นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยถึงบทวิเคราะห์ของหนังสือเนชั่นสุดสัปดาห์
โดยระบุว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรคือวัฒนธรรมการเมืองใหม่ ซึ่งทำให้การชุมนุมเป็นเรื่องสนุกสนาน และไม่มีความรุนแรง โดยเป็นเรียลิตี้โชว์ตลอด 24 ชั่วโมง จึงถือเป็นประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ และเป็นนวัตกรรมใหม่ทางการเมือง ส่วนสถานีโทรทัศน์พีทีวีซึ่งปิดตัวเองและตายไปพร้อมๆ กับตำแหน่งทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งข้ออ้างคือ ขาดทุน นั่นแสดงให้เห็นว่าตั้งสถานีพีทีวีขึ้นมาเพื่อหากำไรและค้าขาย โดยไม่ต้องการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเหมือนสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ที่กำลังดำเนินงานอยู่
“ถ้าจะฟื้นพีทีวีขึ้นมา ก็ขอให้ทำเนื้อหาของข่าวสารมาแข่งขันกัน โดยมาสู้กันที่คุณภาพ ที่สำคัญเอเอสทีวีจวนเจียนจะปิดตัวลงหลายครั้ง แต่ด้วยแรงศรัทธาของประชาชนที่มีพลังมหาศาล จึงปลุกให้เอเอสทีวีคืนชีพขึ้นมายืนอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นพีทีวีจึงไม่มีทางที่จะเป็นสื่อแท้ เพราะเป็นสื่อการเมืองชัดเจน โดยจะเห็นได้จากการเปิดตัวเมื่อเกิดวิกฤติทางการเมือง และไม่เข้าใจว่าแกนนำ นปก. จึงเป็นถึง ส.ส.และเป็นรัฐมนตรี ฉะนั้นเจตนารมณ์จึงชัดเจนว่าต้องการปกป้องระบอบทักษิณเท่านั้นเอง โดยไม่สนใจว่ารัฐธรรมนูญเปิดช่องหรือไม่ เพราะกฎหมายมาตรา 48 เขียนไว้ชัดเจนว่า ห้ามนักการเมืองถือหุ้นในกิจการสื่อ ไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งไม่สามารถใช้นอมินี หรือร่างทรง ไม่สามารถทำได้” นายสุริยะใสกล่าว