รองโฆษก รบ.ชี้ 'ปฐมพงษ์' ทำผิด กม. 4 ฉบับ ซัดชายชาติทหารไม่ควรข่มขู่ ผบ.สส.ย้ำมีอำนาจแค่ว่ากล่าวตักเตือน 'ปฐมพงษ์' เหนือกว่านั้นเป็นหน้าที่ของกลาโหมบอกทำรายงานเสนอ 'สมัคร' แล้วว่าหาตัวไม่พบ 'จำลอง'ยุให้ พล.อ.ฟ้องกลับที่ถูกสอบสวน 'เฉลิม' ไม่หวั่นม็อบต้าน มีแต่พวก ส.ส.สอบตกออกมาไล่
'บุญสร้าง' ย้ำอำนาจแค่ตักเตือน
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ย้ำว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชา พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย มีอำนาจลงโทษทางวินัยได้เพียงว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งได้มีคำสั่งให้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว ส่วนโทษที่มากกว่านั้น จะต้องเป็นระดับกระทรวงพิจารณาหรือโทษทางอาญา
ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 'ลับ ลวง พราง' ออกอากาศทางสถานีวิทยุองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท) เอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พล.อ.บุญสร้างกล่าวถึงกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งสอบสวน พล.อ.ปฐมพงษ์ ที่แต่งชุดทหารขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าในฐานะหน่วยบังคับบัญชาต้นสังกัดก็ได้ดำเนินการทางวินัย ซึ่งทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน ส่วนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ไม่ได้ขัดกัน ถ้าจะทำอะไรให้มากกว่านั้นเป็นเรื่องของอีกระดับหนึ่ง และคงต้องใช้ระดับกระทรวง ที่มีนายทหารพระธรรมนูญ และจเรทหาร ซึ่งต้องแยกกันระหว่างเรื่องวินัยกับเรื่องของกฎหมาย
ทำรายงานเสนอ 'สมัคร' แล้ว
''ได้ทำรายการส่งนายกรัฐมนตรีไปว่า ตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ แต่ได้มีคำสั่งให้ว่ากล่าวตักเตือน'' พล.อ.บุญสร้างกล่าว และว่า ส่วนกรณี พล.อ.ปฐมพงษ์ได้แต่งชุดทหารขึ้นเวทีพันธมิตรอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ต้องว่ากล่าวตักเตือน เพราะโทษทางวินัยทหารระดับจอมพล คือ ว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งทำได้แค่นั้น
เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรพยายามดึงทหารเข้าไปในเกมการเมือง พล.อ.บุญสร้างหัวเราะ และกล่าวว่า ไม่พูดอะไรดีกว่า ทุกคนก็หวังดีต่อบ้านเมือง แต่ก็ต้องรอบคอบและไม่หวังผลเฉพาะหน้าเท่านั้น ต้องดูอะไรระยะยาวๆ ซึ่งบางครั้งทำอะไรไปคิดว่าเป็นผลดีเฉพาะหน้า แต่เสร็จแล้วมันจะส่งผลระยะยาวที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง
''ผมไม่ได้หมายความถึงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่คนไทยทุกคนควรมองถึงบ้านเมืองเฉพาะหน้า และระยะยาว อย่าทำอะไรให้เสียระบบ ไม่อย่างนั้นตัวละครที่คนเล่นบทนี้ก็ไปเล่นบทอื่น และหนักเข้าละครโรงนี้ก็อาจจะยุ่งเหมือนกัน'' พล.อ.บุญสร้างกล่าว
รองโฆษกรบ.ชี้ผิดกม.4ฉบับ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โทษว่ากล่าวตักเตือนที่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวถึงเป็นโทษความผิดทางวินัยทหาร แต่หากเป็นความผิดอาญาทหาร จะมีบทกำหนดโทษที่แตกต่างกันมากกว่าการตักเตือน ดังนั้น คณะผู้ตรวจสอบตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะต้องพิจารณาว่าการกระทำของ พล.อ.ปฐมพงษ์ผิดวินัยหรือเป็นความผิดอาญาทหาร ที่มีการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จากการประมวลพบว่า พล.อ.ปฐมพงษ์กระทำขัดต่อระเบียบและกฎหมายอย่างน้อย 4 ฉบับ คือ 1.มาตรา 74 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ระบุว่า ให้ข้าราชการปฏิบัติตนเป็นกลางทางการเมือง 2.ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยข้าราชการกระทรวงกลาโหมกับการเมืองปี 2549 3.พ.ร.บ.ระเบียบวินัยทหาร พ.ศ.2476 และ 4.คำชี้แจงกองทัพไทย ซึ่งออกโดยกองบัญชาการทหารสูงสุด
''ที่ พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าวบนเวทีพันธมิตรว่า มีการพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาและลูกน้องว่า จะมีคนมาจัดการผมแทน พล.อ.ปฐมพงษ์นั้น อยากให้ พล.อ.ปฐมพงษ์เปิดเผยมาเลยว่า จะจัดการอย่างไร เวลาใด และด้วยวิธีไหน หากเป็นชายชาติทหารจริงก็ควรที่จะเปิดเผยออกมาเลยว่า ผู้บอกว่าจะจัดการกับผมนั้นเป็นใคร เพราะชายชาติทหารไม่ควรใช้วิธีการข่มขู่แบบนี้ และหากคำพูดดังกล่าวมาจากการพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาก็ขอให้บอกมาด้วยว่า ผู้บังคับบัญชาของนายทหารอัตราจอมพลนั้นเป็นใคร เพราะเชื่อว่าในประเทศนี้มีอยู่เพียงไม่กี่คน'' นายณัฐวุฒิกล่าว
'จำลอง' ยุ 'ปฐมพงษ์' ฟ้องกลับ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรไม่เห็นด้วยกับการสอบสวนวินัย พล.อ.ปฐมพงษ์ เช่นเดียวกับประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่พอใจ เพราะเห็นว่าการกระทำของ พล.อ.ปฐมพงษ์เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ที่ผ่านมา พล.อ.ปฐมพงษ์รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาติ ในกรณีของการที่ต้องสูญเสียปราสาทพระวิหาร และมีคนกล่าวจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นจอมทัพไทย ในฐานะที่เป็นทหารกินเงินเดือนและมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยและพระมหากษัตริย์ พล.อ.ปฐมพงษ์จึงอยู่เฉยไม่ได้
''ก่อนหน้านี้ ท่านก็ได้ทำหนังสือส่งไปให้ผู้บัญชาการของเหล่าทัพต่างๆ แต่ไม่มีใครออกมาแสดงจุดยืนเรื่องดังกล่าว ท่านจึงต้องออกมาแสดงตัว ที่ผ่านมาท่านก็เป็นคนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรตลอด วันที่ย้ายเต๊นท์จากหน้าทำเนียบรัฐบาล ท่านก็มาช่วยย้ายด้วย ทั้งๆ ที่เป็นนายทหารระดับสูง จึงอยากเรียกร้องให้ท่านฟ้องกลับ'' พล.ต.จำลองกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า การวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี พล.ต.จำลองกล่าวว่า ''โฆษกกระทรวงกลาโหม ยศอะไร คงไม่รู้ว่า พล.อ.ปฐมพงษ์กินอัตราเท่ากับยศจอมพล ในทางปฏิบัติถ้ามีอะไรไม่เหมาะสมก็ใช้การพูดคุยกัน นอกจากนี้ พล.อ.บุญสร้างก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า คงจะไม่ได้มีการลงโทษอะไร''
ปชป.วอน.ม็อบอยู่ในกรอบ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ขณะนี้เกิดกลุ่มต่อต้าน และสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินไปชุมนุมตามจุดต่างๆ ที่รัฐมนตรีเดินทางลงปฏิบัติภารกิจว่า พรรคประชาธิปัตย์วิตกกังวลในเรื่องนี้ จึงต้องการฝากไปยังกลุ่มผุ้ชุมนุม ทั้งต่อต้านและสนับสนุน ขอให้ระมัดระวังการแสดงออก ให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย
''เข้าใจดีว่าประชาชนมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกถึงจุดยืนและความต้องการ แต่การแสดงออกต้องไม่นำไปสู่ความรุนแรง ต้องเป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพราะรัฐมนตรีมีหน้าที่จะต้องไปทำงานในขอบข่ายทั่วประเทศ ถ้าคนมาชุมนุมต่อต้านหรือสนับสนุน ไม่พึงระมัดระวัง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาบานปลาย กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และเป็นปัญหาซ้ำเติมประเทศไทยมากขึ้น'' นายองอาจกล่าว
'เฉลิม' ปูดส.ส.สอบตกต่อต้าน
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่อยู่ระหว่างเดินสายมอบนโยบายใน 14 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ประชุมมอบนโยบายให้ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนักการเมืองท้องถิ่น ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดหนองคาย โดยมีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 100 คน มาชูป้ายให้กำลังใจบริเวณด้านหน้าห้องประชุม และมีการขอลายเซ็น ร.ต.อ.เฉลิม เป็นที่ระลึก
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงกรณีมีกลุ่มพันธมิตรออกมาต่อต้านในบางจังหวัดว่า คนที่ออกมาต่อต้านล้วนแต่เป็น ส.ส.สอบตก เปรียบเหมือนมะพร้าวคั้นจนไม่เหลือกะทิเอาไปแกงไม่ได้แล้ว บังเอิญว่ารัฐมนตรีชุดนี้มีน้ำอดน้ำทนเยอะ โดยเฉพาะตนเข้ม หากจังหวะไม่ดีก็หนีก่อน ไม่คิดว่าการประท้วงจะเป็นการดิสเครดิตอะไร เพราะคนที่มาประท้วงมาไม่กี่คน แล้วไปโกหกว่ามีหลายพันคน
''ที่ จ.เลย นับให้ตายก็มีไม่เกิน 100 คน แล้วคนที่มาก็ยังไม่รู้ มาร้องตะโกนเฉลิมออกไป สมัครออกไป ทักษิณออกไป ท่านทักษิณไม่ได้เป็นรัฐบาลจะให้ท่านออกไปได้อย่างไร เพราะเขาเขียนมาให้ท่องให้ตะโกนตามที่ท่อง ยังไงก็ไม่ออกหรอกไล่ไปเถอะ'' ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
นครพนมพร้อมต้อนรับ มท.1
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมมีกำหนดการมามอบนโยบายที่ จ.นครพนม วันที่ 13 กรกฎาคม นั้น พ.ต.อ.ชัยญัติ สายถิ่น รอง ผบก.ภ.นครพนม ได้ระดมกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจากพื้นที่ สภ.อ.ต่างๆ ในพื้นที่กว่า 500 นาย เพื่อเตรียมความพร้อมดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่มต่อต้านพันธมิตร โดยวางกำลังตำรวจไว้ตามจุดที่พักต่างๆ ของโรงแรม ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม พร้อมตั้งจุดตรวจสอบการเดินทางเข้ามาของกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มที่ไม่หวังดี ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน แกนนำชุมชนและประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ ทยอยเดินทางมาจัดตั้งเวทีต้อนรับ ร.ต.อ.เฉลิมบริเวณหน้าโรงแรมริเวอร์วิว ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม
'ไชยวัฒน์' เจอไล่ที่กาฬสินธุ์
นายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิมจะเดินทางมามอบนโยบายที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 15-16 กรกฎาคม ว่าทางจังหวัดไม่ได้มีการสั่งการอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ และไม่มีการจัดม็อบมาเผชิญหน้ากันแต่อย่างใด แต่ถ้าเกิดเหตุบานปลายหรือมีมือที่สามมาคอยยุแหย่ จังหวัดได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ตลอดจนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเตรียมการในทุกภาคส่วนไว้แล้ว เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดในหมู่ชาวโคราช
ที่ จ.กาฬสินธุ์ เวลา 22.30 น. วันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เครือข่ายพันธมิตรจะขึ้นเวทีปราศรัย ปรากฏว่าถูกชาวบ้านกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลขับไล่ มีทั้งการปาขวดน้ำ ก้อนหิน จนทำให้กลุ่มพันธมิตรกาฬสินธุ์ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังกว่า 300 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์ กระทั่งเวลา 23.00 น. จึงกันแกนนำม็อบพันธมิตรออกจากพื้นที่ได้