ภายหลังจากที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายยูซุฟ คาลลา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย รับหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับตัวแทนชาวมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ย. เพื่อคลี่คลายสถานการณ์รุนแรงในภาคใต้ของไทย ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองโบกอร์ ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางใต้ประมาณ 50 กม. โดยตัวแทนฝ่ายรัฐบาลไทยคือ พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อีกฝ่ายคือ ชาวมุสลิมที่เป็นตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ขัดแย้งทางภาคใต้ของไทย และยังมีเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย รวมถึงนักวิเคราะห์การเมือง เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการเจรจาครั้งนี้ด้วย ส่วนการเจรจารอบต่อไปจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้นั้น
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจชาติพัฒนา ระบุว่า ตนไม่ได้ตามรายละเอียดเรื่องดังกล่าว
หากมีการเจรจาจริง ก็อาจมีส่วนช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้บ้าง ส่วนที่มีรองประธานาธิบดีอินโดนีเซียร่วมเจรจา ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เนื่องจากเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรมากที่สุด เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่อินโดนีเซียต้องวิตกเป็นธรรมดา ทั้งนี้ ปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ของไทย มีหลายปัจจัย ไม่ใช่เรื่องแบ่งแยกดินแดนอย่างเดียว ที่สำคัญคือเรื่องผลประโยชน์ การเจรจาครั้งนี้ มองว่า เป็นความพยายาม แม้อาจจะไม่ได้ทั้งหมด ได้มาเป็นบางกลุ่ม ก็มีผลพอสมควร สถานการณ์จะค่อยๆ คลี่คลายไป
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาปฏิเสธว่า รัฐบาลไม่ได้ส่งตัวแทนไปเจรจาที่อินโดนีเซีย พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ไม่สงบที่ภาคใต้เป็นกิจการภายในประเทศ รัฐบาลไม่คิดจะเจรจากับกองกำลังก่อความไม่สงบใดๆ แม้แต่กลุ่มเดียว
เชษฐาชี้หากไทยเจรจาอิเหนาดับไฟใต้อาจคลี่คลายลง
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เชษฐาชี้หากไทยเจรจาอิเหนาดับไฟใต้อาจคลี่คลายลง