ยกมือที่3บึ้มป่วนกรุงผบ.สส.นักถกหาทางออก

"ผบ.สูงสุด" เตรียมนัด ผบ.เหล่าทัพถกทางออกบ้านเมืองใน 1-2 วันนี้ "อนุพงษ์" ลั่นกองทัพพร้อมช่วยชาติ ด้าน "จงรัก" ฟันธงมือที่สามวางบึ้มป่วนกรุง พันธมิตรรณรงค์เปิดไฟหน้ารถกลางวัน-ติดริบบิ้นเหลืองไล่รัฐบาล ขณะที่ นปก.ขู่เคลื่อนพลเผชิญหน้าม็อบที่ทำเนียบ อัยการสุราษฎร์ฯ ออกแถลงการณ์ไม่รับฟังคำสั่งรัฐบาลอีกต่อไป องค์กรสตรีเตรียมร่อน จ.ม.ถึงเมียสมัคร กล่อมสามีให้ลาออก

สถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น หลังการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล และทำท่าลุกลามบานปลายไปทั่วประเทศ ทำให้กองทัพต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อหาทางออกให้แก่บ้านเมือง

 พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สูงสุด) กล่าวถึงสถานการณ์ขณะนี้ ผบ.เหล่าทัพ จะมีการหารือเพื่อหาทางออกหรือไม่ว่า คงไม่ใช่วันนี้ แต่คงต้องดูอีกสัก 1-2 วัน อย่างไรก็ตามทหารต้องดูเหตุการณ์ต่อไป คงต้องอดทน เพราะทหารใจร้อนไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นภาวะแทรกซ้อน ทหารพูดมากไม่ได้ แต่เตือนไว้เสมอว่าอย่าใช้ความรุนแรง


เวลา 15.00 น. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงผลการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก ว่า ผบ.ทบ.ไม่ได้พูดถึงหรือกำชับ ผบ.หน่วยขึ้นตรงดูแลสถานการณ์การชุมนุม แต่ ผบ.ทบ.บอกกับ ผบ.หน่วยขึ้นตรงว่า กองทัพยึดถือสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ทั้งนี้ ผบ.ทบ.แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ความมั่นคงของบ้านเมือง และภาพลักษณ์ความเสียหายที่มีต่อต่างประเทศ หากกองทัพบกสามารถมีวิธีใดที่ทำให้สถานการณ์ผ่านพ้นลุล่วงไปได้ ก็ยินดีที่จะสนับสนุน แต่การแก้ไขต้องเป็นไปตามกลไกของบ้านเมือง อย่างไรก็ตามกองทัพบกยังไม่มีการซักซ้อมแผนหรือเตรียมกำลังทหาร หากต้องออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามที่ตำรวจร้องขอ

ชี้ยุบสภาแค่ซื้อเวลากันนองเลือด

 นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึง ข้อเสนอยุบสภาว่า การยุบสภาอาจจะเป็นการซื้อเวลา ทำให้ความขัดแย้งที่กำลังตึงตัวคลี่คลายออกไปบ้าง เป็นการผ่าบรรยากาศความตึงเครียดจากการที่คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย ต่างไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของกันและกัน หนทางที่จะยุติความขัดแย้งที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ ใช้กระบวนการยุติธรรม โดยในเดือนกันยายนนี้ จะมีคดีความของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าสู่การพิจารณาของศาล ทั้งคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีของนายสมัคร รวมถึงคดีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่ระหว่างที่ศาลกำลังพิจารณาก็อาจจะเกิดความรุนแรงได้ ทั้งนี้ หากมีการยุบสภา สังคมจะเข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้ง ก็จะเป็นการซื้อเวลาความขัดแย้งออกไปได้

 "การยุบสภาอาจจะไม่ใช่การยุติปัญหาในทันที เพราะพันธมิตรจะยังคงโจมตีรัฐบาล แต่พันธมิตรเอง ก็ต้องฟังเสียงประชาชนเช่นเดียวกัน และการยุบสภาที่เสนอโดยฝ่ายค้านทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีการบอยคอตการเลือกตั้ง ส่วนตัวแล้วเห็นว่า ทางนี้จะเป็นหนทางที่ป้องกันการนองเลือดได้" นายปริญญากล่าว

รัฐเจรจาขอเข้าไปเก็บเอกสารในทำเนียบ

 เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า หลังจากที่พันธมิตรยึดทำเนียบรัฐบาลก็เกิดปัญหาในการทำงาน แต่การประชุม ครม.จะมีขึ้นตามปกติ ณ กองบัญชาการกองทัพไทย อย่างไรก็ตาม เราจะส่งคนไปเจรจาเพื่อเข้าไปนำเอกสารและอุปกรณ์มาดำเนินการต่อไปให้เสร็จ

 ส่วนที่มองกันว่าอาจเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยให้พรรคร่วมรัฐบาลรับหน้าที่แทนนั้น ขณะนี้นายสมัครยืนยันว่าไม่ยุบสภา ไม่ลาออก และรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพรรคพลังประชาชนไม่ได้จัดมวลชนขึ้นมาต้านพันธมิตร ส่วนที่มี ส.ส.ของพรรคไปร่วมขึ้นเวที นปก.ถือเป็นเรื่องส่วนตัว

 พล.ต.ท.วิเชียรโชติ ยังกล่าวถึงเหตุระเบิดกลางดึกวันที่ 31 สิงหาคม ที่ป้อมยามสี่แยกวัดมกุฏกษัตริย์ฯ ว่า เป็นฝีมือของพลเอกคนเดิมที่ต้องการทำเรื่องแบบนี้

สมัครยันไม่ใช้ความรุนแรงสลายม็อบ

  เวลา 18.15 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับนายสมัคร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค นายบุญลือ ประเสริฐโสภา และแกนนำบางส่วน โดยยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายหลักที่จะไม่ใช้กำลังสลายการชุมนุม หรือทำให้เกิดการปะทะทำร้ายประชาชน

 ส่วนการประชุมร่วม 2 สภาที่ผ่านมา บางมุมก็ถือว่าเป็นประโยชน์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็จะนำมาพิจารณาเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป และทั้ง 2 สภาก็มีจุดยืนเดียวกันคือไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง ส่วนการเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกหรือยุบสภาก็ต้องดูว่ากลุ่มคนที่เรียกร้องเป็นใคร มีเป้าหมายอื่นทางการเมืองหรือไม่

 นายณัฐวุฒิ กล่าวปฏิเสธถึงข่าวการระดมกลุ่ม นปก.เข้ามาเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรว่า ไม่เป็นความจริง แต่หากจะมีการเคลื่อนไหวก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นการกระทำของประชาชน รัฐบาลไม่ได้เข้าไปเกี่ยว แต่หากมีความต้องการจะเข้าไปปะทะหรือการเผชิญหน้า ก็อยากขอร้องบรรดาแกนนำของทุกฝ่าย อย่าให้มีเรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้น 

อัยการสุราษฎร์ไม่ยอมรับฟังคำสั่งรัฐ

 เว็บไซต์ผู้จัดการเสนอข่าวโดยระบุว่า นายโกวิท ศรีไพโรจน์ อัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกแถลงการณ์ ประกาศไม่ยอมรับฟังคำสั่งของรัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี โดยรายละเอียดในแถลงการณ์ระบุว่า การใช้กำลังประทุษร้าย สลายการชุมนุมของประชาชนที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากนั้น เป็นการกระทำละเมิดต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ขัดต่อหลักนิติธรรม หลักนิติรัฐ และยังมีทีท่าคุกคามการชุมนุมของประชาชนต่อไป

 บุคลากรของสำนักงานอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความเห็นว่า เมื่อการดำเนินการของรัฐบาล ขัดต่อหลักการพื้นฐานแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 3 วรรคสอง ที่ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม และมาตรา 4 ที่ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครอง ดังนั้นรัฐบาลนายสมัครจึงหมดความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินอีกต่อไป

 “ในฐานะความเป็นข้าราชการซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา หากยังต้องรับฟังคำสั่งรัฐบาลนี้อีกต่อไป ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งอันมิชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อหน้าที่ของข้าราชการ หน้าที่ของพนักงานอัยการซึ่งต้องใช้อำนาจหน้าที่เพื่อปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ สำนักงานอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงขอแถลงการณ์ประกาศไม่ยอมรับฟังคำสั่งของรัฐบาล ซึ่งมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป” แถลงการณ์ระบุ

 นายโกวิทระบุว่า การออกแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นการแสดงอารยะขัดขืนต่อรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้กระด้างกระเดื้องต่อผู้บังคับบัญชาคือสำนักงานอัยการสูงสุด ตนยังปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด เพียงแต่ไม่ฟังการสั่งการจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายสมัครเท่านั้น เพื่อที่จะปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์

บึ้มป่วนเมืองกลางดึก

 ความวุ่นวายเริ่มคุกรุ่นในเมืองหลวงหลากรูปแบบ ล่าสุดเมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 1 กันยายน พ.ต.ท.สุวรรณ ผลอินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.นางเลิ้ง ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณป้อมตำรวจจราจร บริเวณเชิงสะพานวิศสุกรรมนฤมาณ ถ.ผดุงกรุงเกษม แยกประชาเกษม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นป้อมตำรวจจราจรของ สน.นางเลิ้ง สภาพด้านนอกกระจกโดยรอบแตกกระจาย และกระถางต้นไม้ที่วางอยู่รอบๆ ป้อมดังกล่าวล้มระเนระนาด นอกจากนี้ ยังมีอาคารใกล้เคียง อาคารสมาคมสหพันธ์โรงเรียนเอกชนแห่งประเทศไทย ได้รับความเสียหาย กระจกบริเวณชั้น 2 แตกกระจาย เบื้องต้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว

 จากการสอบสวนนายวนัส ศิริรักษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 887/39 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม คนขับรถแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทร 4671 กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่ที่บริเวณดังกล่าว สังเกตเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากป้อมตำรวจ จากนั้นได้ยินเสียงดังระเบิดขึ้น ก่อนที่กระจกจะแตกกระจาย

 หลังเกิดเหตุไม่นานนัก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทีมทนายความของครอบครัวชินวัตร เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น. โดยปิดกั้นถนนและกันผู้ไม่เกี่ยวข้อง รวมถึงสื่อมวลชนเข้าไประหว่างที่เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้ระเบิด บก.ตปพ.บช.น.กำลังตรวจสอบภายในป้อมดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย

 ด้าน พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า เบื้องต้นเท่าที่เข้าไปตรวจดู คาดว่าคนร้ายใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อระเบิด ซุกใต้คอมเพรสเซอร์ที่อยู่ด้านนอกป้อม เท่าที่ตรวจดูไม่พบถ่านและนาฬิกา น่าจะเป็นระเบิดชนิดแรงดัน เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง

"จงรัก"เชื่อเป็นฝีมือของ "มือที่สาม"

 เมื่อเวลา 08.40 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และรักษาการ ผบช.น. กล่าวถึงเหตุระเบิดว่า เชื่อว่าน่าจะเป็นมือที่สาม เพราะระเบิดไม่ได้มุ่งหวังจะทำร้ายชีวิตหรือทรัพย์สิน น่าจะต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้แก่บ้านเมือง หากใครเป็นคนทำก็ขอให้หยุด เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว อยากให้แก้ไขตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญจะดีกว่า ช่วงที่ผ่านมาก็มีระเบิดมาแล้วเป็น 10 ครั้ง ส่วนระเบิดเป็นชนิดใดนั้น ขอเวลาให้ ผกก.สน.นางเลิ้ง รายงานก่อน และต้องรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จะสามารถคลี่คลายได้

ให้ตำรวจใช้แค่โล่-งดใช้กระบอง

 พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า หลังได้รับมอบหมายให้มาดูสถานการณ์และควบคุมการสั่งการดูแลความปลอดภัยความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ขอยืนยันว่าจะยึดหลักตามนโยบายของนายกฯ ที่ประสงค์ไม่ให้เกิดความรุนแรง และจากนี้ไปจะไม่ให้ตำรวจถือกระบองหรืออาวุธอื่นๆ จะมีเพียงโล่กำบังอันเดียวเท่านั้น และมีการปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ให้นุ่มนวลมากขึ้นโดยไม่ใช้ความรุนแรง คงไม่น่ามีปัญหาอะไร และเชื่อว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์ได้ นอกจากนี้จะมอบหมายให้ พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น. เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์

วาง 5 มาตรการล้อมคอกเหตุระเบิด

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จงรัก มีบันทึกข้อความด่วนที่สุดถึงรอง ผบช.น., ผบก.น.1-9 และรองผบก.ศส.บช.น. เรื่องเพิ่มมาตรการในการป้องกันความไม่สงบเกี่ยวกับการลอบวางระเบิด ดังนี้ 1.ให้แต่ละ บก.สั่งการให้ทุก สน.และกก.สส.ในทุก บก.และศูนย์สืบสวน จัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนหาข่าวในจุดล่อแหลม อาทิ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ถังขยะ ป้ายหยุดรถประจำทาง เป็นต้น ในเขตรับผิดชอบ ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นการป้องกันเหตุ 2.ให้ทุก สน.ตั้งด่านตรวจในช่วงกลางคืน เรียกตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะต้องสงสัยโดยให้เน้นการตรวจค้นอาวุธปืน วัตถุระเบิด ชนิดต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ

 3.ให้ บก.ตปพ.จัดกำลังสายตรวจเคลื่อนที่ตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะต้องสงสัย ในขณะที่ออกตรวจท้องที่โดยเน้นสถานีขนส่งต่างๆ พื้นที่รอยต่อกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พร้อมทั้งให้ ตปพ.จัดชุดเก็บกู้และชุดปฏิบัติการสุนัขตำรวจเตรียมความพร้อม ณ ที่ตั้ง ในการสนับสนุนแต่ละ บก.ที่ร้องขอตลอด 24 ชม.

 4.ให้ทุก สน.ประชาสัมพันธ์ แสวงหาความร่วมมือจากประชาชนและแนวร่วม กต.ตร.สน.และสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมให้ช่วยเป็นหูเป็นตาในการป้องกันเหตุก่อความไม่สงบ การลอบวางระเบิดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ และ 5.ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ บช.,บก.และสน.ควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งนี้โดยเคร่งครัดด้วย

พธม.ฟันธงระเบิดสร้างสถานการณ์

 พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร เปิดแถลงข่าวอีกครั้ง โดยตั้งข้อสังเกตเหตุระเบิดเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนกลัว ไม่มาร่วมชุมนุม ถือเป็นแผนของรัฐบาลที่มีความพยายามระดมประชาชนจังหวัดละ 5,000 คน ใช้ นปก.มาก่อกวน หลังสลายการชุมนุมไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ยืนยันไม่มีเงินจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ 200 ล้านบาท มาสนับสนุนการชุมนุม แต่เป็นเงินบริจาค และพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด

 พล.ต.จำลองกล่าวถึงกรณีกลุ่ม นปก.ขีดเส้นให้พันธมิตรออกจากทำเนียบรัฐบาลภายใน 7 วันหากไม่ออกจะเคลื่อนพลมาขับไล่ว่า เป็นใคร มาจากไหนถึงมาขู่ เพราะมีการข่มขู่พันธมิตรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ไม่เห็นมาสักที เราก็อยากออกจากทำเนียบรัฐบาลเร็วๆ เหมือนกัน อยู่มาหลายวันแต่ไม่เห็นมาสักที ไม่กลัวคนกลุ่มนี้ และไม่ต้องกลัวว่าพันธมิตรจะไม่ออก หากนายสมัครและรัฐบาลชุดนี้ลาออก พันธมิตรก็พร้อมที่จะออกจากทำเนียบทันที ดังนั้นเมื่อนายสมัครยังไม่ออก ก็อย่าขู่ให้เสียเวลาเลย

รณรงค์เปิดไฟรถ-ติดริบบิ้นสีเหลือง

 ด้าน น.ส.อัญชลี ไพรีรัก ผู้ดำเนินรายการบนเวทีปราศรัย กล่าวว่า ขณะนี้บอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ประกาศลาออกทั้งคณะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์พนักงานรถไฟหยุดงานมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร ดังนั้นจากนี้ต่อไปขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกันเปิดไฟหน้ารถเวลากลางวัน เพื่อร่วมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร กรณีที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลได้ พร้อมทั้งจะทำริบบิ้นสีเหลืองแจกจ่ายให้ประชาชนนำไปติดไว้ที่กระจกรถ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขับไล่รัฐบาลด้วย

นปก.ขู่เคลื่อนพลกดดันหน้าทำเนียบ

 ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) นั้น เมื่อเวลา 18.00 น.บริเวณท้องสนามหลวง บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มนปก.ซึ่งชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่สาม มีประชาชนสวมเสื้อสีแดงทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมอย่างเช่นที่ผ่านมา

 นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า การชุมนุมของ นปก.ไม่ได้ต้องการปกป้องนายสมัคร แต่ต้องการปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ขอเรียกร้องให้พันธมิตรออกจากทำเนียบรัฐบาลภายใน 7 วัน โดยภายใน 1-2 วัน นปก.จะส่งสัญญาณอย่างเป็นรูปธรรม โดยการเคลื่อนขบวนไปกดดันกลุ่มพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาล แต่จะไม่ใช้วิธีการรุนแรงและไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกัน

 นายวิภูแถลง ยังเรียกร้องให้แกนนำพันธมิตรปฏิบัติตามคำสั่งศาล เช่นเดียวกับที่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคนอื่นปฏิบัติตามเช่นกัน ทั้งนี้แกนนำพันธมิตรต้องรับผิดชอบการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ว่าด้วยการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ

นปก.ปากน้ำเปิดเวทีปราบกบฏ

 ขณะเดียวกันที่ ลานหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มประชาชนชาวสมุทรปราการ ที่รวมตัวกันในชื่อ “ปราบกบฏ นปก.สมุทรปราการ" เปิดเวทีประชาชนขึ้นที่บริเวณลานหน้าศาลากลาง ปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรอย่างรุนแรง โดยมีประชาชนกว่า 500 คน ใส่เสื้อสีแดงเข้าร่วมรับฟัง

 ส่วนของการชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลในต่างจังหวัดนั้น ปรากฏว่า มีการตั้งเวทีปราศรัยสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลนายสมัครในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยที่ภาคเหนือ เช่นที่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแพร่ ส่วนที่อีสาน เช่นที่ มหาสารคาม สุรินทร์ อุดรธานีและกาฬสินธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่นอกจากจะปราศรัยโจมตีพันธมิตรแล้วยังมีการยื่นหนังสือให้กำลังใจนายสมัคร ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย

องค์กรสตรีร่อนจ.ม.ถึงเมียหมักกล่อมลาออก

 ที่ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา นายสมชาย หอมละออ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้แถลงข้อเสนอทางการเมืองเพื่อร่วมแสวงหาทางออกให้แก่สังคมไทยว่า ขณะนี้สถานการณ์มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น หากไม่หาทางยับยั้งอาจเกิดโศกนาฏกรรมในเวลาอันใกล้ องค์กรสิทธิฯ ผิดหวังต่อบทบาททางการเมืองในระบบรัฐสภาและรัฐบาลที่ไม่ได้แก้ปัญหาความขัดแย้ง แต่กลับซ้ำเติมให้ปัญหาเลวร้ายขึ้น จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มองค์กรวิชาชีพและคณาจารย์ออกมาแสดงท่าทีเพื่อให้การทำงานของรัฐบาลและรัฐสภา เป็นไปตามครรลองโดยระบอบประชาธิปไตย ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หากลาออกก็จะเป็นการปลดล็อกทางการเมือง ขณะเดียวกันขอให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เช่น ประธานองค์กรอิสระออกมาช่วยเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยให้เกิดการเจรจา

 ด้านนางทิชา ณ นคร ตัวแทนองค์กรผู้หญิงกับการปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า ในส่วนขององค์กรผู้หญิงจะเขียนจดหมายถึงภรรยานายกฯ เพื่อขอให้ช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาอย่าให้ตระกูลสุนทรเวช ต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์แง่ลบ

ศาลรับอุทธรณ์ถอนหมายจับ 9 พธม.

 เมื่อเวลา 16.00 น. นายณฐพร โตประยูร ทนายความ เดินทางมายื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุมัติออกหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร นายอมร อมรรัตนานนท์ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตร ผู้ต้องหาที่ 1-9  ที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ในความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี มาตรา 114, ผู้ใดกระทำเพื่อให้เกิดการปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 215 และ 216

 ทั้งนี้ ศาลรับคำร้องไว้และนัดฟังคำสั่งวันที่ 2 กันยายนนี้ เวลา 14.00 น.

ปอมท.แนะให้ "สมัคร" ลาออก

 ดร.ไชยา กุฎาคาร ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ในฐานะประธานที่ประชุมสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.) กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นเรื่องทางออกของประเทศ สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง ในการสัมมนาวิชาการประจำปี 2551 ของปอมท. ซึ่งมีคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 40 แห่ง จำนวน 200 กว่าคน ผลปรากฏว่าผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ 31.58% เสนอให้นายสมัคร สุนทรเวช ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เสียสละ เพื่อคลี่คลายปัญหา ส่วนข้อเสนอลำดับต่อมา คือ การยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ใช้กลไกรัฐสภาในการแก้ปัญหา นำปัญหาที่เกิดขึ้นหารือและหาข้อสรุปในการแก้ปัญหาในที่ประชุมรัฐสภา เสนอพันธมิตรควรยุติการชุมนุม การประท้วงโดยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไป และอื่นๆ เสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ไม่เอาท่อน้ำเลี้ยงรัฐบาล


อย่างไรก็ตาม แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ส.ส.สัดส่วน นายบุญยอด สุขถิ่นไทย นายชนินทร์ รุ่งแสง น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม. ต่างมาให้กำลังใจนายอภิรักษ์

 นอกจากนี้ยังมีประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ให้กำลังใจนายอภิรักษ์ ทั้งชาวบางกะปิ บึงกุ่ม ที่ชูป้ายชาวบึงกุ่ม We Love Apirak, ชาวบางกะปิสนับสนุนอภิรักษ์เป็นผู้ว่าฯ กทม., ชาวมุสลิมห้วยขวางขอสนับสนุนอภิรักษ์ โกษะโยธินเป็นผู้ว่าฯ กทม.

 ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ ที่เดินทางมาถึงเวลา 07.00 น.ให้สัมภาษณ์ว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ว่า มั่นใจว่าจะได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่าฯ  กทม.อีกครั้ง โดยนโยบายที่จะเสนอต่อประชาชน นอกจากจะเป็นการสานต่อนโยบายที่ได้ทำมาสมัยที่เป็นผู้ว่าฯ กทม. อาทิ นโยบายการแก้ไขปัญหาจราจร แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้คนกรุงเทพฯ ส่งเสริมอนาคตให้เด็กและเยาวชน และส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จะมีนโยบายใหม่ คือ ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนากรุงเทพฯ

 นายอภิรักษ์ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ถึงแม้ผลการสำรวจคะแนนของตนจะนอนมา แต่สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ประชาชนอาจเกิดความเบื่อหน่าย ทำให้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งน้อย ดังนั้นจะรณรงค์ให้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง นอกจากนี้จะเปิดเว็บไซต์ www.futurebangkok.net เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และนำมาเป็นนโยบายในการพัฒนาเมือง

 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่นายอภิรักษ์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางมาพบปะกับบรรดากองเชียร์ที่อยู่บริเวณลานคนเมือง กลุ่มผู้สนับสนุนของ นายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือ สุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่ลงสมัครในนามอิสระ ได้ตะโกนด้วยถ้อยคำหยาบคาย อาทิ "พวกพันธมาร" "เราไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์"

 ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ลงสมัครในนามอิสระ มาถึงเมื่อเวลา 07.50 น. โดยมีผู้ติดตามเพียง 2 คน ขณะที่กองเชียร์ของ ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ ลงสมัครในนาม "กลุ่มเมตตาธรรม" ได้นำคณะสิงโตมาแห่เชิด พร้อมกับมีคณะติดตามประมาณ 10 คน ขณะที่นายสุเมธ ตันธนาศิริกุล ลงสมัครในนามอิสระ ได้นำหมวกที่อ้างว่าเป็นของเปาบุ้นจิ้น และดาบอาญาสิทธิ์มาด้วย และกล่าวว่า ดาบและหมวกดังกล่าวจะมอบให้แก่ใครก็ได้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ  กทม.เพราะอยากให้ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม

จับเบอร์จัดอันดับผู้ยื่นใบสมัคร

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดำเนินการรับสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. โดยนายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการกองปกครองและทะเบียน กทม.ได้สรุปรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่มาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. มีทั้งสิ้น 8 คน เริ่มตั้งแต่ นายกิตติศักดิ์ ถิรวิศิษฎ์ ลงทะเบียน เวลา 07.20 น. นายวราวุธ ฐานังกรณ์ ลงทะเบียน เวลา 07.25 น. ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ ลงทะเบียน เวลา 07.26 น. นางลีนา จังจรรจา ลงทะเบียน เวลา 07.35 น.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ลงทะเบียน เวลา 07.49 น.นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ลงทะเบียน เวลา 07.52 น.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ลงทะเบียน เวลา 07.55 น.และ นายสุเมธ ตันธนาศิริกุล ลงทะเบียน เวลา 08.05 น.

 จากนั้น นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร ว่าการรับสมัครวันนี้เป็นวันแรกมีผู้มาสมัครก่อนเวลา 08.30 น.จำนวน 8 คน ถือว่ามาถึงพร้อมกัน  ดังนั้น จะให้ผู้สมัครตกลงกันว่า ใครจะเป็นผู้ยื่นใบสมัครก่อนหลัง ถ้าตกลงไม่ได้ก็จะให้จับสลาก

 ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ส่งลูกบอลบรรจุรายชื่อผู้สมัครทั้ง 8 ราย ให้ ผอ.กกต.ทถ.กทม.แสดงต่อสักขีพยานก่อนจะหย่อนลงในภาชนะใสทรงกลมเพื่อหมุน จากนั้นปลัด กทม.ได้สุ่มหยิบรายชื่อผู้สมัครขึ้นมาทีละราย เพื่อจัดลำดับว่าผู้สมัครคนใดจะได้สิทธิ์จับอันดับหมายเลขก่อนหลัง ปรากฏว่านายสุเมธได้อันดับ 1 ร.อ.เมตตาได้อันดับ 2 นายชูวิทย์ได้อันดับ 3 นายกิตติศักดิ์ได้อันดับ 4 นางลีนา ได้อันดับ 5 นายวราวุธได้อันดับ 6 ส่วนอันดับ7 คือนายเกรียงศักดิ์ และอันดับ 8 คือนายอภิรักษ์

"อภิรักษ์" ได้เบอร์ 5/ดร.แดน ได้เบอร์ 2

 การจับสลากหมายเลขผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในช่วงเช้าวันแรกของผู้สมัครทั้ง 8 คนนั้น มีดังนี้

 นายกิตติศักดิ์ ถิรวิศิษฎ์ ได้หมายเลข 1

 นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้หมายเลข 2

 ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ ได้หมายเลข 3

 นายวราวุธ ฐานังกรณ์ ได้หมายเลข 4

 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้หมายเลข 5

 นายสุเมธ ตันธนาศิริกุล ได้หมายเลข 6

 นางลีนา จังจรรจา ได้หมายเลข 7

 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้หมายเลข 8

ปลัด กทม.ยันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โปร่งใส

 นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร กล่าวสรุปผลการรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ช่วงเช้าวันที่ 1 กันยายน ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ ฝากเตือนไปยังผู้สมัครให้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียด และขอร้องอย่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หลังได้รับหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะการแห่ขบวนกลองยาว เชิดสิงโต หรือจัดมหรสพ ถ้าหากมีก็ต้องหยุดทันที รวมถึงการใส่ร้ายป้ายสีโจมตีผู้สมัครกันเอง

 นอกจากนี้ ปลัด กทม.ยังยืนยันว่า การดำเนินการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ จะเป็นไปอย่างโปร่งใสไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่ นายอภิรักษ์ อดีตผู้ว่าฯ กทม.ที่ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ อย่างแน่นอน พร้อมเชื่อว่าหลังผู้สมัครได้ลงพื้นที่หาเสียงคนกรุงเทพฯ จะมีความตื่นตัวมากขึ้น โดยจากการตั้งเป้าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. วันที่ 5 ตุลาคม ถึงร้อยละ 70

ปชป.มั่นใจ "อภิรักษ์" เต็ง 1

 นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายอภิรักษ์ ผู้ว่าฯ กทม.จับได้หมายเลข 5 นั้น คิดว่าเบอร์ไม่สำคัญ แต่ขอให้ประชาชนเลือก เพราะขณะนี้คู่แข่งยังลงรับสมัครไม่ครบ เพราะเป็นเพียงการรับสมัครวันแรก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านายอภิรักษ์จะได้เปรียบ เพราะว่ามีผลงาน แต่อาจเสียเปรียบเนื่องจากถูกโจมตีจากข้อบกพร่อง ที่อาจมีขึ้นในผลงานที่ทำ แต่มั่นใจว่านายอภิรักษ์จะเดินหน้าเพื่อ กทม.ในอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างเต็มที่

 เมื่อถามว่า สถานการณ์ทางการเมืองใหญ่จะกระทบการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองจะคลี่คลายก่อนจะถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นอกจากนี้ ประชาชนต้องพิจารณาแยกแยะการเมืองใหญ่ออกจากการเมืองท้องถิ่นด้วย

กกต.ชวนคนกรุงใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ ให้มาก

 นายประพันธ์ นัยโกวิทย์ กกต. กล่าวว่า หลังจากผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.จับสลากได้หมายเลขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กองเชียร์จะต้องหยุด เพราะถือว่าเป็นผู้สมัครแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีการร้องเรียนเหมือนที่ผ่านมา จึงขอให้ผู้สมัครระมัดระวังด้วย ส่วนการป้องกันการทุจริตนั้น ได้จัดหน่วยป้องกัน และเปิดสายร้องเรียนที่ 1177  คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะให้ความสำคัญ และขอให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์ให้มาก โดยไม่น้อยกว่าครั้งก่อน 65.2% อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นคงไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งระดับชาติ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์