ผบ.ทบ.เรียกประชุมแก้ฉุกเฉิน เชิญสมาพันธ์รัฐวิสากิจฯเข้าพบ

ผบ.ทบ.ประชุมคณะทำงานวางกรอบแก้สถานการณ์ฉุกเฉิน เชิญแกนนำสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจเข้าพบ หลังขู่“ตัดน้ำ-ตัดไฟ” ด้าน“ประยุทธ์”รับ“อนุพงษ์” กังวลจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบโดยไม่เสียเลือดเนื้อ วอนปชช.อย่าตื่นตระหนก พรก.ฉุกเฉิน เพราะไม่ได้รบกวนกิจวัตรประจำ


(4ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น. พล.อ.อุนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน

จะเรียกคณะทำงานประชุมหารือเพื่อชี้แจงกรอบแนวทางในการแก้ไขสถานการณ์ทางการเมือง อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรองหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 20 องค์กรราชการ และเวลา 15.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เชิญแกนนำสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ หลังจากที่สมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ประกาศจะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯเพื่อกดดันรัฐบาล และขู่หาก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไม่ลาออกก็จะตัดน้ำตัดไฟของหน่วยราชการทุกแห่งต่อไป


ขณะเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ ยังเชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ที่ประจำอยู่ในประเทศไทย 20 ประเทศ เข้ารับฟังการชี้แจงถึงสาเหตุและความจำเป็น รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติของกองทัพ

ภายหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากผู้แทนผู้บัญชาการทหารบกเพื่อให้นานาประเทศได้เข้าใจถึงสถานการณ์ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง
ด้านพล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาค 1 ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการแก้ปัญหาสถานการณ์บ้านเมือง โดยยอมรับว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก มีความกังวลว่าจะทำอย่างไรบ้านเมืองถึงจะได้สงบเรียบร้อยโดยเร็ว โดยไม่ต้องมีการเสียเลือดเนื้อ โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ต้องถูกมองว่า ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา บ้านเมืองเรามีประวัติศาสตร์อยู่แล้วว่าการใช้ความรุนแรงไม่เกิดผลดี ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งคู่ก็มีเงื่อนไขของตัวเองขึ้น ถ้าไม่ลดราวาศอกซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะมีกฎหมายใดก็แก้ไขไม่ได้ และจะต้องมุ่งไปสู่ความรุนแรง


“ผมถามว่าเมื่อเกิดความรุนแรงเกิดขึ้นแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา มันจะได้ชัยชนะจากตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็หนักใจ การกระทำใด ๆ ก็ตามที่เป็นการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ยั่วยุทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น อย่าลืมว่าเจ้าหน้าที่ก็เป็นมนุษย์ พยายามอดทนทุกสิ่งทุกอย่างในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ขณะนี้ถูกสั่งการชัดเจนว่าจะต้องใช้มาตรการไม่รุนแรง ที่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด เดิมมีเงื่อนไขอยู่แล้วของทั้งสองฝ่าย ก็จะต้องพยายามหาวิธีในการลดเงื่อนไขของแต่ละฝ่ายกันไป” พล.ท.ประยุทธ์ กล่าว


เมื่อถามว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศ พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.254 ประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานครจะต้องมีการปรับตัวอย่างไร

พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศ พรก.ฉบับดังกล่าวออกมาแล้ว ประชาชนก็ขออย่าตื่นตระหนก เพราะเราจะไม่เข้าไปรบกวนในกิจวัตรจำเป็นของประชาชน ทั้งนี้มาตรา 9 มีอยู่หลายข้อหลายประการด้วยกัน และได้มีการหารือร่วมกันของเจ้าหน้าที่ในหลายกระทรวง และ ตำรวจ มีการพิจารณาแล้วว่าข้อห้ามหลาย ๆ ประการเรายังไม่มีความจำเป็นใช้อย่างเด็ดขาด เช่นการชุมนุม หรือ มั่วสุม เกิน 5 คน ถ้าเป็นการดำเนินการตามชีวิตประจำวัน ไม่ได้ไปมั่วสุมทำให้เกิดการแตกแยก หรือยุยงต่าง ๆ มากขึ้นเราก็คงไม่ไปรบกวนท่าน แต่อยากจะเรียนว่าปัจจุบันมีอยู่ 2 กลุ่มที่เกิดปัญหา ทางเราก็พยายามแก้ไขปัญหาอยู่ แต่ก็ยังไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะมีสถานการณ์ฉุกเฉินมากมาย ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งหรือข้อห้าม


“ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลยหลังจากที่ได้มีการประกาศ พรก.ฉบับดังกล่าวออกมา ซึ่ง 2 วันที่ผ่านมาเราได้มีการประชุมาทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร จะทำอย่างไรเราจะเอามาตรการต่าง ๆ มาใช้ในสถานการณ์ และเวลาที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่า กฎหมายทั้งหมดที่มีอยู่จะนำมาใช้ทั้งหมด เพราะจะทำให้เกิดความสับสนและวุ่นวายของประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน เพราะมันจะไม่เกิดผลดี จึงได้พิจารณาว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ให้เกิดความวุ่นวายในสถานที่อื่น ๆ อีก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ กทม. ตอนนี้เกิดพื้นที่วุ่นวายอยู่ 2 ที่ เราก็คาดหวังว่าที่อื่น ๆ จะไม่มีอีก ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาคือไม่ใช่วิธีการไล่ปราบปราม เราได้ขอร้องไปทางสื่อ ทั้งทางปิด และ ทางเปิด เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง กทม. ในการทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าอย่ามาชุมนุมเพิ่มขึ้นอีก เพราะเราพยายามทำด้วยวิธีละมุนละหม่อม” พล.ท.ประยุทธ์ กล่าว


เมื่อถามว่า แสดงว่าทางคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะใช้วิธีเน้นเจรจามากกว่าการใช้กำลัง พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะใช้คำว่าทำความเข้าใจให้มากขึ้น

เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเพียง 2-3 วัน ที่ผ่านมา แต่มันเกิดมา 3 เดือนกว่า หรือ ประมาณ 100 กว่าวัน ฉะนั้นเงื่อนไขต่าง ๆ สะสมมาเรื่อย ๆ ในฐานะที่เราถูกแต่งตั้งเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา เราก็จะต้องเอาเงื่อนไขต่าง ๆ ออกมาวิเคราะห์ว่าจะแก้ไขอย่างไร ซึ่งจะต้องหาวิธีการให้ทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดจากันให้ได้ การจะใช้กำลังเข้าไปปราบปรามจะไม่เป็นผลดีเท่าที่ควร ที่ผ่านมาก็พยายามใช้กำลังเข้าไปดำเนินการก็มีการสูญเสียไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง


เมื่อถามว่า ทางกองทัพได้มีการเตรียมกำลังทหาร และตำรวจ ที่จะเข้าไปดูแลสถานการณ์ในยามค่ำคืนเพื่อป้องกันไม่ให้ 2 ฝ่ายเกิดการปะทะกันมีมากน้อยแค่ไหน

พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราได้ประสานงานการทำงานกันทั้ง ทหาร และตำรวจ เรามีกำลังพร้อมดูแลหลายพันนาย ถือว่าพอเพียงที่ไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน หรือ ปะทะกันของทั้งสอง เราได้มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่เมื่อมีการประกาศ พรก. ฉุกเฉิน ออกมา ทหารก็สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่ประกาศทหารก็ทำอะไรไม่ได้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์