เมื่อเกิดเหตุ "ม็อบปะทะ" กัน ย่อมปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ "วันนี้ได้แต่ทำใจ แต่ความจริงก็คือความจริง ขณะนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้สังคมหายคลางแคลงใจ จะเอาผมไปตัดคอที่ไหนก็ได้ ถ้าผมผิด แต่มั่นใจว่าผมไม่ได้บกพร่อง เพราะได้ทำเต็มที่แล้ว..."
เหลืออีก 2 เดือน "สุพจน์ เลาวัณย์ศิริ" ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี จะอำลาชีวิต "ข้าราชการ" แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ทำให้ "เก้าอี้ร้อน" จนได้
เมื่อเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มชมรมรักอุดรกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เปิดเวทีปราศรัยบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ส่งผลให้กลุ่มพันธมิตรบาดเจ็บหลายคน
จนเป็นที่มาของการ "ถูกประณาม" จากกลุ่มนักวิชาการ 145 คน ที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง และถูกพันธมิตรยื่นหนังสือกล่าวโทษต่อ ป.ป.ช.ด้วย
"สุพจน์" ระบายความรู้สึกให้ฟังว่า "ผมไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้จะให้ผมทำอย่างไร
ในเมื่อได้มอบหมายและวางแผนงานให้ทุกคนไปแล้ว แต่เป็นเพราะข้อมูลบางอย่างไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ อีกทั้งในขณะมีการชุมนุม ทั้งกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มต้านพันธมิตร ต่างยืนยันว่าจะไม่มีการเคลื่อนย้ายขบวน และจะเป็นการชุมนุมโดยสงบ เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้ชุมนุมต่างพากันอ้างเงื่อนไขที่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถที่จะขัดขวางการชุมนุมได้"
และการเคยผ่าน "สังเวียน" ผู้ว่าฯแม่ ฮ่องสอน และหนองคาย อีกทั้งยังเรียนกฎหมายมา "สุพจน์" เข้าใจสิทธิของประชาชนเป็นอย่างดี ยับยั้งการชุมนุมไม่ได้แต่ต้องดำเนินการด้วยความสงบ หากมีการทำร้ายกันต้องจับกุมอย่างเด็ดขาด
"ผมก็ไม่เคยห้ามไม่ให้ใครเดินทางเข้าออก จ.อุดรฯ เพราะอุดรฯเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ทุกคนสามารถเดินทางเข้ามาได้"
แต่เมื่อเกิดเหตุ "ม็อบปะทะ" กัน ย่อมปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ "วันนี้ได้แต่ทำใจ แต่ความจริงก็คือความจริง
ขณะนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้สังคมหายคลางแคลงใจ จะเอาผมไปตัดคอที่ไหนก็ได้ ถ้าผมผิด แต่มั่นใจว่าผมไม่ได้บกพร่อง เพราะได้ทำเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่ควรที่จะมาทับถมกัน ผมเหลือเวลาอยู่ 2 เดือนจะเกษียณ อยากทำงานและพัฒนาจังหวัดให้ดีที่สุด"
ผู้ว่าฯสุพจน์ตัดพ้อว่า "จะไม่มานั่งแก้ข่าว เพราะเหมือนกับเป็นการแก้ตัว
แต่ที่มีคนบอกว่าผมปล่อยปละละเลยนั้น ละเลยอย่างไร นับตั้งแต่ทราบข่าวว่ามีการปะทะกัน ได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ มีการประชุมกำหนดแผน และสั่งการตลอดเวลา ไม่ได้นิ่งเฉย เพราะเราต้องคุ้มครองปกป้องประชาชน แต่ก่อนหน้าที่จะมีเหตุปะทะ ผมได้รับรายงายจากผู้บังคับการตำรวจภูธร ได้มีการเจรจากับทุกฝ่ายว่าให้อยู่ในความสงบ และผมได้เน้นย้ำว่าอย่าให้มีการปะทะ แต่พอปะทะกันผมก็เสียใจอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านรัฐมนตรี (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย) ได้โทร.มาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงมีการตีกันได้ ก็ได้รายงานไปตามจริง ว่าทางกำลังเจ้าหน้าที่สู้ไม่ไหว และได้พยายามเอาคนออกจากที่เกิดเหตุให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะให้เกิดการบาดเจ็บน้อยที่สุด และหากไม่มีผู้บาดเจ็บก็จะดีกว่านี้ ถ้ากระทรวงจะสอบสวนเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี จะได้ทำความจริงให้ปรากฏ พร้อมที่จะชี้แจงทุกเรื่อง"
พร้อมกับทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แบบปลงกับชีวิตว่า "เวลานี้ได้แต่ทำใจ พูดอะไรไปก็ผิดไปหมด แต่ยืนยันและสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ 1,000 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครมาขอร้องหรือสั่งให้ผมทำในทางที่ผิด"
***ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11099 , หน้า 11