คุยสมัคร-อนุพงษ์ ยังซี้ปึ้ก 10,000% ผบ.สส.แง้ม ปฏิวัติ เกิดโดยไม่ตั้งใจปัดเหล่าทัพยื่นเงื่อนไข

"สมพงษ์"รับประกัน "สมัคร-อนุพงษ์" ยังซี้ปึ้ก!! 10,000% หนักแน่นทั้งคู่ "ชูศักดิ์"แถ เหตุสับสนบอกนายกฯ รวบอำนาจ ผบ.สส. แง้ม "ปฏิวัติ"อาจเกิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัดเหล่าทัพยื่นเงื่อนไขให้ยุบสภา-ลาออก 6 พรรคร่วมเห็นพ้องใช้"สภา" แก้วิกฤตการเมือง พันธมิตรฯ-รัฐบาล

"ชูศักดิ์" อ้างเหตุสับสนปมรวบอำนาจ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมงานด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการด้านยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชาชน (พปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวบอำนาจโดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายกำลังพลมาไว้ในมือ หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา มีมติออกคำสั่ง 2 ฉบับ รวมถึงการให้การบังคับใช้กฎหมาย 20 ฉบับ อยู่ภายใต้อำนาจนายกรัฐมนตรี แทนที่จะเป็นอำนาจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินว่า เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เท่านั้น ซึ่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ให้อำนาจ ครม. ที่จะใช้อำนาจดำเนินการบางสิ่งบางอย่าง เพื่อมอบอำนาจไปอยู่ที่นายกฯ และสุดท้ายในประกาศ นายกฯมอบอำนาจกลับไปให้ พล.อ.อนุพงษ์

ผู้สื่อข่าวแย้งว่า การแถลงข่าวการประชุม ครม.นัดพิเศษ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดชัดเจน ว่าสุดท้ายแล้วต้องโอนอำนาจกลับไปที่ พล.อ.อนุพงษ์ และไม่มีประกาศมายืนยัน นายชูศักดิ์กล่าวว่า
"พอดีคำสั่งดังกล่าวทำในช่วงเช้า จึงต้องให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาดูให้มีความรอบคอบ ทำให้ขณะที่มีการแถลงข่าวไป แถลงได้แต่แง่ของหลักการว่ามีการทำอะไรกันบ้าง แต่ในรายละเอียดในข้อกฎหมาย ยังไม่มีออกมา จึงเกิดความสับสนขึ้น ยืนยันว่าอำนาจ พ.ร.บ. 20 ฉบับนั้น นายกฯได้โอนถ่ายกลับไปให้ พล.อ.อนุพงษ์แล้ว"

โอนอำนาจ"อนุพงษ์" ลงราชกิจจาฯแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประกาศคำสั่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์นายสมัครรวบอำนาจกฎหมาย 20 ฉบับมาไว้ในมือ ลงในราชกิจกานุเบกษา ลงวันที่ 6 กันยายนแล้ว โดยเป็นเล่มที่ 125 ตอนพิเศษ 148 ง เนื้อความระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาแล้วนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ครม.จึงมีมติให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในเขตท้องที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รวม 20 ฉบับ

ทั้งนี้ ประกาศในช่วงท้ายระบุว่า ให้ผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นผู้ใช้อำนาจตามประกาศนี้แทนนายกรัฐมนตรี โดยให้ส่วนราชการ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายนั้น ยังคงใช้อำนาจหน้าที่เช่นเดิมต่อไปได้ด้วย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2551 ลงนามโดย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี

ผบ.สส.ชี้ปว.อาจเกิดโดยไม่ตั้งใจ

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์โดยยืนยันว่า ทหารไม่เคยคิดตั้งใจปฏิวัติ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยกองทัพเห็นว่าการรัฐประหารไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา พร้อมเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องอย่าปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ และควรหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง

"ผมไม่เห็นว่าทำแล้ว (ปฏิวัติ) คนไทยหรือต่างชาติจะยอมรับ หมดสมัยไปแล้ว เราไม่รู้ว่าใครคิดอะไร แต่ถ้านานๆ เข้า เป็นไปแบบนี้ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น พูดจริงๆ ไม่มีใครตั้งใจจะปฏิวัติ หรือพูดแล้วไม่ทำตามที่พูด มันเกิดโดยไม่ตั้งใจ" พล.อ.บุญสร้างกล่าว

พล.อ.บุญสร้างกล่าวด้วยว่า "ขณะนี้อึดอัดกันทุกฝ่าย ทั่วบ้านทั่วเมือง คนบางพวกอยากให้ทหารทำปฏิวัติ แต่ไม่ดี แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ายุไปยุมา ทหารปฏิวัติขึ้นมา จะว่าอย่างไร"

ปัดกดดันนายกฯยุบสภา-ลาออก

ผบ.สส.ยังกล่าวถึงการหารือร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ ที่บ้านพักรับรอง ผบ.สส. ภายในศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ว่าเป็นการหารือเพื่อประเมินว่ากองทัพจะสามารถช่วยแก้ปัญหาประเทศชาติได้อย่างไรบ้าง แต่ยอมรับว่ายังไม่สามารถหาข้อสรุปทางออกของปัญหาบ้านเมืองได้

อย่างไรก็ดี ผบ.สส.กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่า กองทัพได้ขอให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือยุบสภา เพื่อแก้ปัญหาการเมืองในขณะนี้ "ไม่มี เมื่อวาน (5 ก.ย.) มาคุยกันเพราะยังไม่เคยเปิดประชุมเพื่อชาติบ้านเมือง กำลังหนักใจอยู่ คนอื่นๆ ที่ทำได้นอกกรอบกว่าทหาร ก็ยังทำไม่ได้"  พล.อ.บุญสร้างกล่าว

พล.อ.บุญสร้างยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันหาทางออกให้สังคม โดยกองทัพยืนยันว่าการรัฐประหารไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา และเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาขณะนี้ หลีกเลี่ยงการกระทำที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง

"กองทัพมีหน้าที่ต้องดูแลบ้านเมือง อยู่เคียงข้างประชาชน รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ไม่ใช่ให้ใครมาทำลายบ้านเมือง เพราะถ้าไม่มีกองทัพ บ้านเมืองจะไปกันใหญ่" พล.อ.บุญสร้างกล่าว

ผบ.เหล่าทัพเห็นพ้อง2ฝ่ายเจรจา

พล.อ.บุญสร้างยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเทศ กรณีที่ประชุม 3 ฝ่าย มอบหมายให้นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นตัวกลางในการประสานการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตร ว่าให้เขาลองทำกัน เผื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายว่าจะให้ความร่วมมือกันมากน้อยแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัครและแกนนำพันธมิตร ต่างไม่ตอบรับข้อเสนอนี้ ผบ.สส.กล่าวว่า บ้านเมืองที่เป็นแบบนี้ ยุ่งกันอยู่ทุกวันนี้ เพราะไม่ยอมเปิดใจกัน ทุกคนต้องเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย แต่หากต่างคนก็เอาความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ เรื่องก็ไม่จบ ทุกวันนี้จึงยุ่งกันไปหมด อยากให้ทุกคนช่วยกัน

"ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้พูดคุยกัน และมีความเห็นว่า อยากให้รัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตร หันหน้ามาพูดคุยกัน แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป ถ้าเห็นแก่ชาติบ้านเมือง ก็ขึ้นอยู่ว่าแต่ละฝ่ายต้องการให้เรื่องยุติและจบด้วยดีหรือไม่ ทหารอยากเข้าช่วยเจรจา แต่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีใครฟัง จนบ้างครั้งรู้สึกเหนื่อยใจ เพราะที่ผ่านทางเราพยายามจะเสนอทางออกให้ แต่เมื่อเสนอไปแล้ว แต่ละฝ่ายก็ไม่ทำตามจึงเหนื่อยกันไปหมด บางครั้งก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อย่างนั้นก็ไม่เอา อย่างนี้ก็ไม่เอา คนเสนอเขาเหนื่อย ลองให้ทางการเมืองหาทางออกให้บ้านเมืองกันบ้าง เผื่อทุกอย่างจะดีขึ้น ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรก็ทำเพื่อประเทศชาติทั้งสิ้น" พล.อ.บุญสร้างกล่าว
 
พรรคร่วมยังอยากใช้สภา "แก้"

นายประสพสุข บุญเดช กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเจรจาอยู่ แต่ขอตัวทำงานก่อน ไม่อยากให้ข้อมูลล่วงหน้า แต่เชื่อว่าทั้งหมดจะมีคำตอบไม่เกิน 1-2 วันนี้

นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับมอบหมายร่วมกับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาอีกคน ไปพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค กล่าวว่า ได้ถ่ายทอดข้อความการประชุมของประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และผู้นำพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมาให้กับพรรคร่วมรัฐบาลได้รับทราบ ซึ่งแกนนำพรรคร่วมต่างแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ของบ้านเมือง โดยเฉพาะการปะทะกันระหว่างมวลชนของทั้ง 2 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้เห็นพ้องต้องกันว่าการแก้ไขปัญหาครั้งนี้จะต้องใช้สภาเป็นทางออกให้กับประเทศ และวิธีการเจรจาประนีประนอมจะทำให้วิกฤตครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี โดยจะนำผลการหารือในเบื้องต้นเสนอต่อที่ประชุม 3 ฝ่ายที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กันยายนนี้

รมต.ยันสมัคร-อนุพงษ์ปึ้ก10,000%

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ที่ จ.เชียงใหม่ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายสมัครกับ พล.อ.อนุพงษ์ ที่มีกระแสความระหองระแหงออกมาหลังการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า

 "ทั้งสองคนยังคุยกะหนุงกะหนิง รับประกัน 10,000% ไม่มีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ มีความหนักแน่นด้วยกันทั้งสองฝ่าย สิ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ต้องการแก้ปัญหาอย่างนุ่มนวล นายกรัฐมนตรีรับทราบรับรู้ตลอด และเห็นด้วยกับแนวทาง ซึ่งแนวคิดของนายกรัฐมนตรีกับ ผบ.ทบ. ยังเป็นทิศทางเดียวกัน เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย 20 ฉบับ นายกฯก็ได้ส่งมอบต่อ พล.อ.อนุพงษ์ เพราะมีหน้าที่ให้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวไปแล้ว"
นายสมพงษ์กล่าวว่า กรณีมีผู้เสนอให้มีคนกลางเป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรนั้น เชื่อว่าบทสุดท้ายต้องคุยกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์คุยกันจึงต้องรอ รัฐบาลรอได้และใจเย็นเสมอ เมื่อไหร่พันธมิตรต้องการให้ไปเจรจาก็พร้อมเจรจาด้วย 

โฆษกพปช.ค้านเลิกประกาศใช้พรก.

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษก พปช.กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังคงมีประโยชน์อยู่บ้างในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการปะทะกัน แม้ว่ากลุ่มพันธมิตรจะไม่เคารพกฎหมาย แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายยุติการชุมนุมไป ทำให้กลุ่มพันธมิตรฝ่าฝืนกฎหมายอยู่กลุ่มเดียว นอกจากนี้หากยกเลิกกฎหมายฉบับนี้จริงจะถือเป็นการผลักภาระการรักษาความปลอดภัยกลับไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงฝ่ายเดียว

ร.ท.กุเทพยังกล่าวถึงกระแสข่าวผู้นำเหล่าทัพกดดันให้นายสมัครยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน และลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่นายกรัฐมนตรีจะลาออกหรือยุบสภา เพราะนายสมัครจะต่อสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ซึ่งผู้นำเหล่าทัพต่างๆ ก็ย่อมรู้ว่าหากทำไปตามข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรก็จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีในอนาคต และจะทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศลดน้อยลง

"สนั่น" เชื่อเลิก "ฉุกเฉิน"เร็วๆ นี้แน่
 
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทย กล่าวที่ จ.พิจิตร ว่า เร็วๆ นี้นายกรัฐมนตรีคงจะประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากไปกระทบกับการท่องเที่ยวมาก อย่างไรก็ตามในส่วนของพันธมิตรที่ชุมนุมเรียกร้องอยู่นั้น รูปแบบการเมืองใหม่ที่เสนอให้ ส.ส. 70 คนมาจากการแต่งตั้ง และอีก 30 คนมาจากการเลือกตั้งนั้นเป็นไปไม่ได้ในระบอบการเมืองประชาธิปไตย สภาจะต้องมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้ ซึ่งสถานการณ์การขัดแย้งขณะนี้ ทุกฝ่ายต้องประนีประนอม หันมาพูดคุยกันให้มากขึ้น พันธมิตรเองตอนนี้เริ่มจะเข้ามาพูดจากันแล้วซึ่งเป็นหนทางออกที่ดี 
 
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวที่ จ.นครราชสีมา ว่า ทุกฝ่ายกำลังวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากเป็นไปได้ทุกฝ่ายน่าจะพูดคุย ทำความเข้าใจกัน หากเริ่มต้นพูดคุยกันแล้วถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหา "แนวทางให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรียุบสภานั้น ถือเป็นทางออกสุดท้ายของระบอบประชาธิปไตย แต่ก่อนที่จะไปถึงทางออกสุดท้าย มีความพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง หากสามารถหาทางออกร่วมกันได้ทุกอย่างก็ยุติ" นายสุวัจน์กล่าว

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การที่นายกฯออก พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้ว กลับรวบอำนาจไว้ เพราะเหล่าทัพไม่ยอมใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเรื่องสำคัญที่สังคมควรจะตรวจสอบว่าการที่ให้ความรับผิดชอบอยู่กับเหล่าทัพ แต่อำนาจกลับมาอยู่กับตัวเองนั้นจะเป็นทางออกหรือไม่

พันธมิตรเกี่ยงให้ "สมัคร" ออกก่อน

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตร กล่าวในรายการ "คนในข่าว" ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.50 เมกะเฮิร์ตซ์ ถึงกรณีที่ประชุม 3 ฝ่ายมอบหมายให้นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นตัวกลางในการประสานกับฝ่ายรัฐบาลและพันธมิตรเพื่อให้เปิดการเจรจาหาทางยุติปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่า เห็นด้วยที่จะมีการถอยคนละก้าว และนายกฯ ซึ่งเป็นผู้นำควรจะแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างก่อน ไม่ใช่มาเรียกร้องให้ฝ่ายพันธมิตรถอนออกจากทำเนียบก่อน ความจริงแล้วหากนายกฯแสดงความเสียสละลาออกไปแล้ว ถ้าฝ่ายพันธมิตรยังไม่ยอมถอนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล กระแสสังคมก็จะมากดดันฝ่ายพันธมิตรเองŽ นายสุริยะใสกล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์