กองทัพร่วมสัมมนากรณีเขาพระวิหารกับนักวิชาการ ระบุต้องไม่มีการซ่อนเงื่อน ป้องกันไม่ให้ผิดพลาดอีก 'ปองพล' ชี้แจง 'อภิสิทธิ์' หวั่นพูดขยายวง กระทบความสัมพันธ์เพื่อนบ้าน 'มาร์ค' ยังห่วงแผนผังเขตจัดการบริเวณปราสาท อาจทำให้เสียดินแดนในอนาคต ชท.ห่วงพื้นที่ทับซ้อนไม่ชัด เตรียมซัก ครม. หวั่นกลายเป็นมรดกบาป สมัชชาเกษตรกรศรีสะเกษเรียกร้องทหารให้ผลักดันคนเขมรออกจากไทยใน 7 วัน
'ปองพล' แจง 'อภิสิทธิ์' ปมพระวิหาร
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก กล่าวก่อนการเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับมติคณะกรรมการมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ของกัมพูชา ว่าที่ทำต้องมาชี้แจง เนื่องจากเกรงว่า หากมีการพูดขยายวงกว้างออกไป จะกระทบความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศได้ เพราะคนที่พูดรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ขอยืนยันว่า มติคณะกรรมการมรดกโลกไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย ไม่ได้ทำให้เราสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนนั้น ทุกอย่างยังเป็นเหมือนที่เคยปฏิบัติมาตลอด 46 ปี
''เมื่อปีที่ผ่านแล้ว กัมพูชาเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารรวมกับพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งเราก็ไปเจรจาจนเหลือแต่ตัวประสาท จึงชัดเจนว่าไม่รุกล้ำมาในดินแดนไทย คณะกรรมการมรดกโลกก็เป็นพยาน และยืนยันว่าไม่รุกล้ำเข้ามา ผมยินดีที่จะไปร่วมงานสัมมนาต่างๆ เพื่อชี้แจงเรื่องนี้ รวมทั้งยังยินดีไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ขอปฏิเสธที่จะชี้แจงบนเวทีพันธมิตร'' นายปองพลกล่าว
'มาร์ค' ยังห่วงเขตจัดการพระวิหาร
ด้านนายอภิสิทธิ์แถลงว่า ได้แลกเปลี่ยนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่ามติของกรรมการมรดกโลก จะมีผลอย่างไรต่อไทย โดยพบว่า กัมพูชาต้องเร่งทำหลายเรื่อง อาทิ แผนที่ตัวปราสาท การกำหนดบริเวณเขตอนุรักษ์ และเขตการจัดการต่างๆ จึงเป็นห่วงว่าหากให้ทางกัมพูชาจัดทำแล้ว ขอบเขตที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ทราบ ตัวแผนผังที่ประชุมในคณะกรรมการมรดกโลก ประเทศไทยไม่ได้รับมา ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพูดคุยกับกัมพูชาในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในอนาคต และขอเร่งรัฐบาลให้เร่งชี้แจงนานาชาติให้รับทราบถึงกรณีที่มีการคัดค้านแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกด้วย เพื่อที่จะไม่เอาเรื่องดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างในอนาคต
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยิ่งดูมติครั้งนี้ยิ่งทำให้เรามองเห็นว่าถ้าปล่อยให้แถลงการณ์ร่วมมีผลความเสียหายมหาศาลจริงๆ ไม่เพียงแต่ปราสาทอาจจะเลยไปถึงแผนที่ด้วย และตัวที่ไปฉุดให้ความเสียหายลดลงคือ การคัดค้านของทุกฝ่ายจนทำให้แถลงการณ์ร่วมฯใช้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องยอมรับว่าการทำเรื่องนี้เร่งด่วน และต้องอาศัยช่องทางในอนุสัญญากรุงเวียนนาที่มีการกล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกัน
'สมศักดิ์' กังวลเป็นมรดกบาป
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ตนมีความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนรอบบริเวณประสาทพระวิหารมาก เพราะเกรงว่า หากวันนี้เราไม่ดำเนินการอะไรให้ชัดเจนว่าพื้นที่ของไทยอยู่ตรงไหน กัมพูชาอยู่ต้องไหน หากเวลาผ่านไปอีก 10-20 ปีข้างหน้า มีการหยิบยกเรื่องพื้นที่มาตัดสินอีก ไทยอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะความเข้าใจของคนทั้งโลกในขณะนั้น อาจเหมารวมเรื่องพื้นที่เข้ากับตัวปราสาท ที่ได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกไปแล้ว และไทยอาจจะถูกตราหน้าว่าเป็นขี้โกง ไปแย่งชิงพื้นที่คนอื่นได้ และเมื่อถึงตอนนั้น เราอาจจะเสียดินแดนซึ่งเป็นสมบัติของไทยแน่นอน
''ในการประชุม ครม. วันที่ 15 กรกฎาคมนี้ หากที่ประชุมหยิบยกประเด็นเรื่องเขาพระวิหารขึ้นมาพูดคุยกัน ผมจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนให้เกิดความชัดเจน จะเสนอให้กระทรวงมหาดไทย ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงต่างประเทศ ไปพิจารณาเรื่องนี้ร่วมกัน เพราะไม่อย่างนั้น มรดกเรื่องนี้ อาจกลายเป็นมรดกบาปในอนาคต รุ่นลูกรุ่นหลานจะมาชี้หน้าด่าเราได้'' นายสมศักดิ์กล่าว
พันธมิตรยื่นป.ป.ช.เอาผิดขรก.ด้วย
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทีมโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรจะล่ารายชื่อ 20,000 ชื่อ เพื่อยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ฐานทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 น่าจะได้รายชื่อครบภายใน 1-2 วันนี้ และจะไปยื่นให้กับประธานวุฒิสภาต่อไป 2. ดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะการดำเนินคดีกับข้าราชการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายอาญา มาตรา 157, 119,120 ในส่วนของข้าราชการจะอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ข้าราชการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรมแผนที่ทหาร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้า ป.ป.ช.ชี้ว่ามีมูลความผิด คณะรัฐมนตรีทั้งคณะก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที แม้จะยุบสภาเพื่อหนีความผิด ก็จะไม่เป็นผล เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ว่าประเทศไทยเสียดินแดนเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้น ไม่เป็นความจริง เพราะการไปลงนามแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา เท่ากับเป็นการสละสิทธิในตัวพื้นที่ใต้ปราสาท และบริเวณรอบนอก 30 เมตร และยังเท่ากับเป็นการปฏิเสธหลักการเดิม ที่ฝ่ายไทยยึดถือสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน ตามข้อตกลงร่วมกับฝรั่งเศส อาจทำให้เกิดปัญหาแบบเดียวกับปราสาทพระวิหารอีก 41 จุด รวมถึงพื้นที่เขตแดนในทะเล ทำให้ไทยเสียเปรียบได้อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ คณะกรรมการมรดกโลก ยังระบุชัดเจนว่า 7 ประเทศ ที่จะเข้าไปบริหารจัดการในส่วนของปราสาทพระวิหารนั้น ไม่เพียงแต่เฉพาะตัวปราสาท แต่เป็นในส่วนของพื้นที่บัฟเฟอร์โซน (เขตกันชน) ด้วย
ร้องทหารผลักดันคนเขมรใน7วัน
ที่บริเวณผามออีแดง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายรณชิต ทุ่มโมง รองเลขาธิการ สมัชชาเกษตรกรรายย่อย จ.ศรีสะเกษ พร้อมองค์กรพันธมิตรนำสมาชิกประมาณ 200 คน เปิดเวทีโจมตีรัฐบาลต่อกรณีเขาพระวิหาร พร้อมกล่าวว่า ทางกลุ่มยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการกองทัพบกผ่านผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 เพื่อขอทราบความชัดเจน ในการรักษาอำนาจอธิปไตย โดยเรียกร้องให้ผลักดันชาวกัมพูชาออกจากเขตแผ่นดินไทยภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 13-21 กรกฎาคมนี้ ต้องนำธงไทยไปปักที่บันไดขั้นที่ 16 นับจากตัวปราสาทพระวิหารลงมา ขอให้คณะกรรมการปักปันแนวเขตให้ชัดเจนภายใน 7 วัน ถ้ากองทัพบกไม่สามารถรักษาอำนาจอธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยได้ ก็ต้องเป็นภารกิจของประชาชนคนไทย
ที่ จ.นครราชสีมา พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการดูแลประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชาบริเวณทางขึ้นเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ว่า ดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม กองทัพภาคที่ 2 ยังไม่ส่งกำลังไปตรึงบริเวณดังกล่าวเพิ่มเติมเพราะสถานการณ์ในพื้นที่ตามชายแดนยังเรียบร้อยดี สถานการณ์ยังคงเป็นปกติ ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รับคำสั่งให้ผลักดันชาวกัมพูชาออกไปหรือไม่ พล.ท.สุจิตรกล่าวว่า ยังไม่มี ส่วนร้านค้าของชาวกัมพูชาก็ยังไม่มีอะไร คิดว่าเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 จะดูแลพื้นที่ชายแดนให้เรียบร้อย พื้นที่ชายแดนเราสร้างความสัมพันธ์กันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาอยู่แล้ว ส่วนเรื่องด่านตอนนี้ทุกช่องทางยังดำเนินการปกติ เว้นการท่องเที่ยวที่เขาพระวิหารต้องระงับไว้ก่อนจุดเดียว นอกนั้น ยังติดต่อค้าขายกันตามปกติ
กองทัพสัมมนา 'พระวิหาร' กันโง่ซ้ำ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 12 กรกฎาคม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวในรายการ ''ลับ ลวง พราง'' ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท) เอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ ว่าการจัดสัมมนาเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ของกัมพูชา ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ในวันที่ 13 กรกฎาคม จะมีนักวิชาการสาขาต่างๆ มาร่วมงาน แต่จะไม่มีนักการเมืองเข้าร่วม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียและผิดพลาดอีก เรื่องนี้ต้องคุยกันหลายฝ่ายและตรงไปตรงมา แต่เรื่องหลักคือทุกเรื่องมีบทเรียนในการทำงานอยู่แล้ว และเวทีแบบนี้จะต้องมีบ่อยในประเทศเรา จะได้ทำให้หลายๆ อย่างดีขึ้น และประชาชนจะได้รับรู้ สำหรับกรณีเขาพระวิหารนั้นตนพูดเสมอว่าเป็นปัญหาที่ยาก ต้องให้มีการพูดคุยกันหลายฝ่าย
พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า การจัดงานสัมมนาครั้งนี้ตนจะเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย แต่จากการพูดคุยกับหลายคนแล้วไม่อยากให้ผู้สื่อข่าวเข้าฟัง เพราะถ้าผู้สื่อข่าวฟังหลายคนจะพูดได้ไม่เต็มที่ หรือมีการถกเถียงกัน หากผู้สื่อข่าวอยู่ด้วยจะน่าเกลียด แต่ก็จะมีการแถลงผลสรุปการสัมมนาที่เหมาะสมอีกครั้ง
หวังเป็นบทเรียนพื้นที่ทับซ้อนอื่น
พล.อ.บุญสร้างกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า การให้กรรมการ 7 ประเทศมาร่วมดำเนินการในพื้นที่บริเวณประสาทพระวิหารตามมติคณะกรรมการมรดกโลกทำให้ไทยเสียเปรียบ ว่าอาจจะคิดอะไรทำนองนี้ก็ได้ แต่จะพูดไปทำไมเมื่อยังไม่ได้ฟังทุกฝ่าย จึงต้องการฟังให้แน่ชัดก่อน เพราะเรื่องแบบนี้คนมักพูดไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็ยังพูดไม่เหมือนกันจนทำให้ประชาชนสับสน และการถกกันด้วยเหตุด้วยผล โดยเอาคนเก่งๆ เข้ามาพูดคุยความจริงมันจะหนีไปไหนไม่ได้ จะมีการซ่อนเงื่อนหรืออะไรไม่ได้
''เราจะได้รู้ว่าสถานภาพที่แท้จริงขณะนี้เป็นอย่างไร และจะได้บทเรียนในสิ่งที่เราได้ทำไปว่าดีหรือไม่ หรือดีกว่านี้อีกได้หรือไม่ และเราควรจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องปราสาทพระวิหาร เพราะเรื่องมันยังไม่จบ ซึ่งจะเป็นบทเรียนสำหรับที่อื่นๆ รอบประเทศด้วย'' พล.อ.บุญสร้างกล่าว
เมื่อถามว่า หากผลสรุปการสัมมนาออกมาว่าไทยสูญเสีย จะมีกระบวนการต่อไปอย่างไร พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ตนจะไปดูว่าอะไรที่จะเป็นประโยชน์ หรือควรจะต้องบอกกับส่วมร่วมอย่างไร หรืออะไรที่ควรส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รู้ว่าเราคิดอย่างไร เพราะเขาอาจจะไม่รู้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่จะเข้ามาช่วยได้ เพราะสปิริตในความโปร่งใสเป็นเรื่องสำคัญ
ป้องกรมแผนที่ทหารแค่งานเทคนิค
เมื่อถามว่า มั่นใจในกรมแผนที่ทหาร ซึ่งอยู่ในสังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ที่เคยดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ''กรมแผนที่ทหารมีหน้าที่ทางเทคนิคเท่านั้น ใครจะไปพูดอย่างไรก็แล้วแต่ แต่กรมแผนที่ทหารมีหน้าที่ไปวัดแค่นั้น มันง่ายๆ เลย และผมจะเคลียร์พรุ่งนี้ด้วยว่าเรื่องมันแค่นี้ ใครไปพูด แล้วใครไม่พอใจมันอีกเรื่องหนึ่ง ก็แล้วแต่ แต่หน้าที่ของเรามีหน้าที่ทางเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่มีหน้าที่ไปกำหนดว่าอะไรเป็นเขตแดนหรืออะไรทั้งนั้น ผมไม่อึดอัดใจหรอกและผมจะเคลียร์ด้วย''
ถามว่าเคยถามเจ้ากรมแผนที่ทหารหรือไม่ ที่มีข่าวว่าแผนที่ที่กัมพูชาให้กรมแผนที่ทหารดูไม่ตรงกับแผนที่ที่ส่งไปถึงยูเนสโก พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกัน เรื่องพวกนี้ซับซ้อนน่าดู ถ้าไม่แน่ใจแล้วไปพูดมันจะเกิดปัญหาตามมา เมื่อถามว่า หลายคนบอกว่าประเทศไทยสูญเสียในพื้นที่ที่ทับซ้อน พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า ไม่ได้พูดอะไร และไม่เคยบอกว่ามันเสียหรือไม่เสีย แต่พูดเสมอว่าปัญหาปราสาทพระวิหารเป็นปัญหาที่ลึกซึ้ง ยิ่งไม่รู้ข้อมูลทั้งหมดจะปวดหัว จึงอยากรู้ให้มันหมด
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 กรกฎาคม ตนและนักวิชาการกลุ่มหนึ่งจะเข้าพบกับ พล.อ.บุญสร้าง ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ.เพื่อยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนรอบบริเวณเขาพระวิหาร เพื่อหาทางออกที่ดีให้กับทุกฝ่าย