กลุ่มอีสานพัฒนา หวั่นบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ไม่เอา"สมัคร"เป็นนายกฯรอบสอง "ไพจิต” ระบุ พปช.เสนอชื่อ“สมัคร”นายกฯ ไม่ใช่มติพรรค ย้ำต้องประชุมกันก่อนโหวต
(10ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังนายสมัคร สุนทรเวช ถูกศาลรธน.ลงมติให้พ้นจากพ้นความเป็นรัฐมนตรีกรณีจัดรายการชิมไปบ่นไป ตลอดช่วงเช้าได้มีควาเคลื่อนไหว อย่างคึกคักในส่วนของสส.พรรคพลังประชาชนแต่ละกลุ่มที่ มีการนัดหารือภายในกลุ่มคาดหารือ เพื่อหาข้อรุปในการแสดงจุดยืน่าจะสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯต่อหรือไม่ โดยส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนานำโดยนายศักดา กงเพชร นายไพจิต ศรีวรขาน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ และนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ซึ่งเสนอแย้งในที่ประชุมว่าไม่ควรสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯเนื่องจากปัญหาจะไม่จบ
นายศักดา กล่าวว่า ช่วงเที่ยงก่อนการปะชุมสภาจะนัดหารือภายในกลุ่มโดยได้นัดหารือที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้รัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนในการเลือกนายกฯคนใหม่
โดยเบื้องต้นไม่เห้นด้วยกับการเสนอนายสมัครเป็นนายกฯและไม่เห็นด้วยกับการที่สส.กลุ่มเพื่อนเนวิน อ้างว่าเป็นมติของพรรคจะสนับสนุนนายสมัครต่อ โดยเราเห็นว่าควรรอฟังท่าทีพรรคร่วมและหากพรรคร่วมเห็นไปในทิศทางใด กลุ่มอีสานพัฒนาก็จะสนับสนุน
ผู้สื่อข่ายรายงานว่าสส.ภาคเหนือ จะนัดหารือที่รร.ปริ๊นพาเช ช่วงเที่ยงในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ด้านนายไพจิต ศรีวรขาร รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา พรรคพลังประชาชน กล่าวยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ต้องดูว่าจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันได้หรือไม่ เพราะเราต้องฟังเสียงประชาชนด้วยว่าจะมีความเห็นอย่างไร และการที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเคลื่อนไหวขณะนี้ ก็ถือเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองอย่างหนึ่ง แต่ยอมรับว่าการที่ ส.ส.จะเดินหน้าหรือถอยหลังบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะต้องดูว่าอยู่ฝั่งไหนแล้วจะได้เป็นส.ส.หรืออยู่ฝั่งไหนแล้วจะสอบตก
ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคพลังประชาชนออกมาแถลงว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอชื่อนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเพียงแค่เสียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่มติของพรรคทั้งหมด
เพราะในช่วงที่มีการประชุมส.ส.ของพรรค ส.ส.ได้เข้าร่วมประชุมกันครบจริง แต่เมื่อถึงช่วงที่ศาลวินิจฉัยแล้วก็เหลือ ส.ส.เพียงเล็กน้อย ดังนั้นคงจะต้องมีการประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่าจะเสนอชื่อใคร ก่อนการประชุมสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้แต่ละกลุ่มในพรรคก็คงกำลังพูดคุยกันอยู่ รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ต้องขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังจะสนับสนุนคนของพรรคพลังประชาชนให้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะไม่ว่าจะเสนอใครขึ้นมาก็ไม่ถูกใจคนทั้งหมดอยู่แล้ว แต่หากไม่ใช่นายสมัคร ก็จะเสนอชื่อคนที่ 6 พรรคพอใจ เพื่อลดแรงเสียดทานทางการเมือง และให้งานของสภาเดินไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะต้องสามารถลดข้อขัดแย้งในสังคมได้
เพื่อเป็นหนทางที่จะทำให้บ้านเมืองเดินไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าหากนายสมัครกลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกก็ยังจะมีแรงเสียดทานจากสังคมอยู่ แต่ก็เชื่อว่าไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็จะมีทางออกให้กับบ้านเมืองได้