แม้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหารจะลดความตึงเครียดลงมาได้ระดับหนึ่ง หลังจากมีการตกลงปรับลดกำลังทหารทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังต้องรอผลการเจรจาใหญ่อีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค. นี้
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 ส.ค. กรณีรัฐบาลมีมติให้กองทัพทั้ง 2 ประเทศ หารือการปรับกำลังทหารตามแนวชายแดนว่า ถ้าจะให้ปรับทหารกองทัพ 2 ฝ่ายต้องคุยกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ควรจะปรับอย่างไร ปริมาณเท่าไร ไปที่ไหน เป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน ซึ่งการคุยกันในวันที่ 18 ส.ค.นี้ คงมีความก้าวหน้าไปอีกขั้น เรามีความพอใจ แต่ขอให้มีความก้าวหน้า
เมื่อถามว่า จะมีการนำกำลังทหารออกจากวัดและตัวปราสาทพระวิหารหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ต้องมีการหารือก่อนหน้านั้น เราจะทำอะไรได้แค่ไหนต้องดูกันอีกที ต้องคุยกันก่อน
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปราศรัยเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาอาเซียนประจำปี 2551 ครบรอบ 41 ปี ในวันที่ 8 ส.ค. ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่าปัจจุบันอาเซียนมีสมาชิก 10 ประเทศ ขยายความร่วมมือในทุกด้านและได้รับการยอมรับว่าเป็นกลุ่มทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ อาเซียนกำลังพัฒนาจากกลุ่มความร่วมมือให้เป็นประชาคมอาเซียนภายในปี 2558 ประกอบด้วย 3 เสาคือประชาคมความมั่นคงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้มีความพร้อมในการป้องกันและจัดการกับความขัดแย้งระหว่างกันมากขึ้น จะจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย การเร่งรวมตัวทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างเขตการค้าเสรีอาเซียนและเขตการลงทุนอาเซียน เพื่อพัฒนาอาเซียนซึ่งมีประชากรกว่า 560 ล้านคน และมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ให้เป็นตลาดและฐานการผลิตที่เป็นหนึ่งเดียว
นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษา วัฒนธรรม สาธารณสุข พลังงาน สวัสดิการสังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนในภูมิภาครู้จักและเข้าใจกันมากขึ้น
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ ได้เผยแพร่ ข่าวสารนิเทศโดยระบุว่า ไทยยินดีกับท่าทีของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ที่ยืนยันให้ไทยและกัมพูชาแก้ปัญหากรณีปราสาทพระวิหารอย่างสันติวิธี และยึดกระบวนการที่มีอยู่ระหว่าง 2 ประเทศให้มากที่สุด เพื่อดำรงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-กัมพูชาต่อไปนับหมื่นปี และแสดงความหวังในการประชุม รมว.ต่างประเทศไทย-กัมพูชาครั้งที่ 2 ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะประสบความสำเร็จด้วยดี ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับจุดยืนของไทยที่ประสงค์ในทางออกอย่างสันติวิธีในบรรยากาศฉันมิตร โดยเน้นใช้กลไกต่างๆ ที่ 2 ประเทศมีอยู่อย่างเต็มที่ ทั้งการหารือในระดับ รมว.ต่างประเทศ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) เป็นต้น
เอกสารข่าวระบุอีกว่าความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องเส้นเขตแดน เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้สำหรับประเทศที่มีเขตแดนร่วมกัน
ซึ่งกรณีของไทย-กัมพูชานั้น มีเขตแดนทางบกร่วมกันถึง 798 กิโลเมตร ขอย้ำว่ากรณีปราสาทพระวิหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เท่านั้น โดยทั้ง 2 ประเทศยังมีผลประโยชน์และความร่วมมืออีกมากทั้งเชิงเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและมิติอื่นๆ และประชาชนของทั้งสองประเทศยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังจะเห็นได้จากชุมชนไทยและกัมพูชาตลอดแนวชายแดน ที่ได้ไปมาหาสู่ กันฉันมิตรและญาติสนิท รวมทั้งได้เฉลิมฉลองประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ร่วมกันมายาวนาน