พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 29 มกราคม พุทธศักราช 2551 แล้วนั้น นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจความตามมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายเตช บุนนาค เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พุทธศักราช 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่มีการเร่งรีบหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่แทนนายนพดล ปัทมะ เนื่องจากในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้จะมีการเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ กรณีปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ดังนั้น เพื่อให้ทันการเจรจาที่จะมีขึ้นนายสมัครจึงตัดสินใจนำชื่อนายเตช ขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อนมีการประกาศเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล และคาดว่านายสมัครจะนำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯและถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 27 กรกฎาคม เวลา 17.00 น. ที่วังไกลกังวล
นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเดินทางไปบรรยายพิเศษเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนาที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ให้สัมภาษณ์"มติชน"ว่า ผู้ที่ทาบทามให้รับตำแหน่งคือนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี โดยเหตุที่ตัดสินใจรับเพราะเห็นว่าต้องเข้ามาช่วยกันเนื่องจากตอนนี้บ้านเมืองกำลังมีวิกฤตการณ์ แต่ก็ยอมรับว่าหนักใจมาก หลังจากนี้คงต้องพบกับนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และอธิบดีทุกคนที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังการบรรยายสรุปก่อนที่จะเดินทางไปร่วมประชุมกับนายฮอร์ นัมฮอง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาที่เมืองเสียมเรียบในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ต่อไป
นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ให้นายเตช บุนนาค ที่ปรึกษาสำนักราชเลขาธิการ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า เรื่องการเลือกบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีเป็นสิทธิของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายเตช ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ มีประสบการณ์ที่ดี และมีความเป็นผู้ใหญ่สูง ดังนั้นเชื่อว่าจะสามารถบริหารงานในกระทรวงต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการหารือระหว่างนายเตช และนายฮอร์ นัมฮอง ที่เมืองเสียมเรียบจะจัดขึ้นที่โรงแรมดิ อองกอร์ พาเลซ สปา รีสอร์ท การประชุมจะเริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 10.30 น. และหารือต่อเนื่องกันไปจนแล้วเสร็จ โดยนายเตชจะเดินทางกลับไทยในตอนดึกของวันเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แม้กัมพูชาจะยินยอมชะลอการเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) พิจารณาเรื่องการเรียกประชุมฉุกเฉินออกไป แต่ขณะนี้คณะทำงานของกระทรวงการต่างประเทศก็เตรียมความพร้อมสำหรับการรณรงค์ทางการเมืองและการทูตในระดับสูงสุด โดยข้าราชการกระทรวงจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องผลัดเวรกันไปประจำการที่ห้องปฏิบัติการเกือบตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเชื่อว่าสถานการณ์ยังพลิกผันได้ทุกขณะ ท่าทีของฝ่ายไทยยังยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นควรเป็นการแก้ไขปัญหาในกรอบการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา
ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ กัมพูชาว่า แม้ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่จะกระตือรือร้นที่จะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ แต่ดูเหมือนว่าการเลือกตั้งจะยังได้รับความสนใจเป็นเรื่องรองจากกรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่คนกัมพูชาให้ความสนใจสูงสุดในขณะนี้ เพราะประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องอ่อนไหวที่ปลุกกระแสรักชาติขึ้นในหมู่ประชาชน และแม้รัฐบาลจะไม่ได้หยิบยกประเด็นปราสาทพระวิหารมาใช้ในการหาเสียง แต่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่า ชาวกัมพูชาทุกคนให้การสนับสนุนรัฐบาลเต็มที่เพราะเป็นเพียงสถาบันเดียวที่จะสามารถหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวกับรัฐบาลไทยได้ ซึ่งนั่นหมายถึงคะแนนเสียงที่สมเด็จฮุน เซนจะได้เพิ่มมากขึ้นในการเลือกตั้ง ด้านพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากล่าวหาพรรคซีพีพีว่าหาประโยชน์จากประเด็นปราสาทพระวิหารเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะทางการเมืองซึ่งรัฐบาลปฏิเสธ
วันเดียวกันหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์รายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายเขียว กันนะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชาว่า ความตึงเครียดระหว่างทหารของกัมพูชา-ไทยที่พื้นที่ใกล้เคียงปราสาทพระวิหารยังคงเพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับย้ำว่าทหารไทยได้รุกรานดินแดนกัมพูชา พร้อมกับระบุว่าการพบกันของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองคือการแสดงความตั้งใจทางการเมืองที่จะหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระดับทวิภาคี
"เราจะไม่อนุญาตให้ไทยอยู่ในดินแดนของกัมพูชาต่อไป เราจะไม่อดทนต่อสิ่งนี้เพราะไทยรุกล้ำและต้องการยึดครองดินแดนกัมพูชา แต่เราจะต้องพยายามใช้กระบวนการทางกฎหมายก่อน เรามีอาวุธมากมาย แต่เราไม่ต้องการละเมิดกติกาของอาเซียน และเราหวังว่าจะไม่ต้องไปถึงจุดที่ต้องต่อสู้กัน"นายเขียวกล่าว
รายงานข่าวระบุด้วยว่าพล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพ เดินทางไปยังจุดที่ทหารสองฝ่ายตรึงกำลังเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา พล.อ.เตีย บันห์ ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องการบอกกับกองกำลังกัมพูชาให้ใช้ความอดทน ต้องไม่เริ่มการใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งยังบอกด้วยว่า ความตึงเครียดเล็กน้อยก็ได้รับการบรรเทาลงแล้ว ทั้งนี้มีรายงานว่ากัมพูชาตรึงกำลังทหารและตำรวจราว 1,700 นายรอบบริเวณปราสาทพระวิหาร ขณะที่กองกำลังอีกมากตลอดแนวชายแดนได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมในระดับสูง แม้ทหารกัมพูชาและไทยในพื้นที่ดังกล่าวต่างเตรียมความพร้อมในการสู้รบ แต่ทหารของสองฝ่ายก็ยังพูดคุยกันสนุกสนาน ทหารกัมพูชาถึงกับแนะนำทหารไทยว่าขุดสนามเพลาะไม่ลึกพออีกด้วย