นปก.ฝ่าแนวกั้นตร.ปะทะพธม. ศูนย์พงษ์เพชรเผยตาย1เจ็บ34

นปก.ฝ่าแนวกั้น ตร.ปะทะพันธมิตร แยกจปร.ศูนย์พงษ์เพชร รายงานว่า มีผู้บาดเจ็บ 34 คน ตาย 1 ตร.ขอกำลังทหารเสริม ผบ.ทบ.ส่งกำลังช่วย 3 กองร้อย สนธิประกาศสงครามกลางเมืองเกิดแล้วระดมคนขนอาวุธสู้ ราชดำเนินยังเดือดตีสามเปิดฉากปะทะตามซอย เสธ.แดงไปสังเกตการณ์ระบุไม่ถึงขั้นใช้พรก.ฉุกเฉิน

เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 2 กันยายน  กลุ่มกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ได้เคลื่อนพลจากสนามหลวง ฝ่าแนวกั้นตำรวจจนมาถึงที่บริเวณแยกจปร. ระหว่างนั้นทางนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตร ได้ประกาศบนเวที เพื่อขอกำลังการ์ดอาสาเพิ่ม เนื่องจากทางกลุ่มนปก.ได้เคลื่อนกำลังเข้ามาจำนวนหลายพันคน พร้อมกับเน้นย้ำให้การ์ดทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่เท่านั้น

หลังจากนั้นเพียง 15 นาที ปรากฏว่าทางกลุ่มนปก.ที่เคลื่อนพลมาได้เกิดการประจันหน้ากับทางกลุ่มพันธมิตร ต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าหากัน พร้อมกับมีการปาขวดน้ำ ขวดโซดา ขว้างก้อนหินใส่กัน พร้อมกับมีการถืออาวุธไม้วิ่งไล่ตีกัน ระหว่างที่เกิดการปะทะกันทั้งสองฝ่ายได้เกิดเสียงปืนดังขึ้น 5-6 นัด โดยกระสุนปืนได้ถูกกลุ่มผู้ชุมนุม นปก.ล้มลงได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งรพ.วชิระ อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตุว่าระหว่างที่เกิดเหตุชุลมุนนั้นไม่มีกำลังตำรวจเข้ามาคอยดูแลแต่อย่างใด 

หลังเกิดเหตุนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า ขณะนี้กลุ่มนปก.ได้เข้ามาตีฝ่ายพันธมิตรได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่จังหวัดรอบ ๆกทม. ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี ,นครปฐม ให้ตื่นออกมาช่วยพันธมิตร ในเมื่อจะเป็นสงครามกลางเมืองแล้วก็ให้มันเกิดขึ้นมาและอยากให้ผู้ที่มาร่วมครั้งนี้ มีอะไรให้ขนออกมาต่อสู้ให้หมด 

ต่อมาเมื่อเวลา 02.00 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว พร้อมกับ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รองผบช.น. ในฐานะที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ควบคุมความสงบเรียบร้อยการชุมนุม

ทั้งนี้ นายตำรวจระดับสูงทั้งหมดได้หารือกันกันอย่างเคร่งเครียด และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งกำลังเข้าขัดขวางไม่ให้ผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายปะทะกันอีกระลอก โดยฝั่งหนึ่งเป็นผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งเป็นผู้ชุมนุมกลุ่ม นปก. โดยตำรวจที่ตั้งแถวกั้นกลางอยู่มีประมาณ 500 นาย ทั้งหมดมีเพียงโล่พลาสติกเป็นเครื่องป้องกัน ไม่มีกระบองหรืออาวุธอื่นใด

พล.ต.อ.พัชรวาท เปิดเผยว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต้องประกาศภาวะฉุกเฉินโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือไม่ ซึ่งคงต้องหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก่อน

        "การประกาศภาวะฉุกเฉินคงจะเป็นทางเลือกสุดท้าย" ผบ.ตร.กล่าว

เมื่อเวลา 03.00 น. พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ควบคุมความสงบเรียบร้อยการชุมนุม กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถส่งกำลังเข้าไปอยู่ระหว่างกลางของผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายได้แล้ว โดยใช้กำลังที่มีในมือทั้งหมด 22 กองร้อย ส่วนจะมีการปะทะกันอีกรอบหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขึ้นกับการเจรจา ซึ่งตำรวจกำลังพยายามอยู่

สำหรับสถานการณ์ล่าสุด  ทหารหน่วยปราบจลาจลจากกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 4 กองร้อย ได้เดินทางเข้าดูแลพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุแล้ว

ด้านนพ.พีรพงษ์ สายเชื้อ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บขณะนี้รักษาตัวที่รพ.วชิระ จำนวน 19 ราย อาการสาหัส 3 รายเสียชีวิตแล้ว 1 ราย คือนายณรงค์ศักดิ์ กอบชัยสง ถูกของแข็งกระแทกศีรษะ ,รักษาตัวที่รพ.กลาง 3 คน ,รักษาตัวที่ รพ.รามาธิบดี 5 คน ,รักษาตัวที่รพ.หัวเฉียว 6 คน และที่รพ.มิชชั่น 1 คน   นอกจากได้มีการระดมรถพยาบาลในเขตกรุงเทพฯและใกล้เคียง จำนวน 40 คัน เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

ขณะเดียวกันทางศูนย์พงษ์เพชร ก็ได้รายงานตรงกันว่า มีผู้บาดเจ็บ 34 คน ตาย 1 เป็นชายถูกกระแทกอย่างแรงที่บริเวณใบหน้า ปาก ยุบบวม  มีผู้บาดเจ็บหนัก 4 คน ในจำนวนนี้ 2 คน ถูกยิงด้วยปืนที่ทรวงอก ผู้เสียชีวิตคืนนายณรงค์ศักดิ์ เกาะไธสงธ์ เป็นชาวโคราช

ราชดำเนินยังเดือดตีสามเปิดฉากปะทะตามซอย 

เมื่อเวลา 03.45 น. ปรากฏว่าสถานการณ์ยังคงตึงเครียด แม้ว่าผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช.จะตั้งเต็นท์ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ในลักษณะปักหลักแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเผชิญหน้ากับกลุ่มพันธมิตรที่ระดมคนจำนวนมากมาตรึงที่เวทีเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ฝั่งหน้ากระทรวงศึกษาธิการเช่นกัน โดยพื้นที่ตรงกลางระหว่างทั้งสองกลุ่มมีกำลังตำรวจและทหารชุดปราบจลาจลตั้งแนวกั้นคุมเชิงเอาไว้ 

นอกจากนี้ยังพบการปะทะกันย่อยๆ อีกหลายจุด เช่นที่แยกนางเลิ้ง และภายในซอยข้างสนามมวยราชดำเนิน มีการปาระเบิดเพลิงเข้าใส่กัน จนตำรวจต้องเข้าระงับเหตุ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ทั้งหมด 

นายสุริยะ ใสกตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตร ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย เมื่อเวลาประมาณ 03.30 น.ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 ที่รัฐบาลปลุกระดมมวลชนและอันธพาลกวนเมืองเข้าล้อมปราบนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการปลุกระดมอันธพาลและมวลชนผู้บริสุทธิ์ส่วนหนึ่งเข้าล้อมปราบกลุ่มพันธมิตรในทำเนียบรัฐบาล 

"มีคนเห็น นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม และเสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) แฝงตัวอยู่ในกลุ่ม นปก.ด้วย" นายสุริยะใส กล่าว 

ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรบอกด้วยว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่สงบ เพราะยังมีการปะทะกันย่อยๆ อีกอย่างน้อย 3 จุด 

เสธฯแดงสังเกตการณ์ระบุไม่ถึงขั้นใช้พรก.ฉุกเฉิน

พล.ต.ขัตติยะ  สวัสดิผล  ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก  กล่าวว่า  ตนเดินทางมาในฐานะผู้สังเกตการณ์ตนเป็นคนชอบดูมากกว่าซึ่งน่าจะเป็นการหยั่งเชิงกันมากกว่า ส่วนที่บอกว่าเป็นเด็กช่างกลนั้นคงไม่จริงเพราะเป็นคนตจว.และมาจากภาคอีสานทั้งหมด และมาด้วยความสมัครใจกว่าสามหมื่น

อย่างไรก็ตามการทำงานของตร.ถือว่าตั้งแนวได้ดีและทำงานได้รวดเร็วแต่ที่ม็อบสามารถผ่านไปได้เพระากลุ่มม็อบมีการดันกันไป ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายคงหมดแรงและถอยกันไปเอง สำหรับสถานการณ์ขณะนี้คงไม่ถึงขั้นต้องประกาศใช้พรก. ฉุกเฉินเพราะเป็นม็อบสองแรงไม่มีอะไรเป็นการดันไปดัน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์