เป็นเรื่องที่มีการคาดหมายไว้อยู่แล้วว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นพรรคจะต้องเตรียมการในเรื่องข้อเท็จจริงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป อย่างไรก็ตามประเด็นเรื่องคดียุบพรรคไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้นายกรัฐมนตรียุบสภาหรือลาออก เพราะตอนนี้ต้องถือว่าคดียุบพรรคเป็นเรื่องที่เล็กมากหากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ของบ้านเมืองทั้งหมด เพราะวันนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะบอกว่าระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นจะอยู่ต่อไปหรือไม่ เพราะวันนี้รัฐธรรมนูญ กฎหมาย อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 อำนาจเริ่มมีปัญหาว่าจะสามารถที่จะบังคับใช้กฎหมาย และกติกาของประชาธิปไตยได้ต่อไปหรือไม่
ต่อข้อถามมีการมองว่า นายกรัฐมนตรีโยนเผือกร้อนให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า
เป็นการดำเนินการทำตามขั้นตอนมาโดยลำดับตั้งแต่ที่มีการยึดทำเนียบรัฐบาล มีการไปพึ่งอำนาจศาล เพื่อที่จะให้ศาลได้ดำเนินการ แต่เมื่อไม่สามารถเดินตามกระบวนการได้ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ประชาชน 2 กลุ่มที่มีความเห็นแตกต่างกัน ก็เป็นเรื่องที่เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งก็เห็นใจ เพราะผบ.ทบ.จะเป็นผู้ที่มีหลักสำคัญในการที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยของเราเดินหน้าต่อไปได้ จึงต้องให้กำลังใจและอยากให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลไม่อยากเห็นความรุนแรง แต่อยากเห็นระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่ระบอบพันธมิตร
เมื่อถามว่าขณะนี้รัฐบาลไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้แล้ว จะอยู่อย่างไรนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า
ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาว่ารัฐบาลอยู่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องของการท้าทายระบบของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่าเรามีอำนาจอธิปไตย อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ แต่วันนี้พันธมิตรฯไม่ยอมรับอะไรเลย แม้แต่อำนาจตุลาการ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องว่ารัฐบาลอยู่หรือไป ลาออก หรือยุบสภา แต่ต้องตั้งคำถามว่าประเทศไทยเรากำลังจะอยู่ภายใต้การปกครองระบอบอะไรแน่.