นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณี น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.
นำคนติดตามซึ่งไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเข้าไปร่วมประชุมแถลงนโยบายจนเกิดเหตุวุ่นวาย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า การพาบุคคลภายนอกเข้าไปนั่งประชุมถือเป็นความผิดถึงขั้นปลดออกจาก ส.ว. ซึ่ง ส.ส. ส.ว.ต่างทราบระเบียบนี้ดี ดังนั้น ต้องตั้งกรรมการสอบสวนจริยธรรมและความผิด เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบุคคลภายนอกก็เข้าไปไม่ได้ ถือเป็นครั้งแรกและสร้างความเสื่อมเสียให้สภา โดยพวกตนจะให้เกียรติ ส.ว.เสนอเรื่องตั้งกรรมการสอบสวนจริยธรรมก่อน หากไม่ดำเนินการ ส.ส.พรรคพลังประชาชนจะดำเนินการเอง การที่ น.ส.รสนาปฏิเสธไม่ทราบและบอกว่าคนของตนเองเข้ามาเพื่อปกป้องเพราะกลัวว่าจะถูก ส.ส.พรรคพลังประชาชนทำร้ายเป็นเพียงข้ออ้าง สภาเป็นสถานที่ปลอดภัยไม่มีใครทำร้ายใคร เจตนาที่แท้จริงของ น.ส.รสนา คือต้องการป่วน สำหรับสถานการณ์ชุมนุมหากหนักหนากว่านี้ก็ต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายชูวิทย์กล่าวต่อว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมประชุมแถลงนโยบายเราทราบมาก่อนแล้วว่าฝ่ายค้านทำงานร่วมกับพันธมิตร
วันนี้มาเรียกร้องให้ยุบสภาโดยอ้างว่าหมดความชอบธรรมแถลงนโยบายโดยไม่มีฝ่ายค้าน แต่ถามว่าเมื่อครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ แย่งตั้งรัฐบาลไปจากพรรคความหวังใหม่ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคขณะนั้นให้พวกตนลาออกหมด เหลือพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลพรรคเดียว ไม่มีฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ยังทำงานต่อได้ถึง 6 เดือนทำไมถึงชอบธรรม แต่การประชุมแถลงนโยบายของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี มีทั้ง ส.ว.และ ส.ส.เข้าประชุมแล้วทำไมถึงไม่ชอบธรรม
นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษ์ ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน กล่าวแสดงความมั่นใจว่านายสมชายจะไม่ประกาศยุบสภาอย่างแน่นอน
เพราะถ้ายุบสภา ส.ว.ก็จะมีอำนาจเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ซึ่งอย่าลืมว่ามี ส.ว.สรรหาที่เป็นคนของเผด็จการอยู่ถึง 74 คน จากทั้งหมด 150 คน จากนั้นทุกอย่างก็จะเข้าเกมที่เขาวางไว้คือสามารถควบคุมงานนิติบัญญัติได้ทั้งหมด ดังนั้น จะเห็นว่าวานนี้มีความพยายามสร้างสถานการณ์กดดันทุกอย่างเพื่อให้มีการยุบสภาแต่ก็ไม่เป็นไปตามแผน