ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 9.15 น. วันที่ 25 สิงหาคม นายเสกสรร บางสมบูรณ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ
ได้เดินทางมาถึงศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พร้อมด้วยรถ 6 ล้อ ซึ่งบรรทุกเอกสารหลักฐานการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) พร้อมด้วยสำเนา 9 ชุด ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทย์ฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ เพื่อขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งริบทรัพย์สินมูลค่า 76,000 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน
นายเสกสรร กล่าวว่า ได้นำเอกสารจำนวน 180 แฟ้มใน 101 ลังพร้อมด้วยคำฟ้องสมบูรณ์อีก 124 หน้ามายื่นฟ้องต่อศาลฎีกา โดบคาดว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งภายในวันนี้
ก่อนหน้านี้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด (อสส.) ลงนามคำฟ้องยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้ว ทั้งนี้ นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ว่า ขณะนี้คณะทำงาน เสนอคำฟ้องที่สมบูรณ์ ซึ่งมีรายละเอียด 124 หน้า ให้อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำเลย ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ที่จะยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินซึ่งเป็นเงินบัญชีเงินฝากของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว รวม 16 บัญชีในธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงิน รวม 7.6 หมื่นล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยที่ได้จากเงินฝากนั้นตกเป็นของแผ่นดินแล้ว
"ผมมอบหมายให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และคณะ เป็นผู้นำคำฟ้อง สำนวนพยานหลักฐานในชั้น คตส.ที่มีจำนวนมาก ไปยื่นต่อศาลฎีกาฯ วันที่ 25 สิงหาคม ในการยื่นคำฟ้องนั้น อัยการไม่จำเป็นต้องร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามยักย้ายทรัพย์สินอีก เพราะที่ผ่านมา คตส.มีคำสั่งอายัดทรัพย์ไว้อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง อีกทั้งเมื่อคดีกำลังจะเข้าสู่ศาล หากศาลไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นทรัพย์สินก็ต้องถูกอายัดไว้จนกว่าจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุด ห้ามบุคคลใดๆ ยักย้าย ทรัพย์สินที่เป็นเงินในบัญชีเงินฝากที่ถูกอายัดออกไป หากบุคคลใดๆ ฝ่าฝืนด้วยการนำเงินบัญชีเหล่านั้นออกไปโดยที่ศาลไม่ได้มีคำสั่งอนุญาต บุคคลนั้นมีความผิดต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย" นายชัยเกษม กล่าว
อภิหลักฐาน180ลัง!! ส่งฟ้องยึดทรัพย์แม้ว-ครอบครัว 7.6 หมื่นล้าน ถึงศาลฎีกาฯ แล้ว
ส่วนการกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่อยู่ในประเทศแล้วจะดำเนินคดีได้หรือไม่ นายวัยวุฒิกล่าวว่า การฟ้องคดีนี้ เป็นคดีความทางแพ่ง
ปกติศาลสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาได้เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ตัวจำเลยไม่ต้องมาฟังกระบวนพิจารณาอยู่แล้ว หากยื่นฟ้องแล้วศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องและส่งหมาย สำเนาคำฟ้อง ให้จำเลยตามที่อยู่ที่ปรากฏทราบแล้ว หากจำเลยไม่มาศาล และไม่แต่งตั้งทนายความเพื่อยื่นคำให้การสู้คดี ถือว่าจำเลยขาดนัด ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาลับหลังจำเลยโดยไต่สวนพยานหลักฐานที่โจทก์นำเสนอต่อศาลเพียงฝ่ายเดียวได้จนเสร็จสิ้น
ด้านนายเศกสรรค์กล่าวว่า เตรียมความพร้อมตรวจเอกสารและหลักฐานที่จะยื่นต่อศาล มีมากถึง 180 ลัง
ประกอบด้วยเอกสารหลักฐานการสอบสวนของ คตส. ที่จะมีคำให้การพยานบุคคลต่างๆ รวมทั้งสำเนาเอกสารทั้งหมดที่ต้องจัดทำไว้ 9 ชุดให้องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ 9 คนที่จะรับผิดชอบคดี และสำหรับที่ต้องจัดส่งให้จำเลย ในวันที่ 25 สิงหาคมจะต้องใช้รถบรรทุก 6 ล้อเพื่อขนย้ายเอกสารที่จัดเก็บไว้อย่างดีจากสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ไปยังศาลฎีกาฯ สนามหลวง ช่วงเช้าจะเข้าไปรับคำฟ้องจากนายชัยเกษม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง คาดวาจะยื่นคำฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ได้ในเวลา 10.00-10.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีเงินฝากของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ที่ถูก คตส.อายัดไว้ ประกอบด้วย
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์และที่ดิน, บลจ.ไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ( มหาชน), ธนาคารธนชาต, ธนาคารยูโอบี รัตนสิน, บลจ.กสิกรไทย, ธนาคารอาคารสงเคราะห์, บลจ.แอสเซทพลัส, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารนครหลวงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร