"สมชาย"แจงทูต 67 ประเทศ รัฐบาลจะเดินหน้าทำงาน เร่งสร้างความเชื่อมั่น สร้างความสมานฉันท์ เชื่อผ่านมรสุมไปได้ ยันไทยยังเป็นเจ้าภาพถกสุดยอดอาเซียนเดือนธ.ค.
"สมชาย เพศประเสริฐ" เผยระหว่างขึ้นฮ. หนีม็อบไปด้วยกัน นายกฯยืนยันไม่ยุบสภา-ลาออก ทำความเข้าใจบิ๊กกองทัพถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีปฏิวัติ รมต.อุดมเดช ถามถ้ายุบสภาแล้วจะจบตรงไหน พธม.ต้องย้อนมองดูตัวเองด้วย "หมอประเวศ" จี้นายกฯ มีภาพนอมินี"แม้ว" ต้องลาออก เสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ให้สภาชุดนี้ทำงานต่อ 2 ปีก่อนเลือกตั้งใหม่ กลุ่ม 40 ส.ว. หนุนน.พ.ประเวศ คนกลาง จี้"นายกฯ ต้องลาออกหรือยุบสภาในทันทีก่อนสูญเสียครั้งใหญ่หลวง ผนึกส.ว.เรืองไกร ยื่นศาลรธน.วินิจฉัยนายกฯถือหุ้น ขัดมาตรา 48 พ่วงกรณีหุ้นลูกสาว-ชินณิชา ด้วย กกต.ประกาศรับรอง"อภิรักษ์" นั่งผู้ว่าฯกทม. แล้ว
นายกฯแจงทูตรัฐบาลเดินหน้าทำงาน
วันที่ 8 ต.ค. บรรยากาศที่หน้าบ้านพักของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ภายในหมู่บ้านเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ ถ.แจ้งวัฒนะ มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 40 นายรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตั้งแต่หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้านจนถึงหน้าบ้านพัก ขณะที่นายสมชาย พร้อมครอบครัวไม่ได้พักอยู่ในบ้านตั้งแต่คืนวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดหลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดล้อมรัฐสภา และจุดอื่นๆ นอกจากนี้ นายกฯ ได้เปลี่ยนรถที่เคยใช้ประจำทุกวันจากรถโฟล์ก ทะเบียน ฬล 9 มาเป็นรถเบนซ์ ทะเบียน ภต 777
เวลา 09.25 น. นายสมชาย เดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อร่วมหารือและพบปะกับคณะทูตานุทูตจาก 67 ประเทศ และหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ 7 องค์กร นายสมชาย กล่าวระหว่างหารือว่า รัฐบาลได้แถลงนโยบายเมื่อวันที่ 7 ต.ค. เรียบร้อยแล้ว แม้จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายจากกลุ่มคนบางกลุ่มที่พยายามขัดขวางไม่ให้มีการประชุมรัฐสภา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ทำให้สถานการณ์ดำเนินไปด้วยความราบรื่น รัฐบาลของตนจึงสามารถดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ต้องขอบคุณที่ทุกคนมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ขอย้ำว่ารัฐบาลจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อระบอบการเมืองไทย โดยยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามระบบรัฐสภา และหลักของกฎหมาย รัฐบาลจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยวิถีทางประชาธิปไตย สร้างความปรองดองสมานฉันท์และทำให้ประเทศไทยเป็นสังคมที่มีความเข้มแข็ง และสามารถผ่านมรสุมทางการเมืองไปได้ และในฐานะไทยเป็นประธานอาเซียนยืนยันว่าจะขอทำหน้าที่เจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้องในเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งการเตรียมการมีความคืบหน้าไปตามตารางเวลาที่กำหนดไว้
รีบกลับหวั่นพธม.ล้อมบัวแก้ว
ทันทีที่หารือกับคณะทูตเสร็จสิ้น นายกฯ รีบเดินทางออกจากกระทรวงการต่างประเทศทันที โดยไม่ได้อยู่ร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่กระทรวงการต่างประเทศจัดขึ้น เนื่องจากทางกลุ่มพันธมิตรประกาศบนเวทีว่าจะเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมกระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่กระทรวงได้รีบปิดประตูทางเข้าออกเพื่อเตรียมการป้องกัน ขณะที่บรรดาคณะทูตรีบทยอยเดินทางออกจากกระทรวงเช่นกัน
นายสมชาย กล่าวถึงการหารือกับคณะทูตว่า เป็น การเชิญล่วงหน้ามาหลายวันแล้ว ในฐานะที่ประเทศไทยมีนายกฯ คนใหม่ก็ต้องเชิญทูตมารับทราบ ถึงนโยบายในการทำงานและความร่วมมือระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นการกระชับมิตรให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ไม่ใช่เพิ่งมาเชิญในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. หลังการหารือทูตทุกประเทศเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถทำงานได้ ตนก็ได้บอกไปว่าเรายึดหลักกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 9 ต.ค. จะมีการประชุมครม. เนื่องจากมีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณาและดำเนินการ เช่น การมอบหมายงานในกรณีที่นายกฯไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ การแต่งตั้งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งต่างๆ เช่น เลขานุการรัฐมนตรี เป็นต้น เพราะขณะนี้นโยบายเริ่มใช้แล้วการทำงานจึงต้องเริ่มดำเนินการ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างไรท่ามกลางสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ นายสมชาย กล่าวว่า ตนพยายามจะทำงาน แต่มันก็มีเหตุที่เป็นอุปสรรคซึ่งเราคงหยุดทำงานไม่ได้
นอนที่ไหนไม่บอกขอเป็นความลับ
เวลา 19.40 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายกฯ สมชาย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการประชุมครม.นัดพิเศษในวันที่ 9 ต.ค. ว่า ไม่มีอะไรพิเศษ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนทั้งเรื่องแบ่งงาน งบประมาณที่ขณะนี้จำเป็นต้องช่วยเหลือน้ำท่วม ส่วนใหญ่เป็นงบฉุกเฉิน ที่ผ่านมายังไม่ได้แถลงนโยบายจึงไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อแถลงนโยบายเสร็จจะเดินหน้าทำงานต่อไป
เมื่อถามว่าที่เคยนัดว่าจะให้สัมภาษณ์สื่อทั้งไทยและต่างประเทศในวันศุกร์ที่ 10 ต.ค. ยังเหมือนเดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวเลี่ยงว่า มีหรือ เดี๋ยวจะดูเวลาก่อน ขอให้สื่อช่วยกันดูด้วย ที่ผ่านมาเคยจะให้สัมภาษณ์สัปดาห์ละครั้งแต่ทุกวันนี้ยังมีการติดตามกันอยู่
เมื่อถามว่าตกลงคืนนี้จะกลับไปนอนที่บ้านพักในหมู่บ้านเบเวอร์รี่ ฮิลล์ หรือไม่ นายสมชาย กล่าวติดตลกว่า บางอย่างต้องเป็นความลับบ้าง
พปช.ยัน"สมชาย"ไม่ยุบสภา-ลาออก
น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตรสาวนายกฯ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กรณีตำรวจสลายม็อบ ว่า ไม่ขอพูดเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อน คงไม่เหมาะที่ตนจะพูดเรื่องนี้ เมื่อถามว่าขณะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ หลบกลุ่มพันธมิตรออกจากรัฐสภาพร้อมนายสมชาย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ได้พูดให้กำลังใจนายกฯอย่างไรบ้าง น.ส.ชินณิชา กล่าวว่า ต้องขอโทษด้วย ไม่ขอพูดเรื่องนี้ ขอให้ไปถามส.ส.คนอื่นจะดีกว่า เมื่อถามว่าในฐานะส.ส.พรรคพลังประชาชน จะให้ความเห็นได้หรือไม่กับสถานการณ์เช่นนี้ น.ส.ชินณิชา กล่าวว่า ให้ไปถามส.ส.คนอื่นดีกว่า จากนั้นได้วางสายทันที
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ออกจากสภาพร้อมคณะของนายกฯ เปิดเผยว่านายสมชาย ไม่ได้หลบหนีกลุ่มพันธมิตรแต่เพราะมีภารกิจเข้าประชุมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่กองบัญชาการกองทัพไทยจึงต้องรีบไป ตนก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปด้วย นายกฯระบุว่าไม่อยากให้เกิดการปะทะเนื่องจากประตูทางออกถูกกลุ่มพันธมิตรปิดกั้นไว้ และเป็นห่วงใยทั้งข้าราชการในรัฐสภา ส.ส.และส.ว. รวมทั้งประชาชนที่มาร่วมชุมนุมว่าจะได้รับอันตราย
"นายกฯพูดคุยกับส.ส.และคณะที่นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปด้วยกัน โดยยืนยันชัดเจนว่าไม่คิดจะยุบสภาและลาออกแน่นอน เนื่องจากมีภารกิจสำคัญของบ้านเมือง เชื่อว่าสังคมจะเข้าใจรัฐบาล เนื่องจากพันธมิตรพยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง มีการใช้อาวุธ คณะส.ส.เสนอให้นายกฯเร่งตรวจสอบกรณีเกิดเหตุระเบิด มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตว่าสาเหตุมาจากอะไรกันแน่" พ.ต.ท.สมชาย กล่าว
รบ.ไม่ยุบ-ไม่ออก สมชายอึด ยันต่อหน้าทูต67ปท.
เมื่อถามว่านายกฯได้ประเมินสถานการณ์จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นหรือไม่ พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า ล่าสุด นายกฯได้คุยกับนายทหารระดับผู้ใหญ่ ทำความเข้าใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพเข้าใจรัฐบาลและห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะไม่มีปฏิวัติอย่างแน่นอน
อัดพันธมิตรจะยึด3อำนาจหลัก
นายอุดมเดช รัตนเสถียร รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ให้สัมภาษณ์กรณีตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ว่า ปัญหาคือธงจริงๆ ของผู้สั่งการให้เคลื่อนม็อบมาต้องการให้เกิดอะไรขึ้น เพราะพันธมิตรทราบดีว่ารัฐบาลต้องแถลงนโยบายที่รัฐสภาจึงสั่งมาขัดขวางไม่ให้ส.ส.เข้าประชุม เมื่อพูดคุยตกลงกันไม่ได้ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องหาวิธีการ อยากเรียนว่าวันที่ 7 ต.ค.ไม่ใช่การสลายม็อบ เป็นเพียงการหาทางเปิดช่องทางให้ส.ส.เข้าไปประชุมเพื่อแถลงนโยบาย ถ้าสลายม็อบต้องมีการตอบโต้ทุกพื้นรวมทั้งที่ทำเนียบด้วย ดังนั้น ต้องดูเจตนาผู้สั่งการม็อบด้วย ส่วนการดูแลคนเจ็บและเสียชีวิตรัฐบาลต้องหาทางเข้าไปดูแลอยู่แล้วเราไม่ปล่อยให้ดูแลกันเอง แต่ขณะนี้ผู้บาดเจ็บยังมีอารมณ์หากเข้าไปเยี่ยมคงไม่เหมาะ แต่รัฐบาลต้องดูแลประชาชนที่ได้รับความเสียหายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล นายอุดมเดช กล่าวว่า วันที่ 7 ต.ค. เพิ่งเริ่มกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ภายหลังถวายสัตย์ฯ แล้วต้องแถลงนโยบายภายใน 15 วัน รัฐบาลเพิ่งเริ่มดำเนินการทำตามนโยบายเท่านั้น มาวันนี้จะมาถามถึงเสถียรภาพแล้ว หลังแถลงนโยบายรัฐบาลจะได้ทำงานได้เต็มตัวแล้วจะให้ลาออกหรือยุบสภาแล้วหรือ การกระทบกระทั่งเพราะถูกจัดตั้งให้เกิดใช่หรือไม่ ต้องย้อนกลับมาคิดทำไมม็อบไม่ไปที่อื่น มาที่สภาทำไม กระบวนการบริหารถูกม็อบยึดทำเนียบแล้ว ยังพยายามมายึดกระบวนการนิติบัญญัติ หากยึดได้ไม่รู้จะหยุดหรือรุกคืบไปกระบวนการตุลาการต่อหรือไม่ เพราะม็อบไม่พอใจที่ฝ่ายตุลาการให้รื้อเวทีข้างโรงเรียนราชวินิตฯ มีการล่าชื่อถอดถอนตุลาการ 2 คน อนาคตหากไม่ไว้ใจตุลาการอีกคงรุกคืบถึงตุลาการเหมือนกัน
พปช.อัดปชป.ตั้งธงล้มโต๊ะเจรจา
เมื่อถามว่าพันธมิตรเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาแสดงความรับผิดชอบ นายอุดมเดช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ม็อบเรียกร้องว่าแม้ยุบสภา หรือนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ลาออกก็ไม่จบ วันนี้ให้ยุบสภาอีก ถามว่าจะจบตรงไหน วันนี้กระบวนการสภายังอยู่เพราะมีส.ส.อยู่ ปัญหาต้องสรุปให้ชัดก่อน การเรียกร้องไปเรื่อยๆ โดยไม่บอกจะจบตรงไหน รุกคืบให้คนอื่นมาแก้ปัญหาส่วนตัวเองไม่รู้จะช่วยแก้อย่างไรก็คงยุ่งอย่างนี้
รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า การแก้ปัญหาขณะนี้ต้องร่วมมือหลายฝ่าย การที่ประธานวุฒิสภายังคงให้มีการเจรจา 4 ฝ่าย ต้องขอบคุณประธานวุฒิสภาและองค์กรต่างๆ ที่ช่วยกันแก้ปัญหา ความเห็นแตกต่างกันได้แต่เสียงส่วนใหญ่เป็นอย่างไรต้องเคารพ ปัญหายังมีทางออกหากทุกคนแก้ไขโดยมีคนกลางไปพูดคุย ทุกคนต้องย้อนมองตัวเองด้วยอย่าแก้ปัญหาโดยคนอื่นเสียหมด ต้องมองตัวเองด้วยจะช่วยแก้อะไร ต้องถอยกันกี่ก้าว ทุกคนต้องช่วยกันหมด ส่วนคนกลางที่เหมาะสมก็แล้วแต่คนส่วนใหญ่จะยอมรับใคร
นายอุดมเดช กล่าวว่า ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมฟังการแถลงนโยบายและยุติการร่วมเจรจา คิดว่าต้องย้อนดูเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ม็อบเคลื่อนมาปิดสภาไม่ให้แถลงนโยบาย เมื่อฝ่ายบริหารพยายามเปิดทางให้ส.ส.เข้าไปแถลงได้ พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเข้าไปรับฟัง ธงของพรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจไม่เข้ามาร่วมอยู่แล้ว ม็อบมาปิดก็อ้างเข้าสภาไม่ได้ พอเปิดทางให้ก็อ้างว่ากระบวนการเปิดทางนั้นมีปัญหา ถามว่าคิดอะไรกันอยู่ ขอให้ย้อนดูพฤติกรรมทั้งหมดด้วย
"40ส.ว."จี้นายกฯออก-ยุบสภาในทันที
เวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. เปิดแถลงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา อ่านแถลงการณ์ว่า 1. กลุ่ม 40 ส.ว. ขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกคน และขอให้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย 2.ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่คุ้นเคยการรบในแนวชายแดนต้องออกจากพื้นที่กทม.โดยทันที 3.รัฐบาลต้องรับผิดชอบโดยการสอบสวนเอาผิดกับผู้สั่งการต่อการสลายการชุมนุม และต้องยุติการปฏิบัติการความรุนแรงโดยทันที
4.กลุ่มจะประมวลเหตุการณ์และหลักฐานทั้งหมดทั้ง ภาพ วีดิทัศน์ เอกสาร นำเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ ฮิวแมนไรท์ วอทช์ และเอกอัครราชทูตต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อให้เข้าใจต่อสถานการณ์ที่แท้จริง 5.กลุ่มจะตั้งกระทู้ด่วนต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้นายกฯมาตอบคำถาม และชี้แจงเหตุผลว่าใครเป็นคนสั่ง และ 6.คณะกรรมาธิ การตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ ของวุฒิสภา จะได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนต่อไป
นายประสาร กล่าวว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงที่ก้าวไกลจนถึงที่สุดของวิกฤต ที่ประชาชนทั่วประเทศไม่สามารถจะยอมรับได้ รัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือยุบสภาในทันที ไม่เช่นนั้นประเทศชาติและประชาชนจะประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในอดีต
ถก4ฝ่ายไม่มีประโยชน์แล้ว
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สำหรับการยื่นกระทู้ถามนายกฯ ขณะนี้ได้ทำการร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากมีการเปิดประชุมวุฒิสภา ทางกลุ่มจะยื่นกระทู้เพื่อให้บรรจุเป็นระเบียบวาระโดยทันที คาดว่าจะเป็นวันที่ 17 ต.ค.นี้ นอกจากนี้ ส.ว.กำลังประสานน.พ.ประเวศ เกี่ยวกับข้อเสนอของ 24 อธิการบดี ที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการเมือง และให้น.พ.ประเวศ เป็นประธาน
พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กระแสข่าวที่ระบุกลุ่ม 40 ส.ว. จะยื่นถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากทางรัฐบาลยังไม่ลาออกหรือยุบสภา ภายหลังจากการใช้ความรุนแรงนั้น ยืนยันทางกลุ่มจะไม่ยื่นให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่จะดำเนินการไปตามระเบียบของกฎหมายตามอำนาจที่ส.ว.สามารถทำได้ การถวายฏีกาเป็นสิทธิของประชาชนทั่วไปที่จะทำได้ ส่วนกรณีประธานวุฒิสภายังยืนยันจะหารือร่วม 4 ฝ่ายเพื่อหาทางออกจากทางตันการเมืองนั้น เดิมส.ว.มุ่งหวังว่า ตอนที่นายกฯรับตำแหน่งจะมุ่งแนวทางสมานฉันท์เป็นหลัก ซึ่งมีทิศทางดีเมื่อมีการหารือร่วม 4 ฝ่าย ต่อมาสถานการณ์เปลี่ยนไปเพราะมีการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ทำให้การหารือ 4 ฝ่ายสูญสิ้นประโยชน์ นายกฯจะต้องรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นใหญ่หลวงเกินกว่าที่จะรับได้
เมื่อถามว่าหากนายสมชาย ไม่ลาออกหรือไม่ยุบสภาทางกลุ่มจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.ร.อ. สุรศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้สื่อช่วยกันพิจารณาเรื่องนี้ และสื่อไปยังรัฐบาลว่าสมควรหรือยังที่จะลาออก ถ้ายังอ้างว่าเป็นวิถีประชาธิปไตยมาจากเสียงส่วนมาก วงจรนี้ก็จะไม่จบ เพราะที่กลุ่มพันธมิตรออกมาชุมนุมเหตุมาจากการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 นอกจากนี้ การประชุมรัฐสภาวันที่ 7 ต.ค. ถ้าไม่มีวาระซ่อนเร้นที่จะบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของน.พ.เหวง โตจิราการ กลุ่มพันธมิตรก็คงไม่ออกมาต่อต้าน เรื่องนี้จึงมีที่มาที่ไป ฉะนั้นต้องคำนึงถึงต้นเหตุของปัญหาก่อน การมาดูปลายเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. แล้วอ้างว่าประชาชนยั่วยุจนต้องโต้ตอบ คงไม่ใช่ การแก้ปัญหาด้วยการดูปลายเหตุเป็นหลัก ปัญหาก็คงไม่ยุติ เหตุที่เกิดขึ้นรัฐบาลได้จุดไฟเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ยุติเหตุการณ์ตรงนี้ตนเกรงว่าจะบานปลายเพราะเมื่อประชาชนไม่มีทางสู้ก็ลองคิดดูว่าฝ่ายผู้มีอำนาจจะทำอย่างไรต่อไป หากประชาชนไม่ร่วมมือกันบ้านเมืองก็จะกลายเป็นสงครามกลางเมืองจริงๆ
เตรียมยื่นศาลรธน.วินิจฉัยนายกฯถือหุ้น
นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงแนวทางการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ว่า ส.ว.คุยเรื่องนี้กันเล็กน้อย และเห็นว่ารัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกก่อน จากนั้นหากจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติจริงๆ ก็ต้องหารือกัน ตอนนี้นายกฯยังไม่แสดงความรับผิดชอบ แถมไม่สะทกสะท้าน ไม่ปริปากพูดถึงความสูญเสียชีวิตและการบาดเจ็บแม้แต่น้อยในการประชุมกับฝ่ายทหารเมื่อคืนวันที่ 7 ต.ค. ฉะนั้นแม้แต่การหารือร่วม 4 ฝ่าย ตอนนี้ยังเป็นไปได้ยากแล้ว
นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กล่าวว่า ภายใน 1- 2 วันนี้ กลุ่ม 40 ส.ว. จะร่วมกันลงชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ถือหุ้นบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ ซึ่งทำสัมปทานกับรัฐ(กสท.) ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 48 หรือไม่ ซึ่งจะยื่นพ่วงกรณีน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ บุตรสาวนายกฯ กรณีถือหุ้น บริษัทเอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่าขัดรัฐธรรมนูญตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นไปก่อนหน้านี้หรือไม่ วันที่ 9 ต.ค. เวลา 13.00 น. ตนพร้อมนายเรืองไกร จะไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ มั่นใจว่าเมื่อศาลรัฐธรรม นูญตีความ นายกฯ คงหนีไม่พ้นแน่ และสิ่งที่สะท้อนถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนคือ การรีบแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอย่างรีบเร่งลุกลี้ลุกลน
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลลาออกก็ต้องตั้งรัฐบาลใหม่ อาจมีการจับขั้วใหม่ก็ว่าไป ส่วนเรื่องรัฐบาลแห่งชาติจะมาเป็นรัฐบาลกันทุกพรรคคงไม่ได้เพราะต้องมีฝ่ายตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นจะขัดรัฐธรรมนูญ จากสถานการณ์ความรุน แรงที่เกิดขึ้นภายในวันนี้หรืออย่างช้าวันที่ 9 ต.ค. กลุ่มจะยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้คุ้มครองฉุกเฉินชั่วคราว เพื่อห้ามไม่ให้รัฐบาลใช้มาตรการ ความรุนแรงแก่ผู้ชุมนุมอีก
"ประเวศ"จี้นายกฯออก-ค้านยุบสภา
ที่ห้องประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนัก งานใหญ่ น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ให้สัม ภาษณ์ว่า จากเหตุปะทะกันเมื่อวันที่ 7 ต.ค.จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตนเห็นใจทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นพันธมิตร แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตำรวจ แม้แต่นายกฯ ส่วนทางออกในการแก้ปัญหาความรุนแรงมี 5 ข้อ คือ 1.ควรระงับความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้น ทหารควรเข้ามาระงับเหตุโดยไม่มีอาวุธและเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายแต่ห้ามทำรัฐ ประหาร 2. ต้องหาความจริงเพราะการยิงแก๊สน้ำตาแล้วขาขาดนั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องมาดูว่าใครโยนลูกระเบิด ต้องหาความจริงซึ่งมันมีกระบวนการ ถ้าตำรวจหรือรัฐบาลทำผิดถือเป็นเรื่องใหญ่ ขอเสนอให้สภาทนายความมาทำหน้าที่ตรวจสอบหาความจริง
3.กระบวนการทางการเมืองต้องใช้ระบบรัฐสภาให้มากที่สุด ขณะนี้นายกฯ ขาดความเป็นเอกภาพในการแก้ปัญหา 4.ปฏิรูปการเมือง เพราะปัญหาวิกฤตรุนแรงเกิดจากการเมืองพิการ จึงต้องหารือเอาคนที่ดีที่สุดมา ส่วนนายสมชาย ไม่มีสิทธิ์จะทำตรงนี้แล้ว เพราะคนที่อยู่นอกประเทศอาจมากำหนดและก่อให้เกิดความพิการมากขึ้น ซึ่งเห็นว่าขณะนี้ไม่ควรยุบสภา ไม่ควรเลือกตั้งใหม่ควรใช้สภาชุดนี้ก่อนสัก 2 ปี สภาชุดนี้ผ่านความเจ็บปวดมาแล้วมาทำการเมืองใหม่ ใช้มโนสำนึกของแต่ละคนมีวิจารณญาณที่ดีก็แก้ได้ และไม่ควรมีรัฐบาลหรือฝ่ายค้านแต่ทุกคนมาร่วมกันช่วยกัน ส่วนนายกฯจะเป็นคนในหรือคนนอกตนไม่ทราบ แต่ต้องเป็นคนเหมาะสมและมีความสามารถเป็นผู้นำแก้วิกฤตชาติได้
ย้ำทางออกตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
"ผมสงสารนายสมชาย ไม่รู้ว่านายสมชายจริงๆ อยากเป็นนายกฯหรือไม่ เขาไม่ชำนาญการเมือง เป็นข้าราชการมาตลอดชีวิตและปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้เป็นคนของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ บางเรื่องเขาพูดได้แต่ทำไม่ได้ การเมืองจึงพิการแบบนี้ และถ้ามันวิกฤตสุดๆ ผมเห็นว่าควรตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้น ทุกฝ่ายต้องสลายกลุ่ม" น.พ. ประเวศ กล่าว
น.พ.ประเวศ กล่าวว่า 5.การเจรจาหาทางออกร่วมกัน เห็นว่าสถาบันพระปกเกล้า รัฐสภา ซึ่งถือเป็นเครื่องมืออย่างดีในการส่งเสริมประชาธิปไตยด้วยสันติวิธี แต่ก่อนเจรจา นายสมชาย ซึ่งเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งต้องลาออก เหมือนต่างประเทศมีปัญหาเกิดขึ้น นายกฯจะแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกเพื่อลดความตึงเครียด นายกฯสำคัญที่สุด ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการพูดว่าเสียใจ ขอโทษ หรือขอแสดงความรับผิดชอบ จะผิดหรือไม่ผิดไม่ทราบแต่เมื่อเป็นนายกฯ รักษาความสงบ หากแสดงความรับผิดชอบมันจะคลี่คลายได้มาก และการลาออกจะเป็นโอกาสทำให้หลุดจากวิกฤตและมีความสุขมากขึ้น คนทั้งประเทศจะเห็นใจด้วย ขอฝากไว้
น.พ.ประเวศ กล่าวว่า ส่วนคนที่จะเจรจาเห็นว่านายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา แม้จะเจรจาตอนแรกไม่ได้ผล ตนอยากให้เจรจาไปเรื่อยๆ เพราะเป็นคนกลางที่สุด ไม่สังกัดพรรคใด การเจรจาครั้งนี้ต้องมีผู้ช่วยไม่ใช่ไปเจรจาคนเดียว ผู้ช่วยควรเป็น น.พ.วันชัย วัฒนศัพท์ ผอ.ศูนย์สันติวิธี สถาบัน พระปกเกล้า ซึ่งมีความชำนาญเรื่องสันติวิธีเข้ามาช่วย
ประธานส.ว.หนุน"ประเวศ"คนกลาง
ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา แถลงถึงการหาทางออกร่วม 4 ฝ่ายเพื่อแก้วิกฤตบ้านเมือง ว่า มีการนัดหมายหารือในวันที่ 20 ต.ค. ถึงตอนนั้นสถานการณ์บ้านเมืองอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว การหาทางออกร่วมกัน 4 ฝ่าย เป็นมาตรการหนึ่งเพื่อหาทางยุติความขัดแย้ง แต่ตนยังไม่ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะร่วมหารือต่อไปหรือไม่ คิดว่าน่าจะร่วมต่อไปเพราะอย่างน้อยสามารถนำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสาธารณะและเสนอความเห็น วิพากษ์วิจารณ์องค์ประกอบของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. 3 ส่วนที่ผู้นำฝ่ายค้านประกาศถอนตัวนั้นก็มีผลบ้าง แต่คิดว่าถ้าไม่หาช่องทางเยียวยาแล้วจะปล่อยเรื่องไปตามยถากรรมคงไม่ได้
เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรปฏิเสธร่วมหาทางออกกับรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรม จะทำให้สถานการณ์ความรุนแรงซ้ำรอยหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวว่า การร่วมกันหาทาง ออก 4 ฝ่าย ทำให้ได้ความเห็นจากทุกฝ่าย นายกฯก็ให้ความเห็นว่าจะสร้างความสงบได้อย่างไร ดีกว่าจะปล่อยให้รัฐบาลทำคนเดียว มาพูดจากันจะได้ประ โยชน์มากกว่า ส่วนที่หลายฝ่ายเสนอทางออกให้รัฐบาลยุบสภา เป็นเรื่องของรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภาไปก้าวล่วงไม่ได้ เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต้องมีการรับผิดชอบ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเยียวยา
ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ทางออกของสถาน การณ์คือต้องใช้วิธีการที่นุ่มนวลและทุกฝ่ายยอมรับได้ ตนคิดว่าต้องเจรจา วันนี้ผู้ใหญ่ในประเทศที่ทุกฝ่ายยอมรับยังมีมาก คิดว่ายังเจรจากันได้ อย่าทิ้งการเจรจาไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะจบด้วยดีไม่ได้ ส่วนที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ลาออก ก็ต้องหาคนใหม่ที่คนยอมรับได้ ข้อเสนอของ 24 อธิการบดีที่ให้น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส มาเป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมืองการปกครอง และประสานทุกฝ่ายในสังคมนั้นคิดว่าเหมาะสม และเชื่อว่าน.พ.ประเวศ คงยังไม่ได้ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เหตุการณ์ไม่ปกติ-งดถกรัฐสภาชั่วคราว
เมื่อถามว่าการหารือ 4 ฝ่ายให้ตั้งส.ส.ร.3 แต่ยังมีร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการ ประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) บรรจุในวาระการประชุมรัฐสภา ทำให้มีผู้ชุมนุมประท้วงจนเกิดการสลายการชุมนุม นายประสพสุข กล่าวว่า ขณะนี้ส.ส.ร.3 ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วจะบอกว่าใช้ไม่ได้ ได้อย่างไร การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีทั้งคนสนับสนุนและคนคัดค้าน การมี ส.ส.ร.3 เพื่อมาดูว่าถ้าจะแก้มีเหตุผลอะไรและควรแก้อย่างไร หรือถ้าไม่แก้มีเหตุผลอะไร หากไม่แก้ก็ไม่แก้ ข้อเสนอนี้อย่างน้อยทำให้มีช่องทางที่ประชาชนทุกฝ่ายจะมาพูดคุยกันได้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่มีทางออก ส.ว.พยายามคุยกันเพื่อหาทางออก ส่วนที่ 40 ส.ว.เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกถือเป็นเอกสิทธิ์ในระบอบประชาธิปไตย เห็นต่างกันได้แต่ไม่ใช่แตกแยก
เมื่อถามว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลที่มีหลายฝ่ายเห็นว่าไม่ชอบธรรมเนื่องจากฝ่ายค้านและ ส.ว.จำนวนมากไม่เข้าร่วม นายประสพสุข กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย หากฝ่ายค้านไม่ร่วมเป็นเอกสิทธิ์ แต่เมื่อมีสมาชิกมาร่วมครบองค์ประชุมการแถลงดังกล่าวถือว่าใช้ได้ในทางกฎหมาย แต่ทางการเมืองไม่ขอวิจารณ์ ส่วนการประชุมรัฐสภานัดหน้าช่วงนี้คงไม่มีประชุมเนื่องจากสถานการณ์คุกรุ่น ส่วนวาระที่ค้างคือการพิจารณากรอบข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา และร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของคปพร. ไม่ใช่เรื่องด่วน คงไม่มีประชุมเร็วๆ นี้
ปชป.เบรกส.ส.ขนม็อบไล่รัฐบาล
รายงานข่าวเผยว่า การประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. หลังเหตุการณ์สลายการม็อบนั้น ก่อนที่พรรคจะได้ข้อสรุปว่าไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารและจี้ให้นายสมชาย ลาออกหรือไม่ก็ยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบนั้น มีส.ส.หลายคน เสนอให้ส.ส.ของพรรคลาออกจากความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกดดันให้นายสมชาย ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งมีสมาชิกในที่ประชุมหลายคนคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่าวิธีการดังกล่าวไม่สามารถกดดันรัฐบาลได้ แต่อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง เนื่องจากไม่มีฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร
นอกจากนี้ มีสมาชิกบางคนเสนอให้พรรคจัดตั้งม็อบขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล โดยเสนอให้ส.ส.แต่ละจังหวัดจัดชาวบ้านมาร่วมการชุมนุม เพื่อลดกระแสความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตร ซึ่งส.ส.ส่วนใหญ่เห็นว่าวิธีนี้ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาแต่จะยิ่งเพิ่มเชื้อไฟให้สถานการณ์ และเห็นว่าพรรคคงไม่มีศักยภาพมากพอที่จะจัดตั้งม็อบขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลได้
อ้างไม่ประชุมรัฐสภาทำเพื่อประชาชน
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อรัฐสภา องค์ประกอบของสมาชิกในรัฐสภาไม่มีสมาชิกพรรคฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกบางส่วน จึงเปรียบเสมือนเป็นสภาเถื่อน มีการอภิปรายใส่ร้ายสมาชิกที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ปรบมือเมื่อแสดงความพอใจ โห่ฮาแบบป่าเถื่อน รวมถึงสมาชิกบางส่วนล้อมกรอบน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. เยี่ยงหมาป่ากับลูกแกะ นายกฯซึ่งเป็นผู้แถลงนโยบายก็เกิดอาการลุกลี้ลุกลนอ่านคำแถลงต่อสภา ขาดความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำประเทศ เดินเข้าสภาโดยฝ่ากองเลือดของประชาชนแล้วหนีออกจากสภาโดยการปีนรั้วหนีอย่างสุดชีวิต หอบหิ้วเฉพาะลูกสาวตัวเองขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วทิ้งลูกพรรคตัวเองไว้เผชิญชะตากรรมในสภาท่ามกลางการปิดล้อมของกลุ่มพันธมิตร ทำให้ภาพปรากฏว่ารัฐมนตรีและส.ส.รัฐบาล ต้องหนีเอาชีวิตรอดอย่างโกลาหล ทุรนทุราย สุดท้ายตำรวจต้องต้อนขึ้นรถบัสพาหนีออกจากรัฐสภาอย่างเชลยศึก หมดสภาพความเป็นส.ส.ผู้ทรงเกียรติ
นายเทพไท กล่าวว่า การตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภาของพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.พรรคทุกคนได้ทำหนังสือลาการประชุมต่อประธานรัฐสภาอย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่าไม่สามารถร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลมือเปื้อนเลือด เข่นฆ่าประชาชนเพื่อไปสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองได้ ส่วนที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เรียกร้องความรับผิดชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เข้าร่วมประชุม ขอชี้แจงว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมเมื่อเห็นว่ารัฐบาลไม่มีเหตุผลเพียงพอจะเปิดประชุมรัฐสภา เพียงแต่เป็นความกระเหี้ยนกระหือรือของรัฐบาลที่จะให้การอภิปรายนโยบายเสร็จสิ้นโดยเร็ว ไม่คำนึงถึงความชอบธรรมและความสง่างามทางการเมือง การตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมจึงอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน
อัด"ณัฐวุฒิ"โฆษกรบ.จะยิ่งรุนแรง
นายเทพไท กล่าวว่า แม้ก่อนเปิดประชุม นายบรรหาร ได้โทรศัพท์สายตรงมายังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อชักชวนให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมประชุม แต่มติพรรคชัดเจนว่าไม่สามารถเข้าร่วมประชุมขณะที่ประชาชนถูกทำร้ายบาดเจ็บล้มตายด้วยฝีมือรัฐบาล อยากถามนายบรรหาร วันที่ 15 ก.ย.ที่มีการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งพรรคพลังประชาชนเสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช แล้วพรรคร่วมรัฐบาลไม่เข้าร่วมประชุมรวมถึงนายบรรหารด้วย นายบรรหาร มีความรับผิดชอบและจะตอบคำถามนี้กับประชาชนอย่างไร เพราะการไม่เข้าประชุมวันนั้นเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ตกลงตำแหน่งกันไม่ได้ หักหลังกันเอง การเข้าร่วมประชุมรัฐสภาของนายบรรหาร ในวันที่ 7 ต.ค. เพื่อให้รัฐบาลมีความชอบธรรมจะนำงบประ มาณไปบริหารประเทศ คนเหล่านี้ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองที่จะเอางบประมาณไปใช้จ่ายในโครงการที่ตรียมการเอาไว้ จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่าบุคคลเหล่านี้กำลังถูกผีป่าเข้าสิง กำลังจ้องมองงบประมาณอย่างตาเป็นมัน
นายเทพไท กล่าวว่า เรื่องนี้นายกฯต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว แต่กลับมาแถลงข่าวอย่างเลือดเย็น โดยมีผบ.ทบ. ผบ.สส.เป็นวอลล์เปเปอร์ขนาบซ้ายขวา เนื้อหาการแถลงข่าวไม่มีแม้แต่คำขอโทษและความเสียใจจากปากของนายกฯ และการที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง คงไม่เพียงพอสำหรับความรับผิดชอบ รัฐบาลไม่ควรให้พล.อ. ชวลิต เป็นเหยื่อของสถานการณ์โดยตัดตอนความรับผิดชอบออกจากตัวเอง
เมื่อถามว่าคิดว่าท่าทีของพันธมิตรต่อไปจากนี้จะเป็นอย่างไรเพราะนายกฯ ประกาศว่าไม่ลาออก ไม่ยุบสภา นายเทพไทกล่าวว่า วันนี้ท่าทีของตัวนายกฯและรัฐบาลแข็งกร้าวที่จะไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ไม่ขอโทษ จึงเกรงว่าความรุนแรงจะยังมีต่อไป ยิ่งการตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันและสร้างภาพอย่างแต่ทำอีกอย่าง ปากบอกว่าสมานฉันท์ เข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่ให้บำเหน็จคนที่นำมวลชนบุกหน้าบ้านพล.อ.เปรม อย่างนี้เกิดความสมานฉันท์ได้อย่างไร
มฌ.ตั้งพรรคใหม่"ภูมิใจไทย"
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลเพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีตำรวจสลายการชุมนุม ว่า พรรคจะถอนตัวไปเพื่ออะไร รัฐบาลทำอะไรผิด การปะทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มพันธมิตร รัฐบาลไม่ได้สั่งการ การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเหมือนการทะเลาะกัน ต้องมีเจ็บกันทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเรื่องปกติ ถ้าถามว่าใครเป็นต้นเหตุพันธมิตรมาปิดรัฐสภาเพื่อขัดขวางการประชุม ซึ่งตำรวจต้องสลายม็อบเนื่องจากต้องทำตามหน้าที่ อยากตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ถูกลูกกระสุนปืน ขณะที่พันธมิตรที่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่น่าเกิดจากตำรวจเสียทั้งหมด เพราะตำรวจใช้เพียงโล่กับแก๊สน้ำตา ถ้าแก๊สน้ำตาทำให้คนขาขาดป่านนี้ผู้ชุมนุมน่าจะร่างกายฉีกขาดไปหมดแล้ว
รายงานข่าวจากพรรคมัชฌิมาธิปไตย เผยว่า นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาฯ เตรียมความพร้อมจัดตั้งพรรคใหม่หากพรรคมัชฌิมาฯต้องถูกยุบแล้ว พร้อมทั้งประสานหารือกับส.ส.ในพรรคด้วยตัวเอง เพื่อให้ความคิดของสมาชิกและส.ส.เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นางอนงค์วรรณ ยอมรับว่า ส.ส.พรรคแตกกลุ่มกันจริง แต่มีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นที่มีความคิดแตกแยกกว่าส.ส.คนอื่น หากพรรคถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคจริง นางอนงค์วรรณและพ.ต.ท.บรรยิน จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง เชื่อว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคมัชฌิมาฯ จะผลักดันให้นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส. ปราจีนบุรี เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเป็นคนสนิทที่นายสมศักดิ์ไว้ใจ
รายงานข่าวเผยว่า จากการที่ประธานคณะกรรม การประสานงานส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะลดกรรมการวิปในโควตาของพรรคมัชฌิมาฯ จากเดิม 2 คนให้เหลือเพียงคนเดียว โดยให้เหตุผลว่าพ.ต.ต.นุกูล แสงศิริ ส.ส.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นกรรมการขาดประชุมบ่อยครั้ง พรรคมอบให้นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท เลขาธิการพรรคไปเจรจากับนายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิป เพื่อคงโควตากรรมการวิปในส่วนพรรคมัชฌิมาฯ โดยจะส่งนางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ เป็นวิปรัฐบาลแทนพ.ต.ต.นุกูล
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday