โต้นักวิจัย ยันไทยไม่เสีย

"นพดล" จวกนักวิจัย มธ.ทำตัวเป็นนักวิจารณ์ไม่รู้จริงกรณี "เขาพระวิหาร" โต้แย้ง 5 ประเด็น ยัน 4.6 ตร.กม.เป็นพื้นที่ทับซ้อนปัดบิดเบือน ย้ำไทยไม่เสียดินแดน เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาท


วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ  นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวตอบโต้กรณีที่ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการด้านเขตแดน สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาระบุว่า

ท่าทีของรัฐบาลไทยต่อกรณีเขาพระวิหารเหมือนกับยอมรับอธิปไตยของกัมพูชา ในการแถลงเรื่อง "ข้อเท็จจริงในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร” โดย นายนพดลกล่าวว่า นักวิจัยในสถาบันไทยคดีศึกษาบางกลุ่มและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังไม่เข้าใจกรณีแผนที่เขาพระวิหารแล้วออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยนักวิจัยเหล่านั้นทำตัวเป็นนักวิจารณ์ ซึ่งตนเห็นว่างานวิจัยดังกล่าวต่ำกว่ามาตรฐาน จึงขอเรียกร้องให้เพิ่มมาตรฐานในการทำวิจัย



 


นายนพดล กล่าวต่อว่า
 
ตนพร้อมชี้แจงในทุกเรื่อง โดยแยกเป็นประเด็นดังนี้

1.ตนขอปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่าประเทศไทยไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 เพราะรัฐบาลในสมัยนั้นได้คืนปราสาทเขาพระวิหารแก่กัมพูชาไปตั้งแต่ศาลโลกมีคำตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา  
 
2.ข้อกล่าวหาที่ว่าไทยไม่เคยคัดค้านการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวกัมพูชาในพื้นที่ทับซ้อนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือประท้วงถึง 3 ครั้ง และมีบันทึกช่วยจำถึงทางการกัมพูชาชี้แจงว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทย ห้ามบุคคลใดมาบุกรุกมาตั้งรกราก 

3.การกล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนความจริงที่ว่าพื้นที่บริเวณพื้นที่เขาพระวิหารเป็นพื้นที่ทับซ้อนนั้น ตนขอปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่ต้องการบิดเบือนเรื่องใดทั้งสิ้น แต่พื้นที่บริเวณ 4.6 ตร.กม.เป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ 
 
4.การที่สถาบันไทยคดีศึกษาระบุว่าไทยยอมรับแผนที่ฉบับใหม่ที่กัมพูชายื่นมานั้นทำให้กัมพูชาไม่ยอมรับเส้นเขตแดนตามมติคณะรัฐมนตรีในปี 2505 นั้น  ตนยืนยันว่าไทยไม่เคยยอมรับการกำหนดเส้นเขตแดนเมื่อปี 2505 แต่ไทยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กัมพูชา โดยไม่ล่วงล้ำมาในไทย  อีกทั้ง ตนขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารทำให้ไทยเสียดินแดน เพราะการขึ้นทะเบียนไม่เกี่ยวกับการปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ 

5.ส่วนที่ระบุว่ารัฐบาลละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 (2) ตนขอชี้แจงว่าแถลงการณ์ร่วมของไทยและกัมพูชาไม่ใช่สนธิสัญญา จึงไม่มีข้อผูกมัดทั้งสิทธิและหน้าที่ ดังนั้นไม่ต้องขออนุมัติจากรัฐสภา 
 
เมื่อถามว่าไทยจะจัดการกับชาวกัมพูชาที่มาตั้งรกรากในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.อย่างไร  รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า
 
ไทยจะต้องเจรจากับทางกัมพูชาเพื่อทำแผนพัฒนาร่วมกัน แล้วต้องส่งแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการมรดกโลกภายในปี 2553 อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากกัมพูชาขึ้นทะเบียนเขาพรวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว จะยังคงใช้ทางขึ้นปราสาทพระวิหารทางฝั่งไทยต่อไป  ส่วนที่มีการสร้างถนนเข้าสู่พื้นที่เขาพระวิหารโดยกัมพูชาให้จีนมาร่วมทุนในโครงการนี้นั้น ตนทราบว่าฝ่ายจีนได้ระงับเรื่องนี้ไปแล้ว.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์