ผู้สื่อข่าวรานงานเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในข้อหาดูหมิ่นเบื้องสูง
หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้อง และให้นัดหมายผู้ต้องหาให้มาพบ เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนส่งพนักงานอัยการ แต่ผู้ต้องหากลับขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน อ้างว่าติดภารกิจ พนักงานสอบสวนจึงได้ส่งหมายเรียกตัวนายจักรภพเป็นครั้งที่สอง ให้มาพบที่กองปราบฯและส่งตัวให้พนักงานอัยการ ในเวลา 09.00 น. วันเดียวกันนี้ ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดหมาย นายจักรภพไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก อ้างเหตุผลว่ายังติดภารกิจสำคัญ ไม่สามารถมารายงานตัวต่อตามหมายเรียกได้ ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงรายงานให้ผู้บังคับ บัญชาทราบ เพื่อหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายจักรภพได้ยื่นคำร้อง ขอให้สอบปากคำพยานในคดีดูหมิ่นเบื้องสูงเพิ่มเติม ต่อคณะกรรมการคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่มี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน โดยคณะกรรมการฯได้พิจารณานาน 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ชาญ วัฒนธรรม ผบก.คด. แถลงสรุปผลประชุมว่า ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นอำนาจหน้าที่ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ โดยจะเสนอ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ในวันที่ 26 ก.ย.ว่า ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามกฎหมายคือ การรวบรวมพยานหลักฐานฝ่ายผู้ต้องหาและฝ่ายต่างๆ ตามป.วิอาญามาตรา 131-134 ส่วนเรื่องการสอบสวนไม่ได้ชี้ชัดว่าให้สอบปากคำเพิ่มหรือไม่ แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า สตช.เคยไม่ให้ผู้ต้องหายื่นขอสอบปากคำเพิ่มเติมในคดีกุหลาบแก้ว พล.ต.ต.ชาญตอบว่า ระหว่างสองคดีต้องหารือว่าจะเป็นมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ อาจต้องยื่นกฤษฎีกาตีความหรือมีดุลพินิจเองได้ แต่คงใช้ เวลาไม่นานเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก สตช. กล่าวว่า พนักงานสอบสวนยอมรับสิทธิของผู้ต้องหา
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการประวิงเวลาการสอบสวน พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ ได้ระดมคณะพนักงานสอบสวนเตรียมสอบปากคำพยาน ตามที่ผู้ต้องหาร้องขอสอบพยานอีก 18 ปาก โดยนัดหมายให้นำพยานเข้ามาสอบปากคำให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า