จากกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ประกาศออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและภริยาทั่วประเทศ ทำให้มีความขัดแย้งขึ้นในพรรคพลังประชาชน ส.ส.ส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคที่ไม่แสดง ท่าทีปกป้องอดีตนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เวลา 10.00 น. ที่พรรคพลังประชาชน ได้มี ส.ส.ทยอยเดินทางมาที่พรรคกันอย่างหนาแน่น
ทั้งนี้ ส.ส. และอดีตผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคได้จับกลุ่มหารือกันเกี่ยวกับการทำหนังสือเปิดผนึก เพื่อยื่นต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรค ในเย็นวันที่ 18 ส.ค. ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ภาคอีสาน เช่น ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี ส.ส.บุรีรัมย์ รมช.คมนาคม ในฐานะประธานภาคอีสาน นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.สมุทรปราการ เหรัญญิกพรรค นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล โดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ให้สัมภาษณ์หลังจากหารือกับ ส.ส.ร่วมลงชื่อว่า ขณะนี้มี ส.ส. และอดีต ส.ส.ร่วมลงชื่อประมาณ 200 คนแล้ว และจดหมายเปิดผนึกที่จะนำไปยื่นต่อนายสมัคร ได้ร่างเสร็จเรียบร้อย เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก ต้องการสอบถามนายสมัคร ในฐานะประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในกรณีที่ สตช.ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ว่าทำไมจึงมีลักษณะเหมือนกับประจาน และนายสมัครทราบเบื้องหลังหรือไม่
นายสงครามกล่าวว่า นอกจากนี้ ในเย็นวันที่ 18 ส.ค.นี้ ได้มอบให้เจ้าหน้าที่พรรคนำจดหมายเปิดผนึกไปยื่นให้กับสำนักปลัดนายกฯ
โดยแนบรายชื่อ ส.ส.และอดีตผู้สมัคร ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อเคลื่อนไหวไปด้วย หากในการประชุมพรรค 19 ส.ค.นี้ นายสมัครไม่มาเข้าร่วมประชุม จะบันทึกการแสดงความคิดเห็น ส.ส.ต่อกรณีดังกล่าวในที่ประชุมลงแผ่นซีดี เพื่อนำไปให้นายสมัครดูย้อนหลัง ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุม ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อมีการคุยกันหรือไม่ต้องการให้นายสมัครแสดงความรับผิดชอบโดยลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค นายสงครามตอบว่า ยังไม่ได้คุยถึงขั้นนั้น ต้องรอรับฟังการชี้แจงของนายสมัครก่อน เชื่อว่านายสมัครน่าจะเข้ามาชี้แจงเหตุผล เชื่อว่าการปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นน่าจะมาจากสาเหตุที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวนายสมัครเป็นพิษ คงมีใครที่ใกล้ชิดยุยงให้นายสมัครมากกว่า
ขณะที่นายวัลลภ สุปรียศิลป์ ส.ส.น่าน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า เดินทางมาที่พรรคเพื่อร่วมลงชื่อจดหมายเปิดผนึก โดย ส.ส.ภาคเหนือแทบทุกคนจะร่วมลงชื่อกัน เพราะรับไม่ได้และรู้สึกว่ากรณีที่เกิดขึ้น เป็นการทำเกินไป