'สมัคร'ประกาศชัด เปิดสภาแก้รธน.แน่ อ้างมีเหตุผลที่จะรื้อ ยันปรับครม.ครั้งใหญ่ ดึงคนมีฝีมือช่วยดีเดย์หลัง18ก.ค.รอคดีหวย 3 รมต. ลูกพรรคได้ทีถล่มต่อ รธน.มีปัญหาต้องยกเครื่อง เอาแน่มาตรา 237 ประชาธิปัตย์ชี้ปรับครม.อาจสายเกินไปแล้ว ดิ้นรนทุกวิถีทางให้พ้นผิด
'สมัคร' เผยคนเขียนจ.ม.ด่าเจ็บๆ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และ เครือข่ายวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อเช้าวันที่ 13 กรกฎาคม ชี้แจงปัญหาการเมืองที่รุมเร้าอยู่ในขณะนี้ว่า มีจดหมายที่ต้องอ่าน เขียนมาว่า ไอ้สมัครบ้ากิน ตะกละ ไปไหนก็เร่ไปทำกับข้าว ที่สำคัญที่สุดทำเสร็จทั้งหมดแทนที่จะให้นักข่าวหรือคนในพื้นที่กิน เรียกว่าแจก เพราะวัตถุดิบตัวเองก็ไม่ได้ซื้อ พอทำเสร็จกลับขนกลับบ้านหมด เขาบอกไอ้อุบาทว์ ทำอะไรต่างๆ บริหารบ้านเมืองก็ทำไม่เป็น ไม่มีความสามารถจะสะเออะอยากจะมาเป็นนายกฯ เพื่อจะได้บันทึกประวัติศาสตร์ตัวเอง แม้จะได้มาเป็นเพราะว่ามีใครเป็นคนจัดการมาให้ต่างๆ ไม่มีศักดิ์ศรี อำนาจ พลเมืองจำนวนมากเขาทุเรศพฤติกรรมของแกจะแย่อยู่แล้ว นอกจากหน้าตาบุคลิกจะอุบาทว์แล้ว นิสัยยังถ่อย ทั้งที่เกิดมาไม่เคยพบเห็นนายกฯคนไหนที่จะมีความเลว ความถ่อยสถุน ตั้งแต่พับผ่า สิ วันหนึ่งไม่เห็นจะบริหารอะไร ดีแต่ปาก ปากเห่าไปวันๆ ให้สัมภาษณ์ไปวันๆ เสร็จแล้วว่าอย่างไร ขอแช่งให้มันตายปุบปับ แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้น
บอกชัดเปิดสภาปุ๊บ ''จะแก้รธน.''
'' ผมต้องอ่าน คนชมไม่ต้องอ่าน แต่คนด่าต้องอ่าน ผมไม่ใช่คนหน้าด้านหน้าทนอะไรมาจากไหน แต่ผมได้อาสาเข้ามา ตั้งแต่ผมลงสมัครรับเลือกตั้ง ผมไปหาเสียงเลือกตั้ง ผมได้รับเลือกตั้ง ผมทำทุกอย่างถูก เข้าตามตรอก ออกตามประตู เรื่องของรัฐธรรมนูญที่ผมบอกว่าเป็นเหตุ ที่พระพุทธเจ้าบอกให้ดับที่เหตุ เพราะฉะนั้น เหตุคือรัฐธรรมนูญต้องแก้ และต่อไปนี้จะแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องเห็นพ้องต้องกัน และจะต้องแก้เรื่องที่จะต้องยุบพรรค (มาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรค) คนเดียวไปทำแล้วต้องยุบทั้งพรรค อย่างนี้นี่ต้องแก้ ที่ว่าจะไปครอบจักรวาลแล้วก็ลากเอารัฐมนตรีไปโดนอย่างนี้เข้า ก็ต้องแก้ วุฒิสมาชิกจะแก้หรือไม่ ต้องดูว่าเขาเป็นอย่างไร เพราะวุฒิสมาชิกเขาก็อยากให้มาช่วยแก้รัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งแก้หรือไม่ ซึ่งมีอะไรหลายอย่างจะต้องแก้ 1-2-3-4 ไม่มาก แต่ต้องแก้'' นายสมัครกล่าว
นายกฯกล่าวว่า ผมจะบอกไว้ว่า ต่อไปนี้พอเปิดสภามาจะแก้รัฐธรรมนูญ เคยดู ดูพฤติการณ์ของคนพวกไม่มีเหตุผลที่จะมาทำลาย เรามีเหตุผลที่จะแก้ ผมพูดวันนี้เพื่อจะบอกว่าเราจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ จะมาสร้างวิกฤตการณ์แก้อะไรไม่ได้ ก็เอาเถอะ พรรคประชาธิปัตย์ที่บอกไม่อยากให้แก้ รออีกหน่อย ไม่กี่วัน กกต.วินิจฉัยว่าทางคุณได้ใบแดงเหมือนกัน เป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย ยุบพรรคเหมือนกัน แล้วบ้านเมืองจะเหลืออะไร เวลานี้ท่านก็พูดได้ เพราะยังไม่โดนกับตัวเอง บัดนี้ก็ลามไปถึงโดนแล้ว ก็บอกไว้ว่าต้องแก้ไขเพื่อจะดับชนวนเรื่องนี้ ศาลท่านวินิจฉัยตามที่กำหนดไว้ให้ เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่เอาขึ้นไปให้ศาล ก็จะไม่มีเรื่องขึ้นไป บ้านเมืองแก้ปัญหาได้
ยันปรับครม.ใหญ่-ดึงมือดีช่วย
นายกฯกล่าวด้วยว่า จะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ''ผมปรับ ครม.แน่นอน ปรับใหญ่ และจะปรับให้ดี ปรับให้แข็งแรง ปรับให้เอาคนมีฝีมือมาช่วยบริหารบ้านเมืองด้วย ผมจะทำ แต่คงจะต้องรอ เพราะวันที่ 18 กรกฎาคม เขาต้องวินิจฉัย (คดีหวยบนดิน ที่หากศาลรับฟ้องรัฐมนตรี 3 คน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่) กันก่อนว่า 1-2-3 คนนี้เป็นอย่างไร แต่เขาเตรียมกันภายใน ผมเตรียมหมดแล้ว ว่าจับใครใส่อย่างไร ผมกำลังทำของผมอยู่ ถูกต้อง ซึ่งผมมีที่ปรึกษาว่า คนนั้นเป็นอย่างไร''
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีนั้น นายสมัครกล่าวว่า ''สำคัญที่สุดว่าคนเก่ง คนดีนั้น เขาไม่อยากมาลงเรือลำนี้ เขากลัวมันล่ม คือกำลังนี้มันอันตราย คนแต่ก่อนนี้บอกเป็นรัฐมนตรี มีชื่อเสียง เกียรติยศ ยืดคอ แต่เดี๋ยวนี้เป็นรัฐมนตรี ขาข้างหนึ่งยื่นไปในตารางไว้ก่อน จะถูกขับเข้าไปอีกข้างเมื่อไรยังไม่รู้ แต่ก็ทำ ซึ่งอันตราย ลองช่วยหน่อยว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะยื่นกฎหมายว่าถ้าวินิจฉัยว่าผิด ติดตารางตลอดชีวิต ถึงประหารชีวิต นายนพดล (ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) คนเดียวยังไม่สะใจ ต้องเอานายสมัคร นายชูศักดิ์ (ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ด้วย แล้วเป็นอย่างไรหรือไม่ คนคนนี้ยังจะต้องนั่งถือหางเสืออยู่''
พปช.ขย่มต่อต้องแก้ 'รธน.'
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) แถลงว่า รัฐธรรมนูญหลายมาตรามีเจตจำนงทำลายล้างกฎหมายทั่วไป โดยเฉพาะมาตรา 237 วรรค 2 ที่ใช้หลักจับคนบริสุทธิ์ 10 คนดีกว่าปล่อยคนผิด 1 คน ซึ่งถือเป็นหลักที่ตรงกันข้ามกับกฎหมายทั่วไป และไม่ได้ทำให้การซื้อเสียงลดลง แต่กลับทำให้มีผู้หวังผลจากการร้องเรียนในลักษณะที่กลั่นแกล้งกันมากขึ้น และโทษที่มีความรุนแรงนั้น ไม่แตกต่างอะไรไปจากโทษประหารชีวิตในคดีฆ่าข่มขืน เพราะแม้จะมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตแต่ก็ยังเกิดคดีฆ่าข่มขืนเป็นประจำ
'' ขอตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อพรรคพลังประชาชนเสนอมุมมองทางกฎหมายในเรื่องใด พรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรค ก็จะออกมาระบุว่า ไม่อยากให้รัฐบาลโทษว่าเป็นความผิดของรัฐธรรมนูญ และอย่าเกรงกลัวรัฐธรรมนูญ ผมขอถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากไม่ได้กลัวรัฐธรรมนูญ 2550 ทำไมต้องลดจำนวนกรรมการบริหารพรรคให้เหลือ 15 คน การกระทำเช่นนี้เปรียบได้ว่า ประชาธิปัตย์ปากกล้าขาสั่น'' ร.ท.กุเทพ
สงสัยไม่กลัวแดงเพราะมีภูมิคุ้มกัน
โฆษก พปช.กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้เกิดการร้องเรียนเต็มไปหมด เพียงแต่ว่าพรรคใดถูกร้องแล้วถูกตัดสิทธิ และพรรคใดถูกร้องแล้วรอด ที่ผ่านมามีการจับเงิน 1.3 ล้านบาท ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ก็รอดใบแดงไป ซึ่งตอนนี้ขอรอดูกรณีที่กรรมการบริหารคนหนึ่งของพรรคการเมืองหนึ่ง แจกตั๋วหนังและมีการปราศรัยในโรงหนัง ซึ่งมีการบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ทั้งหมด หากเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่กลัว แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์มีภูมิคุ้มกัน หรือเกราะกำบังที่ดีกว่าคนอื่นหรือไม่
ร.ท.กุเทพกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่หยุดทำงานตราบใดที่พรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกันแหนียวแน่น ไม่มีการเปลี่ยนขั้วการเมือง โดยในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีนั้นถือสิทธิขาดของนายกรัฐมนตรี เชื่อว่านายกฯจะสามารถหาคนที่เหมาะสมาเข้ามาทำงานได้ สมาชิกคงไม่ต้องไปแนะนำอะไร แม้จะเชิญคนนอกเข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรีพรรคก็จะไม่ต่อต้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเปิดสภาในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ พรรคจะดำเนินการแก้ไขตามที่นายกรัฐมนตรีระบุหรือไม่ ร.ท.กุเทพกล่าวว่า ยังไม่ได้ฟังชัดเจน กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาการใช้รัฐธรรมนูญ 2550 กำลังพิจารณาอยู่ และหากกฎหมายประชามติออกมามีผลบังคับใช้ ในช่วงนั้นน่าจะมีความชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ชท.ชี้ให้รอ 'กมธ.' สรุปก่อน
นายสมศักดิ์ ปริศนานันกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนในการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคว่า ขณะนี้ทางสภา ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ มีตัวแทนพรรคการเมืองและภาคเอกชนขึ้นมาศึกษาการใช้รัฐธรรมนูญ 2550 แล้ว ควรจะใจเย็นรอให้ กมธ.สรุปผลการศึกษาก่อน เพื่อที่จะได้ทำทีเดียว ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาตั้ง กมธ.ขึ้นมาทำไม
''ไม่ปฏิเสธว่ารัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาบนสถานการณ์ปฏิวัติ มองอย่างไรก็ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องมีการแก้ไขแน่นอน แต่อยากให้การแก้ไขเป็นของทุกภาคส่วนของสังคมไทย แล้วจะเกิดความสำเร็จเหมือนเมื่อปี 2540 หากเกรง กมธ.วิสามัญล่าช้าไม่ทันต่อการยุบพรรค ผมยังอยากดูภาพรวมมากกว่าเพราะว่าอย่าเพิ่งตื่นตระหนกเกินเหตุว่าเมื่อ กกต.เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบแล้ว ศาลจะยุบทันทีเลย เพราะกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ กับ กกต.แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กกต.จะดำเนินการบนพื้นฐานของความเชื่อ คือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า กกต.ก็วินิจฉัยแล้ว แต่กระบวนการของศาลยุติธรรมต้องมีข้อเท็จจริง ประจักษ์พยาน พยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานแวดล้อมอื่น องค์ประกอบจะทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวหา มีช่องทางในการต่อสู้มากกว่ากระบวนการของ กกต. จึงไม่อยากให้หวาดวิตกเรื่องนี้เกินไป'' นายสมศักดิ์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคชาติไทยกล่าวกรณี นายกฯระบุปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นเพราะมีการเขียนวรรค 2 ของมาตรา 237 และ 190 ว่า ไม่อยากให้มองที่ใดที่หนึ่ง ให้มองภาพรวมว่าเป็นอย่างไร เกิดข้อจำกัดส่วนไหนที่ไม่ดี ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข แต่ถ้าไปบอกตรงนั้นตรงนี้ เจาะลงไป แล้วพอเจาะไปแล้วมันเกี่ยวกันกับตัวนักการเมืองโดยตรง ภาคประชาชนจะมองนักการเมืองอย่างไร ส่วนที่สมาชิกพรรค พปช.บอกว่ารัฐธรรมนูญทำให้ตุลาการกินแดนฝ่ายบริหารมากเกินไป นายสมศักดิ์กล่าวว่า อยากให้มองในภาพรวม อย่าไปดูเฉพาะกรณีหรือมองว่ากระบวนการใดกระบวนการหนึ่ง เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานของฝ่ายไหน เพราะถ้าตั้งสมมติฐานแบบนี้ จะเคลือบแคลงกันไปมา บ้านเมืองก็หากติกาหรือหาความสมานฉันท์ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเคารพการปฏิบัติหน้าที่ของกันและกัน ให้เกียรติกันและกัน