หมายเหตุ - ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ได้ติดตามเสนอข่าวภารกิจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ตลาด อ.ต.ก.ได้ร่วมกันชี้แจงเหตุการณ์และข้อเท็จจริง ในการทำหน้าที่ติดตามนายสมัครวันนั้น
ระหว่างที่สื่อมวลชนติดตามนายกรัฐมนตรีไปทำข่าวที่ตลาด อ.ต.ก. เสมือนหนึ่งการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เข้าไปรุกล้ำก้ำเกินความเป็นส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี ถึงขั้นปักหลักเฝ้าทำข่าวนายกรัฐมนตรีปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในห้องสุขา
สื่อมวลชนที่ปฏิบัติภารกิจติดตามนายกรัฐมนตรีในวันดังกล่าว ขอชี้แจงว่า การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของสื่อมวลชน ในการติดตามทำข่าวภารกิจของนายกรัฐมนตรี เพื่อนำข้อมูลข่าวสารเสนอต่อประชาชน
และด้วยสถานการณ์ในวันดังกล่าว มีประเด็นสำคัญที่นายกรัฐมนตรี ต้องให้ความกระจ่างหลายประเด็น อาทิ เหตุผลเรื่องการปรับ ครม. ในตำแหน่งที่สำคัญซึ่งนายกฯได้ยืนยันก่อนหน้านั้นว่า จะชี้แจงรายละเอียดด้วยตัวเอง ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกอบกับมีกระแสข่าวนายกรัฐมนตรีได้เตรียมตัวเดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาเขาพระวิหาร
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่สำคัญ อาทิ การออกมาเปิดเผยข้อมูลคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี รับเช็คมูลค่า 10 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามประเด็นเหล่านี้จากปากของนายกรัฐมนตรี ภายหลังจบรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในวันที่ 3 ส.ค.แล้ว แต่ไม่ได้รับการชี้แจง
สำหรับกรณีนายกรัฐมนตรี กล่าวหาสื่อมวลชน ติดตามทำข่าวถึงหน้าห้องสุขา ขอชี้แจงว่า การติดตามนายกรัฐมนตรีไปตลาด อ.ต.ก.ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
และทุกครั้งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีไม่ได้แสดงอาการขัดข้อง ซ้ำยังเคยอธิบายวิธีเลือกซื้อกับข้าวอย่างอารมณ์ดีให้ผู้สื่อข่าวทราบ โดยข้อเท็จจริงสำหรับเหตุการณ์ในวันที่ 3 ส.ค.นั้น สื่อมวลชนได้ปักหลักปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามห้องสุขา ห่างถึง 50 เมตร และยังมีถนนคั่นกลาง สมควรแก่กาละเทศะไม่ใช่การปักหลักรออยู่หน้าประตูห้องสุขา ตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง อีกทั้งนายกรัฐมนตรีได้ใช้เวลาอยู่ในห้องสุขานานผิดสังเกต และระหว่างนั้น รถส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี และรถของทีมรักษาความปลอดภัย ได้วิ่งออกจากบริเวณใกล้ห้องสุขา เพื่อลวงให้ผู้สื่อข่าวเข้าใจผิดว่า นายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากตลาด อ.ต.ก.ไปแล้ว
หลังเวลาผ่านไป 40 นาที นายกรัฐมนตรีจึงออกมาจากห้องน้ำ และเป็นฝ่ายข้ามถนนตรงเข้ามาต่อว่าสื่อมวลชนด้วยถ้อยคำที่รุนแรง โดยเริ่มต้นด้วยคำว่า "เกิดมาไม่เคยเห็นใครเลวทรามอย่างกับคนพวกนี้เลย ทุเรศจริงๆ คนจะเข้าห้องน้ำมายืนเฝ้า มันบ้าหรือเปล่า ให้สมาคมหัดอบรมสั่งสอนบ้าง" หรือ "ยังหน้าด้านถ่ายกันอยู่อีกหรือ"
สื่อมวลชนตระหนักดีถึงสิทธิความเป็นส่วนตัวของแหล่งข่าว แต่การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนในการติดตามทำข่าวภารกิจของนายกรัฐมนตรี
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลข่าวสาร และเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ สื่อมวลชนมีความจำเป็นต้องติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีสิทธิโดยชอบ ที่จะตอบหรือไม่ตอบคำถาม แต่มิใช่ใช้วิธีการ และวาจาหยาบคาย ประหนึ่งเป็นการไม่เคารพสิทธิ และการทำหน้าที่ตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพของสื่อมวลชน โดยคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีอาจสร้างความเข้าใจผิดในสายตาประชาชนผู้รับสารได้
ที่มา หน้า 11 หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2551