ไทยออกแถลงการณ์คัดค้านขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

นายนพดล ปัทมะ รมว.กระทรวงการต่างประเทศและนายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย ได้บันทึกเสียงแจ้งมายังผู้สื่อข่าวกระทรวงถึงผลของคณะกรรมการมรดกโลกที่ประกาศให้ปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาท
โดยนายปองพลยืนยันว่าไทยไม่ได้เสียดินแดนโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ไทยจะเสนอให้พื้นที่บริเวณนอกตัวปราสาทและภูมิทัศน์วัฒนธรรมบริเวณเทือกเขาพนมดงรักเป็นมรดกโลกต่อไป

ด้านนายนพดล ระบุว่า
 
ท่าทีของไทยได้ออกแถลงการณ์คัดค้านไม่เห็นด้วยกับมติของคณะกรรมการมรดกโลก และขอสงวนสิทธิ์ตามที่พ.อ.(พิเศษ)ถนัด คอมันตร์ ทำไว้เมื่อปี 2505


 ขณะที่พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ยืนยันว่า

บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่มีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เชื่อว่าความสัมพันธ์ยังคงเดินหน้าต่อไป  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสิ้นสุดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับ อย่างไรก็ตามมีรายงานว่านายนพดลได้เดินทางต่อไปยังประเทศอังกฤษ และจะกลับในวันที่ 10 ก.ค.


สำหรับแถลงการณ์คัดค้านคณะกรรมการมรดกโลกระบุว่า

ข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลกไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในทางปฏิบัติ เนื่องจากการกระทำหรือมาตรการและการดำเนินการใดๆที่จะติดตามมาหลังจากนี้ ไม่ว่าจะโดยกัมพูชาหรือฝ่ายที่สามอื่นๆ ในพื้นที่ข้างเคียงปราสาทพระวิหารที่เป็นดินแดนไทยนั้นจะไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะได้รับความยินยอมของประเทศไทยเท่านั้น ในฐานะประเทศภาคีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ค.ศ. 1972 ประเทศไทยยืนยันสิทธิทั้งหลายทั้งปวงของไทยตามมาตรา 11(3) ของอนุสัญญาฯ
ซึ่งกำหนดว่าการรวมเอาทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยหรือเขตอำนาจ ซึ่งอ้างสิทธิมากกว่าหนึ่งรัฐจะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของรัฐที่มีข้อพิพาท


 ประเทศไทยขอย้ำว่า

การประท้วงและคัดค้านเอกสารทั้งปวงที่กัมพูชาได้ยื่นเพื่อเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานเทคนิคของคณะผู้เชี่ยวชาญ และรายงานความก้าวหน้าที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง เพราะประเทศไทยถูกปิดโอกาสไม่ให้เข้าร่วมอย่างเต็มที่จนจำใจต้องสงวนสิทธิและปลีกตัวออกจากรายงานดังกล่าวในท้ายที่สุด
ประเทศไทยประสงค์ให้บันทึกแก่คณะกรรมการมรดกโลกว่า แผนบริหารจัดการของปราสาทพระวิหารที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติจะไม่มีทางสมบูรณ์ได้ หากปราศจากความร่วมมือจากประเทศไทย


 ประเทศไทยรู้สึกเศร้าใจที่ว่า

คณะกรรมการมรดกโลกได้เพิกเฉพยต่อข้อเท็จจริงที่ว่า ไทยมีฐานะเป็นประเทศที่มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญ และความเป็นไปได้ที่ไทยจะยื่นเสนอบริเวณโดยรอบในเขตแดนไทยที่มีลักษณะสอดคล้องเกื้อกูลต่อคุณค่าอันโดดเด่นอันเป็นสากลของปราสาทพระวิหารในฐานะมรดกโลก เพื่อให้คุณค่าของสินทรัพย์แห่งนี้ มีความสมบูรณ์ในฐานะมรดกโลกอย่างแท้จริง ดังนั้นประเทศไทยขอย้ำว่า ณ ที่นี้ ถึงความตั้งใจที่จะยื่นจดทะเบียนสถานที่และอาณาบริเวณในดินแดนไทยที่เกี่ยวเนื่องกับปราสาทพระวิหาร เพื่อให้ได้รับสถานะเป็นมรดกโลก เพื่อให้คุณค่าความสำคัญและความสมบูรณ์ของสถานที่แห่งนี้ ปรากฏเป็นความจริง ในการนี้ ไทยจึงร้องขอคณะกรรมการฯ พิจารณาให้การสนับสนุนเจตนาของประเทศไทยด้วย

 โดยสรุปประเทศไทยซึ่งจำเป็นต้องคัดค้านข้อมติในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกตามที่กัมพูชาเสนอโดยฝ่ายเดียว
 
เนื่องจากเป็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่ขาดความสมบูรณ์ และไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในนามของคณะผู้แทนไทย ขอแจ้งและให้ความมั่นใจกับคณะกรรมการมรดกโลกว่า ปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนี้ เป็นเพียงประเด็นเดียวในภาพรวมของความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชา รัฐบาลไทยยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชาในทุกเรื่องต่อไป เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศและประชาชนของทั้งสองประเทศ


 สุดท้ายไทยประสงค์จะย้ำการสงวนสิทธิต่างๆตามที่ระบุในหนังสือลงวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ.1962

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของราชอาณาจักรไทย ถึงรักษาการเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ และยืนยันรักษาสิทธิของไทยว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกจะไม่กระทบต่อสิทธิทั้งปวงของประเทศไทยเกี่ยวกับบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตย ตลอดจนการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบกในพื้นที่ในอนาคตและท่าทีทางกฎหมายของประเทศไทย


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์