักสากล 


"สล้าง"แถลงตั้งกองกำลังกู้ทำเนียบคืน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติพล.ต.อ.สล้างบุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ แถลงข่าวว่า ตอนนี้ตำรวจตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างมาก ถูกเยาะเย้ยถากถาง ดังนั้นจึงคิดกับเพื่อนตำรวจนอกราชการที่อดีตเคยเป็นครู ตชด.คอมมานโดกองปราบปราม ว่าจะตั้งกองกำลังกู้ทำเนียบรัฐบาล โดยจะเสนอรัฐบาลว่าจะเข้าไปยึดทำเนียบคืนเอง เบื้องต้นรวบรวมตำรวจนอกราชการได้กว่า 1,000 นาย ถ้าหากตำรวจในราชการอยากร่วมด้วย ก็ขอให้ไปลาราชการมาร่วมกันทำงาน ส่วนชาวบ้านทั่วไปก็มาร่วมได้ แต่ให้มาทำงานในส่วนอื่น เพราะไม่ได้รับการฝึกมา ซึ่งกองกำลังสามารถรวบรวมได้ภายใน 5 วันส่วนเรื่องเงินทุน ถ้าไม่มีใครบริจาคสนับสนุนจะขายทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งเป็นเหรียญที่มีค่าที่ตนเก็บไว้มานาน มาประมูลขาย ใครสนใจสนับสนุนก็ให้ติดต่อมาได้

ขณะเดียวกันพล.ต.อ.สล้าง ยังนำ ส.ต.ต.ณัฐวุฒิจันทร อายุ 22 ปีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ(บก.ตปพ.) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งชันเข่าเล็งอาวุธปืนพกสั้นในแนวระนาบซึ่งมีการนำภาพไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ต่างๆ มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน 

ส.ต.ต.ณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์เปิดใจว่าทำหน้าที่เป็นพลขับรถบัสขนอุปกรณ์พิเศษในการควบคุมฝูงชน ก่อนเกิดเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพลขับอยู่ตรงบริเวณลานใกล้ประตูทางเข้าพระที่นั่งวิมานเมฆ ขณะนั้นกำลังจะขับรถกลับเข้าไปรับเจ้าหน้าที่รัฐสภาที่ตกค้างอยู่ เห็นรถกระบะสีน้ำเงินขับพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4-5 นายตนจึงจะขับรถเข้าไปขวาง 

"ระหว่างที่จะขับรถเข้าไปขวางเห็นว่ารถกระบะคันดังกล่าวขับพุ่งเข้ามาหวังจะชนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่แนวด้านหน้าซ้ำ ผมจึงวิ่งลงจากรถเอาอาวุธปืนลูกโม่ขนาด.357 ออกมาเพื่อหวังยิงสกัดยางล้อรถ เพื่อไม่ให้รถพุ่งมาชนเพื่อนตำรวจซ้ำ แต่รถคันดังกล่าวขับหนีออกไปก่อน จึงไม่ได้ยิงปืนออกไป จากนั้นเพื่อนในหน่วยที่อยู่ใกล้เคียงก็มาสะกิดบอกว่า รถไปแล้ว ผมจึงขึ้นรถขับตามออกไป ผมพร้อมให้ตรวจสอบเขม่าดินปืนอาวุธปืนว่า ไม่ได้ลั่นไก" ส.ต.ต.ณัฐวุฒิกล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมส.ต.ต.ณัฐวุฒิกล่าวว่ารู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนตำรวจให้รอดชีวิต ส่วนสาเหตุที่พกปืนเข้าไปได้นั้น เพราะตนเป็นพลขับ ที่ต้องดูแลอุปกรณ์พิเศษในการควบคุมฝูงชน จึงอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเข้าไปเพื่อป้องกันอุปกรณ์พิเศษเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร


7 พธม.มอบตัวสู้คดี-ตร.ให้ประกัน
เมื่อเวลา10.00 น. แกนนำพันธมิตรทั้ง 7 คน ทยอยเดินทางเข้ามอบตัวที่ สน.นางเลิ้งได้แก่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสุริยะใส กตะศิลา นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี โดยมี ส.ว.3คนมายื่นประกันตัว คือ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และนายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเข้ามอบตัวของแกนนำพันธมิตรเป็นด้วยความสงบ มีกลุ่มพันธมิตรประมาณ 100 คน มาให้กำลังใจและมีการ์ดพันธมิตรประมาณ 10 คน ที่มารักษาความปลอดภัย ต่อมาเวลา 11.45 น. นายสนธิได้รับประกันตัวเป็นคนแรก โดนนายสนธิชูมือขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือของกลุ่มพันธมิตรที่มาให้กำลังใจ 

นายสนธิกล่าวว่าตำรวจให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข แม้ว่า พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ต้องการจะเพิ่มข้อหากบฏใหม่อีกครั้ง แต่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ไม่เห็นด้วย เนื่องจากยอมรับคำสั่งศาล 

"มีเพียง พล.ต.ต.อำนวยเท่านั้นที่ต้องการออกหมายจับพวกผม แต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหา ไม่มีการกักขัง ขอให้พ่อแม่พี่น้องที่มาให้กำลังใจผมสบายใจได้" นายสนธิกล่าว แล้วเดินทางกลับทันที 


ตร.นัดสอบปากคำผู้ต้องหา24 ต.ค.

พล.ต.ต.อนันต์ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ให้สัมภาษณ์หลังการรับมอบตัวแกนนำพันธมิตรว่า เจ้าพนักงานได้แจ้งข้อหาแกนนำพันธมิตรตามที่ศาลอนุมัติ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดใช้ตำแหน่ง ส.ว.ขอประกันตัว โดยนายสนธิใช้ตำแหน่งนายคำนูณ นายพิภพ และนายสมศักดิ์ ใช้ตำแหน่งนายไพบูลย์ ส่วนนายอมร นายสุริยะใส และนายเทิดภูมิ ใช้ตำแหน่งนายสาย

ส่วนนายสมเกียรติแจ้งว่าไม่ขอใช้เอกสิทธิ์ของส.ส.เมื่อเข้ามอบตัวเจ้าพนักงานได้แจ้งข้อหาแล้วปล่อยตัวไป โดยนัดผู้ต้องหามารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 24 ตุลาคม ส่วนจะมีการแจ้งข้อหากบฏหรือไม่ หากพันธมิตรจะเคลื่อนไหวแบบดาวกระจาย ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแกนนำว่าจะเป็นอย่างไร  


บช.น.ของบซื้อรถดับเพลิงฉีดไล่ม็อบ
พล.ต.ท.สุชาติเหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกลุ่มพันธมิตร ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงว่า จากคำสั่งดังกล่าวศาลระบุให้ตำรวจใช้หลักสากลในการควบคุมฝูงชนได้ ซึ่งคำว่าควบคุมฝูงชนนั้น มีบทบัญญัติไว้ในหลักการปฏิบัติอยู่แล้ว เช่น การดำเนินการตั้งแต่ระดับน้อยไปหามาก โดยการเจรจาไปจนถึงการใช้รถน้ำฉีด แต่ในทางปฏิบัติปัจจุบันเจ้าหน้าที่ไม่มีงบประมาณ จึงต้องมีการตั้งงบประมาณจัดซื้อหากประสานขอรถน้ำของ กทม.เห็นว่าน้ำที่นำมาใช้ ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้รถน้ำต้นไม้ อาจจะไม่มีความสะอาดเพียงพอ อาจทำให้ผู้ชุมนุมเกิดอาการป่วยได้ 

ส่วนเรื่องการใช้แก๊สน้ำตานั้นคณะทำงานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกำลังศึกษาเรื่องนี้ว่า ตำรวจสามารถใช้ได้ด้วยความเหมาะสมหรือไม่ แต่ขณะนี้หากไม่มีข้อจำกัดก็ให้ใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุมไปก่อน แต่ขอเป็นทางเลือกสุดท้าย

"จำลอง"อัดจิ๋วโกหกต่อรองถอนข้อหากบฏ

พล.ต.จำลองศรีเมือง แกนนำพันธมิตร กล่าวถึงกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้สัมภาษณ์สื่อบางฉบับว่าได้เจรจากับ พล.ต.จำลองว่า ถ้ายอมถอนหมายจับคดีกบฏพันธมิตรจะออกจากทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นการโกหกทั้งหมด ไม่มีส่วนจริงเลย เราไม่ได้บอกว่าจะยุติการชุมนุม ไม่เคยต่อรองให้ยกเลิกหมายจับ 

"ผมไม่โกหก เพราะถือศีล 8 ถามว่าพี่จิ๋วถือศีลกี่ข้อ" พล.ต.จำลองกล่าวส่วนที่พล.อ.ชวลิตอ้างว่า พล.ต.จำลองบอกเองว่าจะชุมนุมอยู่ได้ไม่นาน โดยจะย้ายออกจากทำเนียบไปชุมนุมต่อที่บ้านพิษณุโลก พล.ต.จำลองกล่าวว่าโกหกทั้งเพ โกหกอย่างไม่มีมูล เป็นเรื่องฝันทั้งนั้น จะไปชุมนุมทำไมที่บ้านพิษณุโลก 


กฟผ.ขู่ตัดไฟสตช.-แต่งดำประท้วง
นายสมควรยาวิชัย เลขาธิการ สร.กฟผ.กล่าวว่า สร.กฟผ.ได้ออกแถลงการณ์ให้พนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศแต่งชุดดำ เพื่อประท้วงความโหดร้ายของตำรวจป่าเถื่อนของรัฐตำรวจที่ใช้กำลังเข่นฆ่าประชาชนผู้มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรอย่างบริสุทธิ์ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ ตาย จำนวนมากโดยคำสั่งของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และขอเชิญร่วมงานศพ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ (น้องโบว์) นอกจากนี้ สร.กฟผ.ได้เปิดศูนย์บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ-ตาย โดยขณะนี้มียอดบริจาคทั้งสิ้น 134,800 บาท 

นายสมควรกล่าวด้วยว่าจะให้สมาชิก สร.กฟผ.เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร ที่จะดาวกระจายไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันที่ 13 ตุลาคม ส่วนมาตรการต่างๆ นั้น สร.กฟผ.ต้องรอมติจากที่ประชุมของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ซึ่งเบื้องต้นมีการพูดคุยกันถึงมาตรการตัดไฟใน สตช. แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน 


นปช.นัดรวมพลเมืองทองธานีเสาร์นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 11 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นัดรวมตัวกันที่อาคารธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เพื่อให้ นปช.ทุกเครือข่ายเข้าร่วมหารือกำหนดกิจกรรมเคลื่อนไหวต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร นอกจากนี้ ในงานจะมีการจัดกิจกรรม อาทิ เวทีอภิปราย แสดงความเห็นในประเด็นต่างๆ ทางการเมือง และการพบปะของแฟนคลับรายการ "ความจริงวันนี้"  ที่ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 


"สมชาย"โดนม็อบไล่-ปัดข่าวเข้าเฝ้าฯ
นายสมชายวงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเครื่องบินสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ไปลงที่ท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า กลุ่มพันธมิตรชะอำ พันธมิตรหัวหิน พันธมิตรปราณบุรี กว่า 300 คนได้มาชุมนุมที่หน้าสนามบินบ่อฝ้าย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในสนามบิน จึงทำได้เพียงถือป้ายต่อต้านนายสมชาย และถือเครื่องกระจายเสียงตะโกนด่าทอถึงเหตุการณ์สลายกลุ่มพันธมิตรที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้ร่วมประชุมกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรค พร้อมทั้งระบุว่า ไม่ได้มาเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอยุบสภา แต่อย่างใด จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางโดยเครื่องบินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กลับไปที่สนามบินดอนเมืองในวันเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้าจะออกเดินทางไป อ.หัวหิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กรณีที่หลายองค์กรเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภาหรือลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์การสลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม ว่า ตนก็รับฟังทุกฝ่ายที่ให้ความเห็น เพราะเราคิดว่าบ้านเมืองก็เป็นของทุกคน แต่ตนก็ต้องดูว่าอะไรที่เหมาะสมที่สุด 


ยกเลิกเยือนอาเซียนไม่มีกำหนด

นายธานีทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงข่าวที่ว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ยกเลิกกำหนดการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สหราชอาณาจักรกัมพูชา และสหภาพพม่า อย่างเป็นทางการในวันที่ 12, 13 และ15 ตุลาคมนี้ตามลำดับ รวมถึงประเทศอื่นๆ ในประชาคมอาเซียนว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เนื่องจากสถานการณ์การเมืองปัจจุบันภายในประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงมีดำริให้เลื่อนการเดินทางไปเยือนประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด ขณะนี้กระทรวงกำลังประสานงานไปยังประเทศต่างๆ ให้รับทราบเรื่องดังกล่าว


แฉแผน"แม้ว"ใช้7 ต.ค.ข้ออ้างลี้ภัย

นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีรายงานข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นเหตุผลเพิ่มเติมขอลี้ภัยในอังกฤษ โดยใช้เหตุการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นข้ออ้างเรื่องความไม่ปลอดภัย ว่า ถ้ามีการอ้างเรื่องนี้จริงตนจะเรียกร้องให้รัฐบาลต้องดำเนินการต่อสู้ แต่ในส่วนของตนและองค์กรอื่นๆ ก็คิดว่าจะฟ้องประเทศอังกฤษว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวข้อง

ถ้าประเทศอังกฤษยังเก็บคนนี้ไว้ในขณะที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฆ่าคนไทย ก็จะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างรุนแรง รวมทั้งประชาชนทั้งสองประเทศ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกสงสัยอยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ หากมีการเอาเรื่องนี้ไปอ้าง ผมก็ต้องบอกว่า นึกไม่ถึงว่าจะทำกับประเทศแบบนี้ ผมก็บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในข่ายต้องสงสัยอยู่แล้ว และอยากถามว่ารัฐรู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้หรือไม่ สมคบกันอยู่หรือไม่ ผมอยากถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยว่า ประชาชนถูกทำร้ายเกี่ยวอะไรกับความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะคนที่ใช้ความรุนแรงที่เป็นฝ่ายรัฐ คงไม่ใช้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะรัฐบาลชุดนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ควบคุมอยู่ แล้วทำไมต้องมาทำลายชื่อเสียงของประเทศเพิ่มเติม นายอภิสิทธิ์กล่าว 


ปชป.ขู่ฟ้องศาลรธน.แถลงนโยบายโมฆะ

นายสาทิตย์วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมอบหมายคณะบุคคลไปตรวจสอบการประชุมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่ามีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้องค์ประชุม 2 ครั้ง จึงครบองค์ประชุม และการตรวจสอบคนที่เข้าไปในห้องประชุมสภาในวันนั้น โดยพรรคได้มอบหมายให้ ส.ส.30 คน ไปขอเจ้าหน้าที่รัฐสภาตรวจสอบการลงชื่อเข้าประชุมโดยตรง ซึ่งได้ข้อพิรุธและเป็นข้อเท็จจริงที่เชื่อได้ว่า มี ส.ส.บางคนไม่ได้ลงชื่อเข้าประชุม แต่กลับมีการเสียบบัตรแทนกัน ถ้าเป็นจริงตามนั้น การแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา จะไม่ชอบและเป็นโมฆะ ซึ่งหมายความว่านายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยมิชอบ ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ ได้ 

"มีสมาชิกรัฐสภาเซ็นชื่อเข้าประชุมจำนวน 258 คน จากนั้นได้มีการกดบัตรเพื่อยืนยันองค์ประชุม ซึ่งปกติผู้ที่มีสิทธิ์ยืนยันองค์ประชุมด้วยการกดบัตรต้องเซ็นชื่อเข้าร่วมประชุมและต้องอยู่ในที่ประชุม แต่พบว่ามี 3 คนที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าประชุม แต่มีชื่อในการกดบัตร ซึ่งถ้าไม่ลงชื่อเข้าประชุมก็เท่ากับว่าไม่อยู่ในที่ประชุม คือ 1.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข 2.นายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย และ 3.นายสฤษฏ์ อึ้งอภินันท์ ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน" นายสาทิตย์ ยืนยัน

นายสาทิตย์กล่าวต่อว่าพรรคได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มอีกจากภาพการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ตลอดเวลาการแถลงนโยบาย รวมถึงสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่รัฐสภาหลายคนยืนยันกับ ส.ส.ของพรรคที่ไปตรวจสอบ พบว่า ร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้อยู่ที่ประชุมรัฐสภาตลอดการประชุม และในช่วงที่กลุ่มพันธมิตรปิดล้อมรัฐสภา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นข้อพิรุธ ผิดพลาด ซึ่งนำไปสู่การพิสูจน์ต่อไป วันนี้จะมี ส.ส.ของพรรคไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิดในรัฐสภาด้วย 

รายงานข่าวระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทำหนังสือไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแถลงนโยบายดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่  


วุฒิฯรับลูกเตรียมยื่นถอดถอนครม.

นายวรินทร์เทียมจรัส ส.ว.สรรหา แถลงว่า ได้ยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา และเลขาธิการรัฐสภา เพื่อขอข้อมูลการประชุมรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ 7 ตุลาคม เนื่องจากได้รับเบาะแสว่า มีสมาชิกรัฐสภาบางคนไม่ได้ลงชื่อเข้าประชุมเพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา หรือไม่ได้อยู่ร่วมการประชุม แต่มีการเสียบบัตรแทนกัน และมีการพักการประชุม เพราะองค์ประชุมไม่ครบ และเมื่อเปิดประชุมอีกครั้งมีองค์ประชุมเกินครึ่งไม่ถึง 10 คน ซึ่งถ้าการประชุมดังกล่าวมีปัญหาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ แสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาล การไม่เคารพกฎหมาย และความไม่มีจริยธรรมทางการเมือง ส่งผลเสียหายต่อบ้านเมือง

นายวรินทร์กล่าวต่อว่าหากพบองค์ประชุมไม่ครบจริงจะนำไปสู่กระบวนการถอดถอนตามขั้นตอน และคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต้องรับผิดชอบทั้งหมด 


อสส.ยื่นยุบพปช.-ถอนสิทธิ์กก.บห.

นายธนพิชญ์มูลพฤกษ์ โฆษกอัยการสูงสุด แถลงว่า อัยการสูงสุดได้ลงนามในคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และกรรมการบริการพรรคพลังประชาชน จำนวน 37 คนมีกำหนดเวลา 5 ปีนับแต่วันที่มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน เพราะมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลย หรือทราบการกระทำของผู้สมัคร ส่งผลให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และไม่ได้ยับยั้งหรือแก้ไข เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 94, 95 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.มาตรา111

พปช.ตั้งฝ่ายกฎหมายสู้คดียุบพรรค

นายสุขุมพงศ์โง่นคำ รักษาการรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนจะรอดูคำสั่งของอัยการสูงสุดที่จะยื่นต่อศาลเพื่อจะดูเนื้อหาสาระของคำฟ้องก่อน จากนั้นพรรคจะแต่งตั้งคณะทำงานฝ่ายกฎหมายเพื่อต่อสู้คดียุบพรรคโดยเฉพาะ โดยหัวหน้าพรรคจะเป็นผู้แต่งตั้ง ซึ่งเบื้องต้นจะมีตนและนายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นหนึ่งในคณะทำงาน ซึ่งดูแลรับผิดชอบการต่อสู้คดี ประกอบด้วยทีมทนายความ ทั้งนี้ เราจะดำเนินการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญทันทีที่ได้รับคำฟ้องจากอัยการสูงสุดได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์