ที่สถาบันพระปกเกล้า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้บรรยายพิเศษกับนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า
เรื่อง “ประสบการณ์ประชาธิปไตย” ตอนหนึ่งว่า วันนี้ปัญหาของประเทศคือความขัดแย้งของสังคม ที่มาจากปัญหาพื้นฐานการเมืองการปกครองที่ไม่เป็นธรรม การจะแก้ไขปัญหานี้ต้องเริ่มจากนโยบายของพรรคการเมือง ถ้าเราไม่แก้ปัญหาเรื่องการเมือง รับ รองได้ว่าวินาศสันตะโร ถ้าวันนี้เป็นนายกฯจะใช้มือดีๆ บุคลากรทางการเมืองจากทุกพรรค เช่น นายสมศักดิ์ ปริศนา-นันทกุล รมว.เกษตรฯและรองหัวหน้าพรรคชาติไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯและหัวหน้าพรรคประ-ชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชา-ธิปัตย์ มาร่วมกันเป็นรัฐบาลแห่งชาติรัฐบาลเฉพาะกาล มองไม่เห็นว่าทำไมมันจะทำไม่ได้
ถ้าเราเริ่มตั้งแต่วันนี้ ประชาชนได้เห็น ต่างชาติได้เห็น จะเกิดความเชื่อมั่น มีกำลังใจในการพัฒนาตรงนี้ถือเป็นภารกิจประวัติศาสตร์ ระดับเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศที่กำลังพัฒนาประเทศ ที่จะก้าวไปสู่ความเจริญได้ ต้องมีการปฏิวัติประชาธิปไตย ไม่ใช่ปฏิวัติรัฐประหาร
พล.อ.ชวลิตกล่าวถึงสถานการณ์ประเทศไทยในขณะนี้ว่า คงไม่ถึงขนาดใกล้เคียงกับเหตุการณ์ก่อน 19 ก.ย. 2549 ทหารคงจะเข็ดแล้วคงจะไม่คิดทำอะไร
เมื่อถามว่าความไม่เป็นธรรมหมายความว่าอย่างไร พล.อ. ชวลิตตอบว่า ปกติเรารู้อยู่แล้วว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ แต่ถ้ามันไม่ใช่ก็กลายเป็นการปกครองในรูปแบบอื่น เช่นวันนี้มีปัญหาความยากจนมากมายทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือการต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเผด็จการ รวยมหาศาล ได้ประโยชน์ เอาเขาพระวิหารไปให้คนอื่น นี่คือความขัดแย้ง วิธีจะแก้ปัญหาต้องมีองค์กรแห่งการแก้ไขความขัดแย้ง แต่ยังไม่มีรัฐบาลไหนแก้ความขัดแย้งได้ 76 ปี เพราะแก้ไขปัญหาพื้นฐานในบ้านเมืองผิด
เมื่อถามว่า สังคมยังมองการฝังรากของขั้วอำนาจเก่า พล.อ.ชวลิตตอบว่า แล้วไปรังเกียจเขาทำไม
ขั้วอำนาจเก่า ถ้าเขาทำประโยชน์ให้ แผ่นดิน ใครทำประโยชน์ให้แผ่นดิน จะเกลียดเขาได้อย่างไร คนที่มาต่อต้านเขา เพราะมองว่าเขาไม่ได้ทำประโยชน์ให้แผ่นดิน ดังนั้นจึงเสนอแนวทางรวมบุคลากรการเมืองจากทุกพรรคมาเป็นรัฐบาลแห่งชาติ