ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 กันยายน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กล่าวผ่านรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเอ็นบีที และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ว่า จะต้องเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นถึงสถานการณ์ทางการเมืองเกิดเหตุปะทะกัน มีคนถูกยิงตายไป 1 คน บาดเจ็บ 43 คน ก็ต้องออกจากบ้านมาประชุมเรียกแม่ทัพนายกองที่รับผิดชอบกันมานั่งประชุมตั้งแต่ตีสองถึงตีสี่ ดูและฟังรายงานตลอดหมดก็บอกว่าอย่างนี้คงจะเป็นปัญหา ตำรวจแจ้งมาทางทหาร ก็อนุญาตให้ไป พอเสร็จแล้วก็มาประชุมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน นโยบายไม่ให้กระทบกระเทือนความเป็นอยู่ การทำมาหากินของประชาชน เรื่องการท่องเที่ยว ตีห้าร่างเสร็จ เซ็นชื่อหกโมงกว่าก็ส่งไปกรมประชาสัมพันธ์
นายสมัครกล่าวต่อไปว่า ผู้คนทั่วไปคงคุ้นเคยกับภาวะฉุกเฉิน พอประกาศแปลว่าเหมือนกับว่าทหารเอาปืนใส่มือให้
ถ้าใครไม่นั่นต้องยิงเป็นทำนองอย่างนั้น จึงต้องอธิบายความเก้าโมงเช้าว่าจำเป็น พอตกบ่าย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงให้ฟัง แต่ถามกันรุนแรงมาก ผบ.ทบ.เป็นคนที่ไม่ได้ฝึกซ้อมเรื่องพรรค์นี้ไว้ พูดจาเหมือนกับหลบๆ หลีกๆ สุดท้ายก็เข้าใจว่า เรื่องนี้จะปฏิบัติการทันทีอย่างที่เคยทำคงไม่ได้ ก็กลายเป็นผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ นี่ทหารไม่อยู่ในคำสั่งของรัฐบาลหรือ
"ข้างนอกบอกว่าทหารไม่เล่นกับรัฐบาลแล้ว ทหารไม่เล่นด้วย ผบ.ทบ.บอกว่า อยากจะอยู่ตรงกลางช่วยแก้ไขสถานการณ์ ทำไมคนเป็นรัฐบาลอย่างผมฟังได้ แต่สื่อฟังแล้วบอกไม่ได้เลย ทหารต้องเข้าข้างรัฐบาล แต่อีกใจคิดว่าให้ปืนเขาไป เขาจะเหน็บไว้ก่อน ไม่เป็นไร ก็ต้องดูแล้วจะทำยังไง เขาต้องจัดการแก้ไข นี่หัวหน้ารัฐบาลเข้าใจ แต่ไปพาดหัวทหารไม่ยอมนั่น พอรุ่งขึ้นปั๊บแล้วยังไง สมัครรวบอำนาจแล้ว ไม่ฟังอีล้าค่าอีลม หมายความว่าพอ พล.อ.อนุพงษ์ไม่ยอมเล่นด้วย เลยเอาอำนาจมาไว้ ปล่อยข่าวจะปลด ผบ.ทบ. จะอะไรต่ออะไร สุดแต่จะนั่นกัน ประเดี๋ยวองคมนตรีไปขอเฝ้าฯ นายสมัครเข้าเฝ้าฯ ผมไม่ได้ไปเฝ้าฯ องคมนตรีเขาไปเฝ้าฯ ก็เป็นเรื่องขององคมนตรีท่าน แล้วเป็นธรรมเนียม เมื่อคนระดับประธานองคมนตรีนั่งเครื่องบินกลับมาสนามบิน ธรรมดาผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) จะต้องเป็นผู้ไปรับ นายกฯไปก็ไปรับไปส่ง ก็ชวน ผบ.ทั้งหลายไปรับ ออกข่าวกันเลย ประธานองคมนตรีกลับจากเฝ้าฯ เรียก ผบ.ทบ.เหล่าทัพเข้าประชุม ประชุมกันก็ไม่มีเรื่องอะไร" นายกฯกล่าว
สมัครไปยูเอ็น25ก.ย.ไม่กลัวโดนปฏิวัติ ยอมรับเมียพาหลานหนีม็อบ
นายสมัคร กล่าวต่อไปว่า คนในประเทศมี 63 ล้านคน คนจะกี่หมื่นก็ตามอยู่ในทำเนียบรัฐบาล
สหภาพแรงงาน 90% เป็นคนธรรมดา แต่มี 10% เคลื่อนไหว นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีเท่าไหร่ มหาวิทยาลัยราชภัฏต่างจังหวัด ธรรมศาสตร์บางส่วน มี 2,000 ไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยประกาศรัฐบาลต้องออก นายสมัครต้องออก นิสิตนักศึกษาเอากันอย่างนั้นด้วยหรือ แต่ฟังดูเมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) ใจหายวาบ นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย 3 คน แต่งเครื่องแบบกางร่ม เข้าไปเวทีพันธมิตร ใจลงไปอยู่ที่ข้อเท้า นึกในใจ อะไรกัน นักเรียนวชิราวุธมี 900 คน 3 คนแต่งเครื่องแบบสะอาดใหม่เอี่ยมเดินย่องเข้ามา โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่เขาเทียบมาจากอีตันโรงเรียนกินนอนอังกฤษ โรงเรียนทูตต่างๆ ใครเป็นรัฐมนตรีต้องจบโรงเรียนอีตัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมา เจ้านายทรงอุปถัมภ์มีงานได้เป็นพิเศษกว่าคนอื่น แต่ที่นี่ทำอย่างไรก็ไม่ทราบได้
นายสมัครกล่าวว่า จนถึงวันนี้สถานการณ์ทั้งหลายทั้งปวง ตนกับแม่ทัพนายกองพูดจากัน
ผบ.ทบ.บอกทางทหารต้องระมัดระวังเพราะเปิดออกมาเป็นกำแพง หาประตูออกไม่ได้ รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ ศาลก็เอาไม่อยู่ จะไปสภานอกรอบก็เอาไม่อยู่ สุดท้ายทำอย่างไรครับ ประกาศภาวะฉุกเฉิน ทหารเข้ามาดู ทหารก็เอาไม่อยู่ แล้วจะทำอย่างไร ทหารบอกว่าต้องกลับไปดูที่สภา ประตูอยู่สภา ก็กลับไป คณะรัฐมนตรีก็ใช้มาตรา 165 ทำประชามติ
"ภรรยาผมก็บ่น เพราะเดี๋ยวจะล้อมบ้าน ตำรวจเขาบอกว่าไม่อยากให้อยู่ข้างใน ภรรยาบอกว่าไม่มีใครรักบ้านเท่าเขา เขาบอกเขาอยู่ แต่ตำรวจบอกว่าเดี๋ยวจะรุนแรง แล้วทำอย่างไร วันหนึ่งภรรยาผมอดรนทนไม่ได้ ก็ต้องเอาหลานไปอยู่ที่อื่น เป็นครั้งแรกที่เขาบ่นกับผมเลย บอกดูสิไอ้ตัวเองไม่เป็นอะไร หลานอายุ 3 เดือนก็ต้องออกจากบ้านแล้วเพราะต้องหลบลี้ภัย อะไรก็ไม่ทราบได้ เราเป็นคนที่ไม่เคยมีภัยอะไรกับใครในบ้านเมือง พูดกันไปพูดกันมาชี้กันไปชี้กันมาเหมือนกับว่าสมัครทำไม่ดีต่อไปจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ฟังความฟังอะไรเหมือนกับผมมีความผิดติดตัวทำความเลวทรามต่ำช้า" นายสมัครกล่าว
นายสมัครกล่าวว่า พรรคพวกส่งอี-เมลมาจากสหรัฐอเมริกาบอกว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วยังไม่ดำเนินการอะไร บอกว่าอย่างอเมริกา ถ้าปีนรั้วทำเนียบขาว เจ้าหน้าที่ยิงเลย
ยึดสนามบิน นอนกลางสนามบิน เครื่องบินลงไม่ได้ โดนฟ้องกันเอาตัวไม่รอดเลย ที่นั่นหัวโจกประชาธิปไตยแบบอเมริกันเลย มีคนไปก่อกวนการประชุมรีพับลิกัน เจ้าหน้าที่จับเลย 300 คน แต่ประชาธิปไตยเมืองไทยทำไม่ได้ กระทบกระทั่งอะไรไม่ได้เลย ทหารถึงเสียรังวัด ต้องเอาปืนมาต้องเหน็บใส่ซอง ให้ดาบมาต้องเหน็บใส่หลัง แล้วค่อยๆ ประคับประคองค่อยโอ้โลมปฏิโลม
"วันที่ 25 กันยายนนี้ ผมจะปราศรัยองค์การสหประชาชาติ แต่วันนั้น ศาลอุทธรณ์จะตัดสินคดีผมข้อหาหมิ่นประมาท ศาลชั้นต้นจำคุก (2 ปี) ไม่รอลงอาญาด้วย น่ากลัวนะครับ ไม่เป็นไร ตัดสินก็ต้องขอฎีกาสุดท้าย เมื่อจะฎีกาข้อเท็จจริง อัยการสูงสุดต้องเป็นคนเซ็นสลักหลังให้ผมว่าต้องอย่างไร แต่ตอนนี้ผมทำหนังสือถึงศาลแล้ววันที่ 8 กันยายนจะไปยื่นขอไปสหประชาชาติ ส่งรายการไปให้ดูยาวเหยียด ยังจะคิดไปอีกบ้านเมืองอย่างนี้ ผมบอกว่าต้องไปเพื่อให้คนในโลกเขาเห็นว่าบ้านเมืองนี้สถานการณ์มันมีอยู่แค่ในทำเนียบรัฐบาล เสียหน้าเสียตาไปแล้วครับ แต่ในโลกนี้เขาเฝ้าดูครับ ผมจะเล่าให้ฟัง ทูตทหารเขาขอพบ ผบ.ทบ.บอกว่า ถ้าเผื่อปฏิวัติอีกเขารับไม่ได้ ผบ.ทบ.บอกไม่ปฏิวัติ ไม่มีเหตุจะต้องทำอย่างนั้น ผมไปงานสถานทูตอังกฤษ เขาบอกเลยครับปฏิวัติอีกเขารับไม่ได้ บอกปฏิวัติโดยประชาชนโดยไม่มีเหตุผล เขาก็รับไม่ได้ ผมบอกว่าเข้าใจ ผมถึงยืนหยัดรักษาบ้านเมืองเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของเราเอาไว้" นายสมัครกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีนักข่าวถามว่า ไม่กลัวสงครามกลางเมือง ก็บอกว่า จุดเท่าไหร่ก็ไม่ติด เท่าไหร่เลือดก็ไม่นอง มีข่าวไปอยู่สหประชาชาติ ทางนี้จะยึดอำนาจ ก็แล้วแต่ แต่จะได้เป็นหน้าเป็นตาว่าบ้านเมืองเป็นแบบนี้ นายกฯยังพูดในสหประชาชาติได้