เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 9 ต.ค. ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นประธานในวันครบรอบ 29 ปีวันสถาปนากองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงหลายฝ่ายตั้งความหวังกับกองทัพในการแก้ปัญหาบ้านเมืองว่า ตนรู้สึกเช่นเดียวกับทุกคนที่เป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย ไม่ว่าพันธมิตรหรือตำรวจ ไม่มีใครสบายใจ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรมีความตั้งใจมาแสดงออกทางการเมือง ถือเป็นสิทธิ ยืนยันว่าจะเป็นทหารของชาติ ของประชาชน และเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้เรียบร้อย เราไม่ปรารถนาจะเห็นกลุ่มใดมีความเสียหาย ยืนยันว่าทหารจะยืนข้างประชาชนและจะไม่ทำร้ายประชาชน
เมื่อถามว่าสถานการณ์เลยขั้นจะเจรจาหรือไม่ พล.อ. อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลยเกินไปที่จะทำไม่ได้
หากพูดคุยกันรู้เรื่องถือเป็นสิ่งที่ดี เมื่อถามว่าทหารจะเป็นตัวกลางเข้าไปเจรจาหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ทหารทำได้ทุกอย่างที่จะทำให้สถานการณ์สงบ ส่วนการประชุมของคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม(คตร.)เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการได้แจ้งว่า ตำรวจจะไม่เข้า ไปกระทำต่อผู้ชุมนุมในลักษณะที่ทำให้เกิดความรุนแรง
เมื่อถามว่าพันธมิตรต้องการให้กองทัพปฏิวัติ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า วิธีการดังกล่าวไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาได้ เกรงจะมีผลกระทบตามมามาก ขณะนี้ทหารออกมารักษาความสงบเรียบร้อยในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานจากการร้องขอของตำรวจ
เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรจะเกณฑ์คนเข้ามามากช่วงสุดสัปดาห์นี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การชุมนุมทำได้ โดยสันติปราศจากอาวุธ ปกติช่วงสุดสัปดาห์จะมีการชุมนุมทุกครั้ง ทั้งนี้ คณะกรรมการเห็นว่าหากประชาชนอยู่แต่ในพื้นที่ น่าจะดีกว่าเคลื่อนไหว ไม่เกิดการสุ่มเสี่ยงจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้ ซึ่งตำรวจจะประสานงานกับผู้ชุมนุมให้อยู่ในสถานที่ดีกว่า ส่วนที่หน่วยข่าวรายงานการก่อเหตุความวุ่นวายช่วงสุดสัปดาห์นี้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นการประเมินด้านการข่าวที่อ้างในที่ประชุม ซึ่งมี 2-3 หน่วยข่าวยืนยันและประมวลได้ว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น รวมทั้งมีการรายงานว่าจะเกิดเหตุเผาสถานที่ราชการ โดยที่ประชุมพูดกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้สถานการณ์เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแลสถานที่ของตัวเอง
อนุพงษ์ย้ำยืนข้างประชาชน
เมื่อถามว่าเหตุการณ์จะรุนแรงเหมือน 14 ตุลาคมหรือพฤษภาทมิฬหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เกิดขึ้นแน่นอน ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะใช้ความละมุนละม่อมดำเนินการกับประชาชน
และไม่มีการทำรุนแรง เป็นบาดแผลของประเทศชาติเหมือนในอดีต ยืนยันว่าไม่มี ส่วนที่มีข้อสงสัยเหตุผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ตำรวจต้องชี้แจงสาธารณชน ตนเชิญผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์มาช่วยดูแลส่วนนี้ และนำเสนอผลให้นายกฯว่าจะต้องมีการสอบสวน ซึ่งตำรวจคงดำเนินการอยู่ ส่วนนี้ต้องดูว่าเรื่องเป็นอย่าง ไร และดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
เมื่อถามว่า แก๊สน้ำตาทำให้แขนขาขาดหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไปพูดจะเป็นประเด็น เรามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการของตำรวจมาชี้แจง ซึ่งจะดูในส่วนนิติวิทยาศาสตร์ อยู่ในช่วงรอผลให้ผู้รับผิดชอบดูแลอยู่
เมื่อถามว่าเพื่อคลี่คลายสถานการณ์จะเสนอให้นายกฯตัดสินใจยุบสภาหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว ว่า ไม่ทราบ เราเป็นส่วนหนึ่งของคตร. หรือ เหล่าทัพทำงานในฐานะองค์กรของรัฐดูแลความสงบเรียบร้อย เรื่องทางการเมืองเป็นอย่างไรให้ส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณากันเอง ส่วนความแตกแยกในสังคมเชื่อมั่นว่าคนไทยสามารถรวมพลังสามัคคีได้ ถ้าตั้งสติกันให้ดี มั่นใจว่าในอนาคตนี้ต้องมีความสมัครสมานสามัคคีกัน ไม่มีปัญหาเรื่องความแตกแยก
เมื่อถามว่ากระแสข่าวเข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
มีรายงานเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบไปเอาข่าวจากไหน ยืนยันว่าไม่ได้เข้าพบประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนมีภารกิจตั้งแต่เช้า ไม่ได้เข้าพบท่าน ทั้งนี้ไม่ทราบว่าท่านจะให้ไปพบ และยังไม่มีการติดต่อมา เมื่อถามว่า นายกฯต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีความคิดเห็น