ส่วนปัญหาภายในพรรคพลังประชาชน ภายหลัง ส.ส.ประมาณ 200 คน ร่วมลงชื่อทำหนังสือถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้ชี้แจงเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
นำหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา ออกประกาศไปทั่วประเทศนั้น เมื่อเวลา 12.00 น. ที่พรรคพลังประชาชน มีการประชุมตัวแทน ส.ส.ภาคต่างๆ เพื่อหารือกรณีดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายวิทยา บุรณศิริส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล รองหัวหน้าพรรคและประธานภาค กทม. นายศรีเมือง เจริญศิริ ส.ส.สัดส่วน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม นอกจากนี้นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยู่ในห้องประชุมด้วย ภายหลังการประชุม นายสุทินเปิดเผยว่า นางเยาวภาชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ ส.ส.ไปกดดันนายสมัคร เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด อีกทั้งนางเยาวภาได้ประสานทำความเข้าใจกับนายสมัครแล้ว ขณะนี้ผู้ใหญ่ในพรรคอยากให้นายสมัครเป็นหัวหน้าพรรคและบริหารประเทศให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้
ต่อมาเวลา 14.00 น. มีการประชุม ส.ส.พรรคพลังประชาชน วาระสำคัญอยู่ที่เรื่อง ส.ส.จะซักถามนายสมัครเรื่องประกาศหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีแกนนำและ ส.ส.ของพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
กระทั่งเวลา 16.53 น. นายสมัครเดินทางเข้ามาที่พรรค โดยเดินตรงไปที่โพเดียมบริเวณหน้าห้องประชุม พร้อมกล่าวว่า “วิตกทุกข์ร้อนกันเหลือเกิน ไปสุรินทร์ก็ถาม ไปศรีสะเกษก็ถาม มาอุบลฯ ก็ถาม ทุกข์ร้อนกันจริง เมื่อเช้าประชุม ครม.ก็ถาม มานี่ก็ถาม” จากนั้นเหลือบเห็นกลุ่มผู้สื่อข่าวที่กำลังบันทึกภาพอยู่จึงกล่าวขึ้นว่า “อ้าว ไปไป ออกกันไปได้แล้ว” เมื่อนายสมัครพูดถึงช่วงนี้ นายวาสิต พยัคฆบุตร ส.ส.ลำปาง กลุ่มวังบัวบาน ซึ่งนั่งอยู่กึ่งกลางห้องประชุม ได้พูดเสียงดังว่า “เขาก็อยากถ่ายสิ ก็ไม่เคยเข้าประชุมเลย” ทำให้ ส.ส.ที่อยู่บริเวณรอบข้างนายวาสิตถึงกับตะลึงนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนการประชุมจะเดินหน้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัครได้กล่าวต่อที่ประชุมพรรคว่า จะมาพูดเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อทำความเข้าใจว่ามาทำงานตรงนี้เพื่อบ้านเมือง
โดยขอให้คำรับประกันว่า 1.ตนอาสาเบื้องสูงเข้ามาดำเนินการต่างๆ เพื่อบ้านเมือง 2.เข้ามาประสานงานให้เข้ากับทหาร 3.จะช่วยดูแล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้พยายามทำสิ่งต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ทั้งหมดเป็นการทำงานที่หนักมาก เพราะเข้ามาในภาวะไม่ปกติ แต่จะทำให้ดีที่สุด แต่การที่พวกเดียวกันมาถามข่าวที่อยู่ข้างนอกตรงนี้อยากให้มาพูดกันในพรรคก็พร้อมพูดกับทุกคน การกดดันจากภายนอกพรรคเช่นการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น เอาอยู่ แต่การกดดันจากภายในพรรค โดยมี ส.ส.มาล่ารายชื่อ ทำเหมือนตนเป็นจำเลยนั้น ไม่ถูกต้อง ถ้าในพรรคจะทำอย่างนี้อีกขอให้บอก จะพิจารณาตัวเอง